บทที่5 ให้ฉันไปลองดูเถอะ
บทที่5 ให้ฉันไปลองดูเถอะ
ณ ฝูหรงย่วน
ภายในอพาร์ตเมนต์หลังเล็ก ๆหลังหนึ่ง เจียงสื้อสื้อกำลังสวมผ้ากันเปื้อนไว้และกำลังทำอาหารมื้อเย็นอยู่ที่ห้องครัว
ส่วนข้างๆ หนุ่มน้อยถือนมแก้วหนึ่ง เดินไปๆมาๆ และสังเกตสิ่งรอบข้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น"นี่ก็คือที่อยู่ของคุณป้าหรอครับ?"
"ใช่ไง ห้องเล็กมาก ไม่ได้หรูหราเท่าบ้านของคุณอยู่แล้ว"
เจียงสื้อสื้อตอบแบบพลั้งปาก พร้อมนำผักที่หั่นแล้วใส่ไว้ในจาน
หนุ่มน้อยหงายศีรษะขึ้นมาแล้วถามเธอว่า"ที่บ้านมีแค่คุณป้าคนเดียวหรอครับ?"
"ใช่ไง"
"คุณป้าไม่มีญาติพี่น้องหรอครับ?"
"มี แต่พวกเขาไม่อยู่ที่นี่ ปกติแล้วฉันจะอยู่คนเดียว"
หนุ่มน้อยเงียบขรึมไปสักครู่ ดูเหมือนจะเป็นห่วงว่าเธอจะเสียใจ จึงรีบแตะไหล่เธออย่างจริงจัง พร้อมพูดปลอบใจ"ไม่เป็นไรครับ ทีหลังมีผมอีกคนนึง ก็เป็นสองคนแล้วครับ"
เจียงสื้อสื้อฟังแล้วรู้สึกตลกมาก
เขานี่ทำตัวแก่แรดเกินอายุจริงๆ
ยิ่งดูยิ่งชอบเลย
"พอแล้ว คุณป้าจะเริ่มทำกับข้าวแล้ว ที่นี่มีควันเยอะมาก คุณไปนั่งข้างนอกสักพักหนึ่ง อีกไม่นานก็จะทำเสร็จ"
"ได้ครับ"
เจ้านี่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วเดินออกไปทันที นั่งรออยู่บนโซฟา
เจียงสื้อสื้อเริ่มยุ่งแล้ว
เนื่องจากปกติแล้วเธออยากจะประหยัดเงิน ดังนั้นจึงชอบทำกับข้าวเอง ฝีมือการทำกับข้าวของเธอนั้นจึงฝึกจนดี
ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงกับข้าวสามอย่างและซุปหนึ่งชามก็ทำเสร็จแล้ว
มีอาหารทะเล กระดูกซี่โครงหมูและผัก มีทั้งเนื้อสัตว์และผัก สีดูดีกลิ่นก็หอม แค่มองก็ทำให้คนอยากชิมทันที
แต่เจียงสื้อสื้อยังคงเป็นห่วงเล็กน้อย
เป็นยังไงแล้วคนต่อหน้านี้เป็นตั้งคุณชายน้อยของตระกูลจิ้น ปกติกินแต่อาหารอันโอชะ ไม่ทราบว่าเขาสามารถกินอาหารบ้านทั่วๆไปพวกนี้ได้หรือเปล่า
เจียงสื้อสื้อตักข้าวให้หนุ่มน้อยหนึ่งชาม พร้อมพูดว่า"คุณลองกินดูก่อน ถ้าหากว่าไม่น่ากิน ก็บอกกับคุณป้านะ คุณป้าค่อยพาคุณไปกินข้างนอก"
หนุ่มน้อยพยักหน้า จากนั้นหยิบช้อนขึ้นแล้วมาตักข้าวขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วยัดเข้าปาก เคี้ยวอย่างใช้แรง แก้มทั้งสองข้างนั้นจึงปูดขึ้นมา ดูแล้วช่างน่ารักหรือเกิน
เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมา พอเพิ่งคิดจะนั่งลงมากินด้วยกันก็ได้ยินเสียงออดดังขึ้นมาอย่างรีบร้อน
เจียงสื้อสื้อรู้สึกแปลกดี
ปกติแล้วที่บ้านจะไม่มีใครมา จะเป็นใครหรอ?
เธอเดินไปเปิดประตูอย่างน่าสงสัย
พอเปิดประตูเธอก็เห็นมีคนที่รูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู
หน้าตาที่หล่อราวกับเทวดา เหมือนงานชิ้นเอกที่มหัศจรรย์ ริมฝีปากที่ทั้งบางทั้งสวยนั้นเม้มแน่นเป็นเส้นตรง หน้าตาประณีตจนไม่สามารถอธิบายได้ ดวงตาของเขาเย็นชาจนลึกเท่ากับทะเล
ชุดสูทหรูหราชุดหนึ่งปกคลุมร่างกายสูงโปร่งของเขาไว้ ดูแล้วรู้สึกทั้งหล่อทั้งกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา ส่วนขาคู่หนึ่งของเขาที่ถูกกางเกงยาวปกคลุมอยู่นั้นก็ยาวเรียวเข่นกัน ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกภายนอกหรือรูปร่างหน้าตาของเขาล้วนสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเจียงสื้อสื้อที่ได้เห็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้
จนทำให้เธอมึงงงไปลืมว่าจะต้องทำอะไรต่อ
กว่าจะฟื้นสติมาได้ พอเธอกำลังที่จะถามผู้ชายว่าคือใคร ก็ได้ยินข้างหลังมีเสียง'ปัง'ส่งมา
เจียงสื้อสื้อรีบหันไปมอง ก็เห็นหนุ่มน้อยกำลังโยนช้อนทิ้งไว้บนโต๊ะ และเอ่ยเสียง'เฮ่อ'ออกมาอย่างหยิ่ง จากนั้นก็ใช้ขาสั้นของตนเองวิ่งเข้าไปในห้อง
ยังล็อคประตูไว้ด้วย!
จิ้นเฟิงเฉิน:……
เจียงสื้อสื้อ:……
เธอยังสงสัยอยู่ คิดอยู่ในใจว่านี่เขาเป็นไรเนี่ย?
พอเวลาที่เธอยังสงสัยอยู่นั้น ก็ได้ยินผู้ชายต่อหน้านี้ค่อยๆอ้าปากพูด"สวัสดีครับ ผมชื่อว่าจิ้นเฟิงเฉิน เป็นคุณพ่อของเสี่ยวเป่าครับ"
เจียงสื้อสื้อตะลึงเพราะรู้สึกตื่นตกใจ
เธอก็รู้แล้วว่าคนของตระกูลจิ้นต้องมาแน่นอน แต่คาดไม่ถึงว่าจิ้นเฟิงเฉินจะมารับเอง
สำหรับคนต่อหน้านี้ เธอก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเขามาก่อน
ได้ข่าวว่า คนๆนี้ทำตัวค้อมต่ำแต่โหเหี้ยมมากไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น แถมยังเป็นตำนานทางธุรกิจ มีอำนาจบาทใหญ่ มีฐานะที่สูง ใครเห็นล้วนกลัวทั้งนั้น
น้องชายของเขาชื่อว่าจิ้นเฟิงเหรา หล่อเหลาเหมือนกับเขา และก็มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจเช่นกัน
ถ้าเป็นเมื่อก่อน คนแบบนี้คงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจียงสื้อสื้อหรอก
แต่คาดไม่ถึงว่าวันนี้เขากลับมาบ้านที่กระจอกงอกง่อยของเธอเองด้วยซํ้า
เจียงสื้อสื้อพยายามฟื้นสติกลับมา แล้วตอบกลับว่า"สวัสดีค่ะ คุณมารับเสี่ยวเป่ากลับไปใช่หรือเปล่าคะ?"
"ใช่ครับ"จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า แล้วมองไปที่ข้างในพร้อมถามว่า"เข้าไปได้ไหมครับ?"
"ได้อยู่แล้วค่ะ"เจียงสื้อสื้อรีบเอียงตัวไปข้างๆ
จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไปด้วยก้าวใหญ่ ความสูงของเขาประมาณหนึ่งร้องแปดสิบกว่าเซน. พอยืนอยู่ในห้อง ทำให้เจียงสื้อสื้อยิ่งรู้สึกว่าบ้านของตนเองคับแคบมาก
แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับไม่มีความรู้สึกใดๆ เพียงแค่สังเกตรอบๆด้วยจิตใต้สำนึก
แม้ว่าบ้านจะเล็ก แต่ตกแต่งได้อย่างอบอุ่นมาก บนโต๊ะยังมีกับข้าวที่ร้อนๆวางอยู่ ดูแล้วรู้สึกมีความอบอุ่นบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งอธิบายไม่ถูก
จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ทราบว่าทำไมในใจตัวเองถึงมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้น
ก่อนจะมาที่นี่ เขาได้อ่านประวัติส่วนตัวของเจียงสื้อสื้อแล้ว
จึงค่อนข้างรู้จักความเป็นมาของผู้หญิงคนนี้
ตอนนั้นเขาก็คิดอยู่ในใจว่า เจียงสื้อสื้อเข้าใกล้เสี่ยวเป่า อาจมีจุดประสงค์บางอย่างอยู่
เพราะยังไงแล้ว ภายนอกล้วนทราบว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิง เสี่ยวเป่าก็ไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิงที่แปลกหน้าเช่นเดียวกัน การที่เขาจะชอบเธอนั้นหายากจริงๆ น่าจะเป็นเพราะว่าเธอค่อนข้างจะตามใจและพูดดีต่อเสี่ยวเป่า
เจียงสื้อสื้อยืนอยู่ข้างหลังของเขา เลยไม่ทราบความคิดในใจของเขา
แต่พอเธอเห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินสนใจถึงกับข้าวที่อยู่บนโต๊ะ เธอก็รู้สึกอายนิดหน่อย
"ที่นี่มีแต่กับข้าวธรรมดา คุณชายน้อยอาจจะไม่ถูกใจ"
พอจิ้นเฟิงเฉินได้ยินคำพูดนี้ จึงพูดอย่างราบเรียบ"เขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนี้ เขากินได้ทุกอย่างวันนี้ต้องขอบคุณคุณเจียงดูแลเขาแล้ว"
เจียงสื้อสื้อรีบโบกมือแล้วพูดว่า"ไม่ค่ะ เสี่ยวเป่าเป็นเด็กที่เชื่อฟังมาก แต่......ไม่รู้ว่าทำไมก็เป็นแบบ นี้......"
"มันไม่เกี่ยวกับคุณเจียง คงเป็นเพราะว่าเขายังโกรธผมอยู่ เรียกเขาออกมาก็ได้แล้ว"
พอพูดเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็เดินมาถึงหน้าห้องนอน เคาะประตูพร้อมพูดว่า" เสี่ยวเป่า กลับบ้านได้แล้ว ออกมาเลน"
เสี่ยวเป่าไม่เอ่ยสักคำ
จิ้นเฟิงเฉินดูเหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าจะเป็นแบบนี้แล้ว จึงบังคับอารมณ์ลงไปแล้วพูดอีกครั้ง"โกรธฉันมาสามวันแล้ว แกก็สมควรที่จะพอแล้ว แกไม่ใช่เด็กอายุสามขวบแล้วนะ"
เจียงสื้อสื้อที่ยืนอยู่ข้างหลังพอได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกน่าขำมาก
ส่วนเสี่ยวเป่ายังคงไม่สนใจ
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วขึ้นมา นํ้าเสียงก็เริ่มเย็นชาขึ้นมา"จิ้นเป่ยเฉิน ฉันให้เวลาแกนาทีเดียว แกออกมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่นั้นฉันก็จะบุกเข้าไป"
ในห้องกว่าจะมีเสียงขยับเล็กน้อยแล้ว แต่เขาดูเหมือนยังไม่อยากจะออกมา
เจียงสื้อสื้อรู้สึกทนไม่ได้
นี่เป็นทั้งคุกคามและข่มขู่ เขาจะยอมออกมาได้ยังไงล่ะ
ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะอ้าปากเสนอเขาว่า"คุณจิ้น ไม่นั้น......ให้ฉันไปลองดูเถอะ"