บท
ตั้งค่า

2 เพื่อนข้างห้อง

ห้องพักของเธอเป็นคอนโดมิเนียม ขนาดเล็กมีห้องนอนเพียงหนึ่งห้อง หนึ่งห้องน้ำ และยังมีห้องรับแขกกับห้องครัวขนาดเล็กที่เธอไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก เพราะส่วนใหญ่เธอจะใช่ชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาล เธอมาซื้อห้องนี้หลังจากที่เก็บเงินจากการทำงานมา 1 ปี เพราะที่นี่อยู่ใกล้กับที่ทำงานและทางคอนโดมิเนียมมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เธอพอใจ ผู้พักอาศัยส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนวัยทำงานกันทั้งนั้น ห้องของเธอเป็นห้องริมสุด ห้องตรงข้ามนั้นเป็นครูสอนระดับมัธยม ที่เธอไม่ค่อยได้เห็นหน้าเพราะเวลาทำงานไม่ค่อยตรงกัน

เสียงจากข้างห้องเงียบไปแล้ว แต่พราววรินทร์ก็ไม่อาจข่มตาลงนอนต่อไปได้ เธออาบน้ำแต่งตัวและคิดว่าจะออกไปหาอะไรทานก่อนเวลาเดิมที่คิดไว้ แต่พอเปิดประตูห้องก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นถุงใบหนึ่งแขวนอยู่ที่ลูกบิดประตู

‘ขอโทษคร้าบ’

พราววรินทร์หยิบกระดาษโน้ตใบเล็กที่มีตัวหนังสือที่อ่านค่อนข้างยากนั้นขึ้นมาดูแล้วรอยยิ้มก็ประดับที่มุมปาก หญิงสาวดินกลับเข้าห้องอีกครั้งและเปิดถุงนั้นดู พอกลิ่นที่หอมของหมี่ขาวราดหน้าทะเลโชยมาแตะจมูก ท้องของเธอก็เริ่มส่งเสียงร้องทันที หญิงสาวไม่รอช้าเธอรีบเทเส้นหมี่และน้ำราดหน้าลงชามแล้วถือมาวางบนโต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะเปิดทีวีแล้วนั่งทานอย่างอารมณ์ดี ราดหน้าทะเลก็เป็นของโปรดของเธอ หญิงสาวไม่สนใจหรอกว่าเขาจะรู้ได้ยังไงว่าเธอชอบทานอะไรบางทีมันอาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้ เพราะที่ร้านอาหารหน้าคอนโดมิเนียมก็มีเมนูอาหารให้เลือกไม่มากนัก

ระหว่างที่นั่งทานราดหน้าเธอก็คิดไปถึงเจ้าของห้องตัวจริงเขาชื่อนายแพทย์อนุตรเป็นแพทย์หนุ่มรูปหล่อขวัญสาวๆ ในโรงพยาบาล ไม่เว้นแม้กระทั่งคนไข้สาวๆ ก็มักอยากจะเป็นคนไข้ของเขาด้วยกันทั้งนั้น พราววรินทร์เองก็แอบชอบเขามานานแต่ก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร เพราะเธอกลัวว่าเรื่องนี้จะกระทบกับการทำงาน เธอกับหมออนุตรไม่ค่อยได้เจอกันมากเท่าไหร่ที่โรงพยาบาลเพราะเธอก็จะอยู่ในแผนกของเธอ ส่วนเขาก็อยู่ตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอกและห้องผ่าตัดเท่านั้น แต่ทั้งสองก็ยังพอได้เจอกันบ้างที่ห้องอาหารของโรงพยาบาลและมีโอกาสได้ทานข้าวร่วมกันอยู่บ่อยครั้งที่ร้านอาหารหน้าคอนโดมิเนียม

เมื่อตื่นก่อนเวลาไปเกือบสองชั่วโมงและไม่ต้องไปหาอะไรทานอย่างที่คิดไว้ พราววรินทร์ก็มีเวลาท่องโลกโซเชียล หญิงสาวเลือกเข้าไปที่เฟซบุ๊กเป็นอันดับแรก ส่วนใหญ่เพื่อนของเธอก็มักจะเป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันแทบจะทั้งสิ้น ส่วนเพื่อนที่โรงพยาบาลก็พอมีบ้าง เพราะจะติดต่อกันทางไลน์มากกว่า แล้วพราววรินทร์ก็มาสะดุดตากับภาพหนึ่งที่ขึ้นมาที่หน้าฟีด เป็นภาพของถุงราดหน้าแขวนอยู่ที่ลูกบิดหน้าประตู เธอมันดูคุ้นตามากเพราะเธอพึ่งเป็นคนเอาถุงนั้นออกมาเมื่อครู่ คนที่โพสต์นั่นใช่ชื่อเฟซบุ๊กว่า ‘ปาล์มเองคร้าบ’ เธอจำได้ว่าไม่มีเพื่อนชื่อนี้ แต่คงเป็นเพราะคนโพสต์ติดแท็กมาที่ชื่อของนายแพทย์หนุ่มข้างห้องเธอจึงได้เห็นภาพนั้นด้วย ภายใต้ภาพนั้นมีข้อความบรรยายที่เธอเห็นแล้วก็ยิ้มอีกครั้ง

‘ขอโทษคร้าบบบ เสียงดังไปหน่อย’ และตามมาด้วยอิโมติคอนรูปยกมือไหว้อย่างที่เธอก็ชอบใช้เวลาที่จะขอบคุณหรือขอโทษใครผ่านทางโลกโซเชียล

‘ดีนะยังรู้จักขอโทษ’ หญิงสาวยิ้มและพูดกับตัวเอง

พราววรินทร์มาถึงก่อนเวลาเข้างานเกือบ 30 นาที หญิงสาวรู้สึกว่าวันนี้จะหาที่จอดรถง่ายกว่าทุกวันคงเป็นคนเพราะช่วงนี้เศรษฐกิจค่อนข้างแย่ ทุกอาชีพต่างก็ได้รับผลกระทบกันทั้งนั้นเธอยังโชคดีที่มีงานประจำจึงไม่เดือนร้อนมากนัก

งานที่ร้านขายยาบนห้างสรรพสินค้านั้นไม่ใช่งานที่หนักมากเพราะส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะซื้อพวกยาสามัญประจำบ้านทั่วๆ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ปวดท้อง ท้องเสียเท่านั้น แต่ก็เป็นข้อกำหนดว่าทุกร้านขายยาจะต้องมีเภสัชกรประจำร้าน เธอจะมาทำงานที่นี่เป็นบางครั้งเท่านั้นเพราะที่ร้านก็จะมีเภสัชกรประจำอยู่แล้ว วันนี้เป็นวันหยุดของพี่เภสัชกรที่ทำประจำอยู่และตรงกับวันหยุดของเธอที่โรงพยาบาล พอมีการแจ้งในกลุ่มไลน์เธอก็เลยตกลงมารับงานวันนี้

“ปาล์มไปหาอะไรกินกันไหม” เสียงเรียกดังมาทำให้คนที่กำลังนั่งจ้องหน้อจอแล็ปท็อปต้องเงยหน้าขึ้นมามอง

“กี่โมงแล้ววะ” สิปปกรไม่ตอบแต่เขาถามเพื่อนกลับไป

“พึ่งทุ่มเอง มีอะไรหรือเปล่า” กฤตพลชายหนุ่มวัย 22 ปีเพื่อนชี้ของสิปปกรถามเขาอย่างแปลกใจเพราะปกติแล้วเพื่อนคนนี้จะนั่งทำงานที่ห้องของเขาโดยไม่เคยกังวลเรื่องเวลาเลยสักนิด

“เปล่า แค่ต้องกลับแล้ว”

“เฮ้ย ทำมารีบนักวะ”

“แกก็รู้นิ ว่าฉันพึ่งย้ายมาอยู่กับพี่โอห์ม ช่วงนี้ต้องทำตัวดีๆ หน่อย”

“เออ ว่าจะถามอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่เช่าหออยู่เองวะ”

“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากทำตัวดีๆ” สิปปกรอยู่บ้านกับครอบครัวมาตลอด แต่ตอนนี้เขาเรียนอยู่ปีสุดท้าย เขาต้องมาฝึกงานที่บริษัทใกล้ๆ กับโรงพยาบาลที่พี่ชายทำงานอยู่ และพี่ชายของเขาก็เสนอให้มาพักที่นี่ด้วยกัน แม้ว่าเขาอยากออกมาอยู่คนเดียวมากแต่ไหนแต่ข้อเสนออีกข้อที่พี่ชายให้เขานั้นก็ทำให้เขาต้องยอม

“มึงเอาจริงใช่ไหมวะ กูว่าแค่จบตรีมึงก็หางานทำได้แล้วนะ เกียตรินิยมอันดับหนึ่งเลยนะเว้ย”

“กูก็ว่าคงหางานไม่ยาก แต่พี่กูอยากให้ไปเรียนเพิ่มแล้วจะออกเงินให้กูเลยไม่อยากเสียโอกาสว่ะ อีกอย่างกูก็ว่าจะหางานทำที่นู้นเก็บประสบการณ์สัก 2-3 ปี แล้วจะกลับมาเปิดบริษัทที่นี่” เขาบอกความตั้งใจของตัวเองให้เพื่อนซี้ฟัง

“มึงนี่คิดไกลนะ กูเอาใจช่วยมึงละกัน แล้วมาเปิดบริษัทก็อย่าลมชวนกูไปทำงานด้วยนะ” กฤตพลบอกอย่างไม่จริงจังนัก เพราะตอนนี้เขาเองก็ยื่นไปสมัครไปตามบริษัทต่างๆ และก็มีบางแห่งเรียกเขาไปสัมภาษณ์งานแล้วแม้ว่าจะยังเรียนไม่จบก็ตาม

“มันแน่นอนอยู่แล้วแหละ” สิปปกรให้คำสัญญากับเพื่อน

เขาเรียนวิศวกรรมซอฟต์แวร์ปีสุดท้าย อีกไม่กี่เดือนก็จะจบตอนนี้ชายหนุ่มติดต่อมหาวิทยาลัยที่อเมริกาไว้หลายแห่ง โดยมีพี่ชายของเขาบอกว่าจะเป็นคนสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด เขาจึงไม่ปฏิเสธโอกาสอันดีนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel