บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 องค์หญิงปัญญาอ่อน

“ฮือๆ… ฮือๆๆ” เสียงร้องไห้ประเดี๋ยวดังประเดี๋ยวเบาค่อยๆ เข้าสู่โสตประสาทของหญิงสาวผู้หลับใหลบนเตียงหลังใหญ่

หลี่เหมยลี่รู้สึกปวดศีรษะจนแทบระเบิด ภาพแปลกประหลาดและข้อมูลต่างๆ มากมายเมื่อครู่ ทำให้หญิงสาวถึงกับหมดสติไป

เสียงร้องไห้ที่ได้ยินไกลๆ กลับค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น จนเหมือนอยู่ข้างๆ

หญิงสาวปรือตาขึ้นช้าๆ อย่างอ่อนแรง ความรู้สึกหนักอึ้งแล่นปราดไปทั่งร่าง

“ฮือ ฮือๆ” เสียงร้องไห้พร้อมกับหยดน้ำอุ่นนิดๆ สัมผัสถูกหลังมือเบาๆ

หลี่เหมยลี่ค่อยๆ หันมองด้านข้างอย่างยากลำบาก และต้องกะพริบตาถี่ๆ หลายครั้งเพื่อความแน่ใจ

เด็กสาวคนหนึ่งอายุน่าจะประมาณสิบห้าสิบหกปีสวมชุดจีนโบราณเหมือนที่เคยเห็นตามในหนัง กำลังฟุบหน้าร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก

และเมื่อไล่สายตาไปรอบๆ ด้านกลับเห็นเพียงเครื่องเรือนโบราณที่แม้จะมีลวดลายประณีตแต่กลับดูเก่าโทรมซอมซ่อ

อีกทั้งห้องนี้แม้จะใหญ่โต แต่เครื่องเรือนกลับว่างโหวง นอกจากเตียงใหญ่ ตู้เก่า โต๊ะน้ำชากลางเก่ากลางใหม่แล้ว ที่เหลือคือพื้นโล่งๆ เอาไว้วิ่งเล่นไล่จับได้อย่างสบาย

หลี่เหมยลี่เริ่มวิเคราะห์สถานภาพใหม่ของตนเองในทันที

‘จากเสื้อผ้าของเด็กคนนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่เมืองไทย แถมยังไม่ใช่โลกปัจจุบันอีก ฉันคงหมดสิทธิ์ได้กลับบ้านแล้วสินะ เฮ้อ~’

หญิงสาวจมอยู่กับความเศร้าแค่เพียงไม่นาน หลังจากนั้นจึงเริ่มตั้งต้นกับตัวเองเสียใหม่

“นี่เจ้าน่ะ อย่าร้องไห้เลย มีเรื่องอะไรถึงทำให้โศกเศร้าเพียงนั้นเล่า” นางเอ่ยขึ้นกับเด็กสาวในที่สุด

เพียงได้ยินเสียงกังวานใส ผู้ที่เดิมทีกำลังร่ำไห้อยู่ด้านข้าง กลับเงยหน้าทะลึ่งพรวดขึ้นมาในฉับพลัน

“เสด็จพี่เหม่ยอิง!?”

เมื่อหลี่เหมยลี่ได้เห็นใบหน้าของเด็กสาว นางถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

‘นะ นี่มัน… มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนางชัดๆ!! พระเจ้า! สวยแบบนี้ยังมีอยู่ในโลก!!’

โฉมสะคราญตรงหน้าเช็ดน้ำตาก่อนจะแย้มยิ้มด้วยความปีติยินดี

‘โอ๊ย! นางฟ้า!! นางฟ้าอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว รัศมีของเธอช่างแสบตาจริงๆ… ความสวยระดับนี้นี่แทงตาฉันบอดได้เลยนะรู้มั้ย!’

หญิงสาวถึงกับเคลิ้มลอยไปชั่วขณะ ทั้งยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ราวกับคนเสียสติก็มิปาน

“เสด็จพี่เหม่ยอิง จำหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันลี่อิน พระขนิษฐาฝาแฝดของพระองค์อย่างไรเล่าเพคะ”

‘วะ ว่าไงนะ! ฝะ ฝาแฝดเหรอ! ฉันเนี่ยนะ พระเจ้า! ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ประทานรูปสวยที่ลูกช้างขอมาให้นะเจ้าคะ เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ พระขนิษฐา… เสด็จพี่… โอเค ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายอีกครั้งสำหรับฐานะดีๆ ที่มอบให้ลูกช้างเจ้าค่ะ สาธุ! สาธุ!’

ท่าทางพนมมือแล้วพึมพำเบาๆ ของหลี่เหมยลี่ทำให้เด็กสาวตรงหน้าอมยิ้มออกมาน้อยๆ

“เสด็จพี่เหม่ยอิง อย่าทรงตื่นกลัวหม่อมฉันเลยเพคะ จากนี้ไปหม่อมฉันจะดูแลเสด็จพี่ให้ดีที่สุดเพคะ” น้ำตาของผู้เป็นน้องสาวรื้นขึ้นมาเอ่อคลอตรงขอบตา

“เอ่อ… เข้าใจแล้วๆ อย่าร้องอีกเลย” แค่เห็นหญิงงามน้ำตาซึม นางก็ถึงกับทนไม่ไหวต้องรีบรับปากในทันที

เด็กสาวปาดน้ำตาออก ก่อนจะส่งยิ้มเจิดจ้าบาดตาบาดใจมาให้อีกครั้ง

หลี่เหมยลี่ตัดสินใจหลุบตาลงก่อนที่มันจะบอด และค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล โดยมีสตรีด้านข้างคอยให้ความช่วยเหลือ

“เสด็จพี่เหม่ยอิงเพิ่งฟื้นขึ้นมา แต่กลับมิทรงกันแสงเช่นนี้ ช่างเก่งยิ่งเพคะ” เด็กสาวเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะคนบนเตียงเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

มุมปากหญิงสาวกระตุกทันที นี่นางเป็นพี่สาวหรือน้องสาวกันแน่ เหตุใดถึงทำราวกับนางเป็นเด็กสามขวบเสียอย่างนั้น

“เมื่อครู่ที่ร้องไห้คือเจ้ามิใช่หรือ ข้าเพียงแค่ปวดศีรษะเล็กน้อยเท่านั้น คงไม่ถึงกับต้องร้องไห้กระมัง”

หลังหญิงสาวเอ่ยจบคนตรงหน้าถึงกับเบิกตาโตอย่างตกตะลึง ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริกราวกับมิอาจเชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

“สะ สะ เสด็จพี่… เหม่ยอิง… ในที่สุดพระองค์… พระองค์ทรงหายดีแล้วใช่หรือไม่เพคะ!” ท่าทางตื่นเต้นยินดีอย่างใหญ่หลวงของสตรีตรงหน้า ทำให้หลี่เหมยลี่เริ่มรู้สึกตงิดใจอะไรบางอย่าง

“ก่อนหน้านี้ ข้าเป็นอะไรไปเช่นนั้นหรือ” นางถามด้วยความสงสัย

แต่กลับได้รับอ้อมกอดอันแนบแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก จากเด็กสาวตรงหน้าเป็นคำตอบเสียอย่างนั้น

“เสด็จพี่เหม่ยอิงในที่สุดพระองค์ก็ทรงหายดีแล้วจริงๆ! หม่อมฉันดีใจยิ่งเพคะ!!” เสียงหวานเริ่มสั่นเครือขึ้นเล็กน้อย แต่กลับพยายามกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถ

‘จะร้องอีกแล้วๆ แม่มัจฉาจมวารี เธออย่าเพิ่มจมฉันลงไปในบ่อน้ำตาของเธอนะ!’

“ตกลงว่าก่อนหน้า ข้าเป็นอะไรไปกันแน่” นางพยายามเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

“เสด็จพี่เหม่ยอิงทรงประชวรมาตั้งแต่แปดปีก่อนแล้วเพคะ แต่เพราะเหตุตกน้ำในครั้งนี้พระองค์ถึงหายจากพระอาการประชวร หม่อมฉันดีใจยิ่งเพคะ”

คำตอบของผู้เป็นน้องสาวมิได้ไขความกระจ่างให้แม้แต่น้อย เช่นนี้ยิ่งเข้าใจได้ไม่ยากว่าโรคที่นางเพิ่งจะหายนั้นคงไม่น่าพิสมัยนัก

“ในเมื่อก่อนหน้านี้ข้าป่วย เช่นนั้นขอดูตำรับยาที่ใช้รักษาได้หรือไม่” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงรู้สึกว่าตนเองสามารถเข้าใจพวกตำรับยาได้

เด็กสาวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากตู้เก่าใบใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในห้อง

นางยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ผู้เป็นพี่สาว ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงดังเดิม

หลี่เหมยลี่ก้มลงดูตำรับยาที่ถูกเขียนไว้ ก่อนจะอึ้งงันไปชั่วอึดใจ

‘ยาลูกกลอนสยบอารมณ์! นี่มันใช้สำหรับคนที่ไม่สามารถควบคุมสติตนเองไว้ได้ไม่ใช่เหรอ! หรือถ้าพูดง่ายๆ ก็คือพวกคนสติฟั่นเฟือน คนบ้า ปัญญาอ่อนอะไรเทือกนั้น… มิน่า แม่น้องสาวคนนี้ถึงได้ทำตัวเป็นพี่สาวแบบนั้น’

เมื่อหญิงสาวได้รับรู้ว่าร่างที่ตนเองมาอยู่ใหม่นี้ แท้จริงแล้วคือคนปัญญาอ่อนก็ให้รู้สึกห่อเหี่ยวลงไปเล็กน้อย แต่ยังคงปลุกปลอบใจให้ฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง

‘ไม่เป็นไร ไหนๆ ก็มีรูปสวย มีฐานะดีแล้ว ส่วนเรื่องนับวิชานั่นฉันก็มีติดตัวอยู่พอสมควร ไม่น่ากังวลอะไร แล้วเรื่องรวยทรัพย์นี่สร้างเอาทีหลังก็ได้ ของถนัดอยู่แล้ว! ฉันไม่ยอมให้เสียชื่อเจ้าแม่เงินล้านหรอกนะ!!’

เมื่อปลอบใจตนเองเสร็จนางถึงเพิ่งตงิดใจอะไรบางอย่างขึ้นมาอีกครั้ง

‘แล้วทำไมฉันถึงรู้ตำรับยา!’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel