บทนำ
@Fire Speed Park
บรื้น บรื้น บรื้น
“กรี๊ดดดดด”
“วู้วววว”
เสียงกรี๊ด เสียงร้องเชียร์ ดังไปพร้อมกับเสียงเบิ้ลของเครื่องยนต์ที่กำลังเทสเพื่อการแข่งขันดังกระหึ่มไปทั่วสนามแข่งรถขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่ที่เข้ามาดูก็จะเป็นเด็กมหาลัยKING และกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มที่ชอบรถแข่ง
ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามานั่งประจำที่บนอัฒจันทร์ด้วยความตื่นเต้น ซึ่งครั้งนี้นับว่าเป็นแมตช์สำคัญระหว่างเจ้าของสถิติที่หนึ่งตลอดกาลของสนามกับผู้ท้าชิงที่เป็นคู่อริเก่า ทำให้มีผู้คนและเหล่าบรรดานักศึกษาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ทว่าสำหรับการแข่งแมตช์นี้...ไม่ใช่การแข่งรถแบบนักแข่งมืออาชีพที่ชิงถ้วยรางวัลแต่อย่างใด
แต่นี่......คือการแข่งเพื่อศักดิ์ศรีเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งของสนาม และ...เพื่อสิ่งของเดิมพัน!
ซึ่งสิ่งเดิมพันหรือของรางวัลที่ว่า...มักล้วนแล้วแต่การตกลงของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเงินสิ่งของหรือแม้กระทั่งเป็น คน!
แม้คนที่ถูกนำมาเป็นสิ่งเดิมพัน จะไม่ยินยอมแต่หากอีกฝ่ายต้องการ ก็ไม่สามารถที่จะขัดความต้องการนั้นได้ เพราะมองว่าเป็นเรื่องของการเสียศักดิ์อยู่เช่นกัน
ในเมื่อ ‘ถ้าคิดว่าตัวเองจะชนะ ทำไมต้องปฏิเสธด้วยล่ะ’
….
“กรี๊ดดด”
“วู้ววว วู้ววว”
เวลาในการแข่งขันเริ่มใกล้เข้ามา เสียงกรีดร้องของบรรดากองเชียร์ยิ่งทวีความดังขึ้นกว่าเดิม เมื่อคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นที่หนึ่งได้ปรากฏกายเดินเข้ามาในสนาม
ชายหนุ่มในชุดนักแข่งรถสีขาวแดง ร่างสูงโปร่งราว185เซนติเมตร ท่าทางดูมาดมั่นเดินก้าวตรงไปยังรถที่จอดอยู่ยังจุดสตาร์ท ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งคิ้วขมวดอัตโนมัติเมื่อเจอกับแสงแดดจ้ากลางแจ้ง แต่นั่นไม่อาจลดความหล่อของเขาลงเลยแม้แต่น้อย ผมดำขลับผิวขาวผ่อง คิ้วเข้มดก จมูกเป็นสันโด่งชัด ริมฝีปากอิ่มชมพูรับกับกรอบหน้าฟ้าประทาน มาพร้อมกับดวงตาแข็งกร้าวกระชากใจสาว ๆ เมื่อได้จ้องมองหรือสบตา ภายในมือที่ถืออยู่เป็นหมวกกันน็อกคู่กาย
ไฟ อัคคี อัครสุวรรณวงศ์
ลูกชายคนเดียวของเจ้าของสนามแข่ง Fire SpeetPrak แห่งนี้ และแน่นอนเขาคือที่หนึ่งของสนามมาเสมอและยังไม่มีใครที่จะสามารถโค่นอันดับจากไฟได้เลยสักครั้ง
แค่การปรากฏตัวของเขาผู้คนที่เข้ามาเชียร์ก็ร้องดังสนั่นไปทั่วสนาม พร้อมกันนั้นทั้งสองข้างยังขนาบไปด้วยสองเพื่อนซี้อย่าง เพลิง และ พายุ ที่เดินมาส่ง สมฉายาสามหนุ่มสุดฮอตสมชื่อประจำมหาลัยKING
สามหนุ่มฮอตประจำคณะวิศวกรรมยานยนต์ ไฟ เพลิง และ พายุ หล่อ รวย และ ฉลาด ทั้งสามคนเป็นที่หมายปองของสาว ๆ ทั่วทั้งนอกและมหาวิทยาลัย ชีวิตของพวกเขาทั้งสามคนเรียกได้ว่าครบ จบ และเพอร์เฟคไปทุกอย่าง
เมื่อเดินมาถึงรถคู่หูประจำตัวไฟก็จัดการสวมหมวกเพื่อเตรียมแข่งขันทันที
“รอบนี้มันมาท้าแข่งมึงของเดิมพันเป็นอะไรวะ” พายุที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้นหากแต่สายตากำลังจ้องมองไปยังรถท้าแข่งที่กำลังจอดเทียบอยู่ข้าง ๆ รถของไฟ
“รถ” เสียงทุ้มเอ่ยตอบออกมาเพียงสั้น ๆ ซึ่งเป็นอันรู้กัน ว่าสิ่งที่เขาหมายถึงคือรถคู่ใจที่ใช้แข่งคันนี้
“หึ ไอ้เหี้ยนี่มันกะจะเอาคืนให้คุ้มที่มึงได้จากมันมาเลยว่างั้น” เพลิงแค่นหัวเราะออกมาอย่างนึกตลกให้กับคู่อริที่พยายามขอท้าแข่งมาตลอดแต่ก็แพ้มาตลอดเช่นกัน
“พวกมันนี่วอนสัส!” พายุพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังรถแข่งของคู่แข่ง “ท้าร้อยครั้งแพ้ร้อยครั้ง คิดเหี้ยอะไร ความอยากเอาชนะแบบโง่ ๆ” ยิ่งพูดน้ำเสียงก็ยิ่งหงุดหงิดปนรำคาญ
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สอง แต่เป็นนับสิบครั้งที่อีกฝ่ายขอแข่งท้าดวลเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งของเจ้าสนาม แม้จะรู้ว่าไฟได้เปรียบเพราะเขาเป็นถึงลูกชายคนเดียวของเจ้าของสนาม และพวกมันก็แพ้เขาราบคาบมานักต่อนัก แต่พวกมันก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้
“อยากเอาชนะกูมากก็ลองดู” ไฟยักไหล่อย่างไม่ยีระ เพราะเขามั่นใจว่ายังไงฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีวันเอาชนะเขาได้ ขนาดเขาเรียกเงินอีกฝ่ายหลักล้าน พวกมันก็กล้าท้าแถมยังกล้าขอรถคันนี้จากเขาอีก
หึ! งั้นก็ลองวัดดู
“กูจะเอาให้พวกมันแม่งหมดตัว!”
“เชรด องค์พ่อกูลงว่ะ” รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้าหล่อลูกครึ่งญี่ปุ่นอย่างเพลิง เขาถึงกับส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนชายพูด
“แต่แม่งโคตรน่ารำคาญ เสียเวลาชีวิตกูฉิบหาย” หากแต่ไฟยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด รู้สึกรำคาญกับการท้าแข่งทุกวันที่ 5 เดือนของอีกฝ่าย เหมือนกับพวกมันจะต้องการแข่งจนกว่าจะเอาชนะเขาให้ได้ถึงจะหยุด
แต่บอกเลย จะไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน!
“ก็ดี เอาให้มันเข็ดหลาบ จะได้เลิกอยากเอาชนะมึงสักที” พายุก็เอ่ยเสริม
“แต่กูว่า รอบนี้พวกมันดูแปลก ๆ วะ”
“ยังไง”
“ก็ไม่เห็นมันเปิดหน้ามาทักทายมึงอย่างแต่ก่อน” เพลิงพูดหัวเราะเยาะ เท่าที่่เขาสังเกตเห็นคนท้าแข่งเข้าไปนั่งประจำที่นั่งคนขับเรียบร้อยตั้งแต่พวกเขายังไม่เดินมาที่รถเสียด้วยซ้ำ ซึ่งปกติแล้วคนอย่างมันก่อนแข่งมักจะเดินมาท้าทายยั่วโมโหพวกเขาก่อนแข่งทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป! เพราะมันยังนั่งนิ่งมือจับพวงมาลัยตามองไปที่สนามแข่งอย่างจริงจัง
ไฟหันมองไปมองเพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนจะเอ่ยพูดออกมา
“จริงจังสัส"