20 แค่เพื่อนก็ดีใจมากแล้ว
ตั้งแต่ได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของหญิงสาวก็เปลี่ยนไป เธอได้ออกจากการใช้ชีวิตในแบบเดิมๆ ถ้าเป็นแต่ก่อนพอเลิกงานเธอก็ตรงกลับไปที่ห้อง วันหยุดเธอก็นอนดูซีรีส์อยู่ที่ห้องตั้งแต่เช้าพอหิวก็ลงมาทานข้าวที่ร้านประจำหน้าคอนโดมิเนียมเรื่องที่จะมานั่งทานก๋วยเตี๋ยวในเวลาเกือบตีหนึ่งอย่างนี้ไม่เคยเกินขึ้นกับเธอเลยสักครั้ง เพราะอย่างมากที่สุดเวลาลงเวรหลังเที่ยงคืนเธอก็แวะแค่ที่ร้านสะดวกซื้อเท่านั้น
“อร่อยไหมครับ” สิปปกรเห็นเธอเงียบไปนานก็ชวนคุย
“อือ อร่อยดีเล่าเรื่องเพื่อนนายให้ฟังหน่อยสิ” เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มทานช้าลงเธอก็เริ่มชวนเขาคุย
“อือ เกือบลืมไปเลยวันนี้ผมไปหาไอ้เต้มา ตอนนี้มันตื่นมาคุยได้แล้ววันนี้หมอก็เลยให้ออกมาอยู่ที่ห้องธรรมดาแล้วล่ะ”
“เพื่อนของนายโชคดีมากเลยนะ พี่เคยเห็นผู้ป่วยบางคนไม่มีโอกาสได้ตื่นมาคุย”
“ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้น คราวนี้มันคงเลิกขี่มอเตอร์ไซด์แล้ว ผมอยากชวนเอรินไปเยี่ยมมันด้วยกัน แต่ดูตารางเวรแล้วคงอีกหลายวันเลยใช่ไหมครับ”
“ก็ใช่นะ ช่วงนี้แทบไม่ได้หยุดเลย”
“ทำไมวันหยุดเอรินน้อยจัง”
“ก็ไม่น้อยหรอกนะเท่าๆ กับคนอื่น แต่ที่แผนกส่วนใหญ่ก็มีครอบครัวกันแล้วทั้งนั้น พี่ๆ เภสัชฯ เลยขายเวรวันหยุดออกกันเยอะ”
“เอรินก็เลยรับมาคนเดียวอย่างนั้นเหรอ”
“ก็ประมาณนั้นแหละ ไม่รู้จะไปไหนอยู่ห้องก็เหงาขึ้นเวรดีกว่า ได้ทั้งเงินได้ทั้งเพื่อนคุย” เธอตอบไปตามที่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“แล้วปีใหม่ได้หยุดกับเขาบ้างไหมล่ะ”
“ไม่หรอก ได้หยุดยาวหลังปีใหม่”
“หยุดกี่วันเหรอครับ”
“ถ้าจำไม่ผิดก็ 4 วันนะ ต้องรอดูตารางอีกที”
“เอรินอย่าลืมส่งตารางเวรเดือนหน้าให้ผมด้วยนะ”
“จะเอาไปทำไมอีก”
“ก็เผื่อวันไหนเอรินลงเวรดึกแล้วผมยังไม่นอนจะได้ออกมาหาอะไรกินด้วยกันไง”
พราววรินทร์พยักหน้าแทนคำตอบ
งานเลี้ยงปีใหม่ให้กับพนักงานของโรงพยาบาลจัดขึ้นในวันที่ 30 ธันวาคม แต่ละแผนกต่างส่งการแสดงบนเวทีแผนกละชุด สำหรับแผนกเภสัชกรรมนั้นมีคนไม่เยอะจึงไปรวมกับแผนกการเงินส่งการแสดง พอการแสดงจบก็มีการจับสลากของขวัญที่ทางคณะผู้บริหารจัดให้ รางวัลนั้นมีทั้งเงินสด สร้อยคอทองคำ เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่างๆ พราววรินทร์เป็นหนึ่งในผู้โชคดี เธอได้เครื่องทำวาฟเฟิลขนาดเล็กมา 1 เครื่อง
“พี่เอริน อย่าลืมทำวาฟเฟิลมาแบ่งอรบ้างนะคะ” อรนิชารีบกระซิบ
“รอหน่อยนะอร พี่ทำเป็นซะที่ไหน ขอเรียนจากยูทูปก่อนแล้วจะให้อรเป็นหนูทดลอง”
“มันจะเสี่ยงเกินไปไหมนะ” คนพูดหัวเราะ
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวพี่เลือกทำวันหยุดแล้วกันนะ ท้องเสียขึ้นมาจะได้ไม่ลำบากคนในแผนก”สองคนพากันหัวเราะ
“พี่เอรินมากับหมออนุตรใช่ไหมคะ” อยู่ๆ อรนิชาก็ถามออกมา
“จ้ะ มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก แค่อิจฉาได้นั่งรถมากับหนุ่มในฝันของสาวๆ” อรนิชาพูดทีเล่นทีจริง จนเธอเองก็แอบดีใจที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่มมากกว่าคนอื่น
พองานเลิกเธอก็ออกมายืนรอเขาที่หน้าห้อง เธอเห็นชายหนุ่มเดินมากับกลุ่มหมอด้วยกันแล้วก็เห็นว่าแม้ว่าจะอยู่ในชุดเสื้อคอโปโลกับยีนสีเข้มแล้วเขาก็ยังดูดีอย่างเคย
“รอนานไหมครับ” นายแพทย์หนุ่มเดินตามเธอออกมาจากห้องโถงที่ใช้เป็นที่จัดงาน
“ไม่ค่ะ พึ่งออกมาเหมือนกันค่ะ”
“กลับกันเลยนะครับ พรุ่งนี้ผมต้องทำงานต่อ เอรินล่ะต้องทำงานหรือเปล่า”
“ค่ะ” เธอเดินเคียงคู่ไปกับเขาโดยมีสายตาหลายๆ คู่มองตาม เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าคนเกือบครึ่งของโรงพยาบาลเห็นว่าเธอกับเขาเดินขึ้นรถคันเดียวกันแล้วขับออกไปจากด้านหน้าของโรงแรม
“เป็นยังไงบ้างคะ สนุกไหมงานปีใหม่ครั้งแรก”
“สนุกดีครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่าบางคนที่เราเห็นเวลาทำงานเคร่งเครียดแต่พอได้ขึ้นแสดงบนเวทีก็เหมือนกับคนละคนเลยนะครับ” เขายิ้มเมื่อนึกไปถึงการแสดงที่เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับคนในห้องประชุม
“ค่ะ ฉันก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ฉันว่าการแสดงที่คนดูชอบที่สุดคงจะเป็นของฝ่ายการแพทย์นะคะ”
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะครับ”
“ก็หมอเล่นกีตาร์เท่สุดๆ ไปเลยค่ะ หมอเอมก็ร้องเพลงเพราะ”
“ชมกันซึ่งๆ หน้าอย่างนี้ ผมเขินนะเนี่ย” หมออนุตรอายจนหน้าแดง
เพราะงานที่ยุ่งมากหมอแต่ละคนจึงไม่มีเวลามาฝึกซ้อมการแสดง หมอรุ่นพี่ของเขาคนหนึ่งจึงเสนอให้เขากับกุลจิราขึ้นไปเล่นกีตาร์และร้องเพลงบนเวทีเพราะเป็นงานที่เขากับกุลจิราเคยทำด้วยกันตอนเป็นนักเรียนแพทย์ปีสุดท้ายก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปทำงานใช้ทุนและเรียนเฉพาะทางก่อนมาเจอกันอีกครั้งที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้อีกครั้ง
“หมอซ้อมนานไหมคะ” เมื่อเห็นว่าเขาคุยอย่างเป็นกันเองเธอก็กล้าถามเขามากขึ้น และเธอเองก็อยากรู้ด้วยว่าเขาเอาเวลาที่ไหนไปซ้อมเพราะเธอไม่เคยได้ยินเสียงกีตาร์มาจากห้องเขาเลย
“ซ้อมแค่ครั้งสองครั้งเองครับ เพลงนี้ผมเคยเล่นตั้งแต่สมัยเรียนเลยไม่ต้องซ้อมมากครับ แค่ปรับให้เข้ากับหมอเอมก็พอแล้ว”
“หมอเอมก็เก่งนะคะ เสียงเธอเพราะมากเลยค่ะ” เธอชมจากใจจริง
“ครับ เอมเค้าเป็นนักร้องประจำคณะ”
พราววรินทร์พยักหน้า ตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้สนิทกันมากกว่าหมอคนอื่นคงเพราะเรียนมาด้วยกันหรืออาจจะมีอะไรมากกว่าที่เธอเห็นก็เป็นได้
“หมอเอมทั้งสวยทั้งเก่งเลยนะคะ ใครได้เป็นแฟนคงจะโชคดีมากนะคะ”
“ครับผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ พอหมอเอมหมั้นกับรุ่นพี่ตอนเรียนปีสุดท้ายหนุ่มๆ อกหักกันเป็นแถวเลยล่ะ” เขาไม่ได้บอกว่าหนึ่งในนั้นก็มีเขาด้วย เพราะเรื่องมันผ่านมานานพอคิดถึงเรื่องในอดีตเขาก็ได้แต่นึกขำ
“หมอเอมมีคู่หมั้นแล้วเหรอคะ” พราววรินทร์ถามอย่างแปลกใจ
“ครับ แต่อย่าบอกใครไปล่ะ ตอนนี้คู่หมั้นเธอไปเรียนต่อน่ะ อีกไม่กี่เดือนก็คงกลับมาแล้ว”
“ค่ะ” เธอยิ้มอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าเขากับหมอที่ทั้งสวยทั้งเก่งนั้นไม่ได้เป็นอะไรกัน
เพราะได้ไปงานเลี้ยงปีใหม่ที่ทางโรงพยาบาลจัดขึ้นพราววรินทร์ก็เลยต้องเป็นคนขึ้นเวรบ่ายในคืนวันที่ 31 แม้จะเป็นเวรบ่ายแต่วันนี้คนไข้อุบัติเหตุก็มากันอย่างล้นหลามหญิงสาวแทบไม่ได้พักเลยกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน
พราววรินทร์ก็แทบจะก้าวขาไม่ออก เธอยังไม่ได้ทานอาหารเย็นที่ฝากผู้ช่วยซื้อมาแต่ก็ต้องตัดใจทิ้งเพราะตอนนี้มันเย็นชืดไปหมดแล้ว เธอคิดว่าจะแวะที่ร้านสะดวกซื้อหาอะไรทานก่อนกลับไปนอน
“พี่เอริน ไปกินก๋วยเตี๋ยวกันไหมคะ” อรนิชาชวนเพราะเธอเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน
“อรไปเถอะจ้ะ พี่อยากรีบไปนอนพรุ่งนี้เช้าต้องเข้าเวรอีก”
“ค่ะ อรไปก่อนนะคะ” เธอโบกมือให้หญิงสาวแล้ววิ่งไปขึ้นรถที่แฟนหนุ่มขับมาจอดรอยู่แล้ว
พราววรินทร์เดินไปที่รถของตัวเองก็แปลกใจเพราะตอนนี้ที่กระโปรงหน้ารถของเธอมีกล่องของขวัญกล่องใหญ่วางอยู่ เธอมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งเดินออกมาจากมุมมืด เธอถอยเท้าเตรียมจะวิ่งหนีแต่เขาก็เดินเข้ามาหาและรั้งข้อมือเธอไว้ด้วยมือใหญ่
“จะไปไหน ผมเอง” ชายหนุ่มรีบตะโกนบอกเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะวิ่งหนีไป
“เล่นอะไรอย่างนี้ พี่เกือบวิ่งหนีแล้วนะ”
“ไม่ได้เล่นสักหน่อย แค่เอาของขวัญมาสวัสดีปีใหม่” สิปปกรรีบเถียง
“ให้พี่เหรอ” เธอเลิกคิ้วพร้อมถาม
“ก็ใช่น่ะสิ ผมไลน์ไปบอกแล้วว่าจะรอที่รถเพราะไม่อยากถือกล่องของขวัญขึ้นไป แต่เอรินไม่อ่านข้อความผมก็เลยมารอที่รถ”
“ขอบใจนะ แต่พี่ไม่มีให้นายหรอกนะ ทำงานทุกวันไม่มีเวลาไปซื้อเลย”
“ผมก็ไม่ได้หวังว่าจะได้ของขวัญ แค่เอรินยอมเป็นเพื่อนด้วยก็ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีสุดแล้ว”
“อือ กลับกันเถอะ พี่อยากนอนแล้ว ปวดขามาก”
“ได้สิ ไปรถผมนะ พรุ่งนี้ผมมาส่งแต่เช้า”
“วันหยุดนายไม่ไปเที่ยวไหนเหรอ”
“ไม่หรอกครับ รอไปพร้อมเอรินนั่นแหละ” เขารู้ว่าหญิงสาวต้องทำงานทุกวันในช่วงวันหยุดเขาเลยคิดว่าจะอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องและคอยรับส่งเธอในช่วงที่ทำงานอย่างหนักเช่นนี้
พอรถจอดที่คอนโดมิเนียมเขาก็เดินอ้อมไปเปิดฝากระโปรงท้ายรถแล้วส่งถุงเล็กๆ มาส่งให้เธอ
“อะไรอีกล่ะ”
“ก๋วยเตี๋ยวร้านที่เราเคยไปกินด้วยกันไง ผมรู้ว่าเอรินยุ่งคงยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม”
“ขอบใจนะ กำลังหิวเลย พี่โชคดีจังที่ได้รู้จักคนใจดีอย่างนาย” เธอรับถุงไปแล้วส่งยิ้มให้แทนคำขอบคุณ
“แล้วนายกินมาแล้วเหรอ”
“กินแล้ว ไปกินกับไอ้เต้ที่โรงพยาบาล”
“แล้วเพื่อนเป็นยังไงบ้าง จะได้กลับบ้านหรือยัง”
“ก็คงได้กลับหลังปีใหม่ ผมว่าให้ผมถือกล่องของขวัญดีกว่าจะเอรินจะได้เดินสะดวก” เขามองผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ตอนนี้ในมือมีทั้งกล่องของขวัญและถุงใส่ก๋วยเตี๋ยวแล้วก็ต้องรีบไปช่วย
“ของขวัญพี่ติดไว้ก่อนนะ เดี๋ยวว่างๆ จะรีบไปซื้อมาให้เลยอยากได้อะไรบอกได้นะ”
“บอกได้แล้วเอรินจะให้หรือเปล่า” ชายหนุ่มยิ้มนัยน์ตาพราวเมื่อนึกถึงของขวัญที่อยากได้จากเธอ
“ก็ลองบอกมาก่อนสิ”
“เอาไว้จะบอกเอรินอีกทีนะ แต่ตอนนี้รีบขึ้นห้องกันเถอะ” สิปปกรรีบเดินนำเพราะคิดว่าเธอควรได้พักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยกับงานมา 16 ชั่วโมงเต็ม
พอพราววรินทร์มาถึงห้องหญิงสาวก็รีบเทก๋วยเตี๋ยวใส่ชามแล้วทานอย่างรวดเร็วก่อนที่จะอาบน้ำและเข้านอน พอปิดไฟไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แกะของขวัญที่สิปปกรซื้อให้
หญิงสาวลุกขึ้นมาเปิดไฟอีกครั้งและแกะของขวัญที่ค่อนข้างหนักอย่างช้าเธอคิดว่าข้างในคงไม่ใช่ตุ๊กตาอย่างเคยเพราะคาดคะเนจากน้ำหนักแล้วแตงต่างกันอยู่มาก
รอยยิ้มประดับบนในหน้าเรียวสวย พราววรินทร์มองเครื่องกรองอากาศซึ่งกำลังสิ่งที่จำเป็นอีกอย่างในยุคที่ต้องเผชิญกับฝุ่น PM 2.5 เธออยากลองใช้แต่ก็ง่วงเกินกว่าจะศึกษาคู่มือการใช้งาน
หญิงสาวเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง เธอส่งของความไปขอบคุณเจ้าของเครื่องนี้
‘ของขวัญถูกใจมากเลย ขอบใจมากนะ’ เธอรีบพิมพ์ข้อความส่งถึงเขา
‘ผมดีใจที่คุณชอบ ลองใช้หรือยังล่ะ’ ชายหนุ่มตอบกลับมาทันที
‘ตอนนี้ง่วงมาก ตาจะปิดแล้ว พรุ่งนี้นายมาสอนวิธีใช้ด้วยได้ไหม’
‘ยินดีครับ เอรินไปนอนก่อนเถอะ ฝันดีครับ’
‘อือ ฝันดี’ เธอพิมพ์ตอบแล้วก็ล้มตัวลงนอนทันที ด้วยความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งวันเพียงไม่ถึง 5 นาทีเธอก็เข้าสู่นิทรา