บทที่7. ทำไม
“เจ้าอายุขนาดนี้แล้ว ตบแต่งไปเป็นอนุก็ดีมากเพียงใดแล้ว”
“ให้ข้าทำอย่างอื่นมิได้หรือ? ไยต้องขายข้าเป็นอนุ”
“เจ้ามันคนอกตัญญู!”
หลังจากถูกด่าประนามอยู่ครึ่งเดือน ป้าสะใภ้ใช้ไม้อ่อนกับนางบอกเล่าถึงสถานะการเงินที่ย่ำแย่ของครอบครัว
“เจ้ามีฝีมือเรื่องเย็บปักถักร้อย เพื่อนป้าเปิดร้านเสื้อผ้าในเมืองหลวงเวลานี้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเจ้ากับป้าไปพบนางเสียหน่อย เจ้าเอาตัวอย่างงานของตนไปด้วย เผื่อรับงานเล็กน้อยๆ พอเป็นรายได้”
ครานั้นนางไม่เห็นความเจ้าเล่ห์ของป้าสะใภ้ คิดไปเองว่าคงถอดใจเรื่องขายนางเป็นอนุไปแล้ว นางจึงเก็บตัวอย่างผ้าปักของนางใส่ห่อผ้า ติดตามป้าสะใภ้ไปที่โรงเตี้ยม แม้นึกประหลาดใจที่ไม่ได้ไปบ้านเพื่อนของป้าสะใภ้ แต่ก็ยอมนั่งรอจนกระทั้งเศรษฐีหยงเต๋อพาร่างอ้วนกลมเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
“ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว ไปเถิดเสี้ยวเวย กลับบ้านกับข้า”
“ท่าน!ท่านพูดเรื่องอันใดกัน!”
“ลุงกับป้าสะใภ้ของเจ้าทำสัญญาขายตัวเจ้าให้ข้าแล้ว”
เศรษฐีหยงเต๋อโบกกระดาษสัญญาในมือไปมา นางนิ่งงันไป ถูกหลอกแล้ว? จะทำอย่างไรดี เห็นเศรษฐีหยงเต๋อเข้ามาหมายจะโอบกอด นางหมุนตัวหลบแล้วส่งยิ้มหวาน
“ท่านเศรษฐีอย่าใจร้อน โปรดรอข้าสักประเดี๋ยวเถิด ข้าตื่นเต้นดีใจจนอยากไปห้องน้ำสักครู่”
“เช่นนั้นรีบไปรีบมา ข้าจะรอตรงนี้”
“อืม”
นางพยักหน้ารับด้วยท่าทีเอียงอายอ่อนหวาน กอดห่อผ้าตัวเองแน่น เดินออกมาได้พ้นสายตาคนพวกนั้น นางรีบวิ่งทันที แต่เพราะนางวิ่งได้ไม่เร็วอย่างที่คิดและคนของเศรษฐีหยงเต๋อเฝ้าจับตามองนางอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่านางกำลังหลบหนีก็เร่งรีบวิ่งตามนางมาทันที นางเห็นประตูห้องหนึ่งแง้มอยู่จึงรีบเข้ามาหลบซ่อน รอจังหวะหาทางออกจากที่นี่
ทว่ากลับพบบุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าตาดุดันแถมปากคอร้ายกาจอีกต่างหาก
“เสี่ยวหงส่งเจ้ามาใช่ไหม” เขาถามและไม่รอคำตอบ “มาทำงานเป็นสาวใช้?”
เพราะรู้ว่าด้านนอกกำลังตามหานางอยู่ ในเวลาขับขันนางไม่อาจคิดหาทางออกอื่น ได้แต่พร่ำขอโทษที่สวมรอยเป็นผู้อื่น พยักหน้ารับสมอ้างเป็นหญิงรับใช้ที่เขาต้องการ ยิ่งเห็นว่าเขาเร่งรีบเดินทาง นางยิ่งรีบติดตามเขาโดยไม่ถามอะไรสักคำ ขอให้ไปพ้นสถานที่แห่งนั้นได้ นางยอมไปตายเอาดาบหน้า
เวลานี้นางก็มาอยู่ที่ป้อมพยัคฆ์ทมิฬแล้ว
หญิงสาวกินโจ๊กจนหมดชาม นางต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ คุณหนูหลัวเสี้ยวเวยตายไปตั้งแต่สี่ปีก่อน ไม่มีลุงจางฉวนกับป้าสะใภ้จอมหลอกลวง ตอนนี้นางเป็นเพียง ‘เสี้ยวเวย’ สาวใช้ป้อมพยัคฆ์ทมิฬ
แต่ก่อนอื่น เห็นทีงานแรกของนางคือปรับปรุงรสอาหารให้ดีกว่าน้ำล้างชามเสียแล้ว
หยางกั๋วชิ่งเดินเข้ามาในห้องของพี่ชาย โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังหลับตาเอนหลังพิงอ่างอาบน้ำอยู่ อาลี่-บ่าวรับใช้ยืนหน้านิ่งอยู่ไม่ไกลนัก เขารับรู้การเข้ามาของคุณชายรองสกุลหยางพร้อมกระดาษรายการในมือ อาลี่ค้อมศีรษะลงถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่
“สินค้าที่เจ้าสั่งซื้อ ข้าซื้อร้านเดิม” หยางเหลาหู่เอ่ยก่อนที่น้องชายจะขยับปากส่งเสียงถาม
“ข้าตรวจสอบแล้ว สินค้าที่ให้พี่ใหญ่ซื้อมาครบทุกรายการขาด
ไปหนึ่งรายการ”
“หือ?” คราวนี้หยางเหลาหู่เลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงน “ขาดสิ่งใด”
“หญิงรับใช้” หยางกั๋วชิ่งไหวไหล่ “ข้ายังไม่เห็นเลย ตกลงพี่ใหญ่ได้ซื้อมาหรือไม่”
“ข้าซื้อมาแล้ว หิ้วขึ้นรถมาเองกับมือ จะหายไปได้อย่างไร” ชายหนุ่มลืมตาแล้วพลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับน้องชายที่อายุน้อยกว่าเพียงแค่สองปี “เจ้ายังไม่เห็นนางรึ”
“ข้ายังไม่เห็นถึงได้มาสอบถาม” เขาตรวจรายการสินค้าอีกครั้งก่อนพับกระดาษแผ่นนั้น “แน่ใจว่าพี่ใหญ่มิได้ทำตกหล่นระหว่างทาง”
“เมื่อเช้ามาถึง ข้าเห็นนางลงจากรถม้าอยู่เลย”
เขานึกถึงหญิงสาวร่างเล็กที่หิ้วขึ้นรถม้ามาด้วย ตัวนางทั้งผอมทั้งบางไม่รู้จะทำงานไหวหรือไม่ แต่เอาเถิดให้นางมาอยู่กับบรรดาบ่าวชราเหล่านั้นคงไม่ถึงกับกลั้นใจตายไปเสียก่อน