1.ภาคอดีตรักตราตรึง
เกริ่นเรื่อง
ณ หนานอานซึ่งอยู่ด้านล่างภูเขาต้ากวนหมิงซาน มีสำนักหมอยาชื่อดังของสกุลไป๋ กล่าวกันว่าทุกๆ หนึ่งร้อยปี จะมีบุรุษเทพเซียนถือกำเนิดเพื่อช่วยเหลือผู้คน
ไป๋หลิวหยาง คือคุณชายหม้อยา เขาทั้งรูปงามและสง่าผ่าเผย จิตใจดีงาม และนอกจากมีกลิ่นอายเทพเซียนอันเป็นที่โปรดปรานของเหล่าปีศาจ เขายังเฉลียวฉลาดรอบรู้ในหลายๆ สิ่ง คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้คุณชายสกุลไป๋เป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั่วหล้า
ชีวิตของ ‘อิ้งเยว่’ นางแมวป่าแห่งเผ่าจิ่วเซิงหัว (เก้าชีวิต) จะว่าดีก็ไม่เต็มปาก จะว่าร้ายก็ไม่เชิง ในคืนที่ครอบครัวถูกไฟป่าคลอกตาย นางถูกบิดาผนึกไว้ในถ้ำน้ำแข็ง กระทั่งได้รับการช่วยเหลือจากเวยเฟิง ภูตสายลม นางจึงได้ออกมาใช้ชีวิตบนโลกอีกครั้ง แต่อนิจจา ด้วยความเสียใจอย่างหนัก ทำให้นางสติเลอะเลือนบางส่วน ความทรงจำเก่าก่อนในอดีตจึงขาดหายไป และหลังจากถูกปลดปล่อย อิ้งเยว่กลายเป็นแมวป่าสองหางเร่ร่อน นางอาศัยเรือนกายหญิงสาวเสพรักกับบุรุษมากหน้าเพื่อต่อลมหายใจตัวเอง
ปีศาจแมวสาวใช้ชีวิตอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ รอคอยชายผู้มีกลิ่นกายเทพเซียนเพื่อที่จะช่วยให้นางมีร่างเป็นมนุษย์ จวบจนได้พบไป๋หลิวหยาง นางแมวจึงวางแผนที่จะใช้อุ้งเท้าและพวงหางแสนน่ารักมัดใจเขาให้ได้อีกครั้ง!
ภาค อดีตรักตราตรึง
ณ เมืองหนานอาน ด้านล่างต้ากวนหมิงซาน ภูเขาที่เปรียบเสมือนดินแดนสมุนไพรของโลก สายลมเย็นพัดผ่านร่างที่มีขนปุกปุยสีขาวดุจหิมะ ซึ่งเดินอย่างสบายอารมณ์อยู่บนท้องถนน นานแล้วที่นางไม่ได้ลงมาเที่ยวเล่นอย่างสำราญใจ คงตั้งแต่เจิ้งซื่อ ผู้เป็นบิดาและหัวหน้าเผ่าจิ่วเซิงหัวแห่งแมวเก้าชีวิตต้องการให้นางแมวน้อยบำเพ็ญเพียร เพราะในอนาคตนางจะต้องดูแลว่านเก้าชีวิต เพื่อปกป้องไม่ให้คนชั่วนำไปใช้ในทางมิชอบ แต่ลูกสาวคนโตนี้ค่อนข้างเกียจคร้าน มีนิสัยรักสนุก จึงไม่ใคร่สนใจสิ่งที่บิดาสั่งสอน
“ข้าชอบใจนัก ทุกอย่างยังน่าอภิรมย์ไม่เปลี่ยน ดินแดนมนุษย์ช่างหอมหวาน แตกต่างจากต้ากวนหมิงซาน ที่มีแต่สมุนไพรและเรื่องน่าเบื่อ” เมื่อกล่าวจบนางก็เยื้องย่างไปบนกำแพงสูง พร้อมสะบัดขนสวยๆ ของตนอวดความงามอย่างเต็มที่
ในช่วงเวลากลางวัน ผู้คนต่างให้ความสนใจต่อการจับจ่ายซื้อของ ทั้งของใช้ อาหาร รวมถึงผ้าแพร ตลอดจนเครื่องประดับ กระนั้นบรรยากาศก็ไม่ใคร่คึกคักสักนิด เพราะนางทราบว่าช่วงนี้มีโรคระบาด แต่นับว่าโชคดีที่เมืองหนานอานขึ้นชื่อเรื่องรักษาผู้ป่วย มีสำนักหมอยาหลายแห่ง และอันดับต้นๆ ที่ดูแลผู้คนในเมืองก็คือสำนักของตระกูลไป๋
ดวงตาสวยสองสีมองสิ่งรอบตัวแล้วจึงยิ้มร่า นางแมวน้อยสุขใจเช่นนี้เสมอเมื่อได้ลงมาจากต้ากวนหมิงซาน และได้เดินเที่ยวเล่นในเมือง
อิ้งเยว่ คือนางแมวสองหาง นางมีอายุนับได้เจ็ดสิบปีเศษ ซึ่งถือว่ายังไม่พ้นวัยแรกรุ่นสำหรับสรรพสัตว์ที่อาศัยอยู่ที่ต้ากวนหมิงซาน ตั้งแต่ลืมตาขึ้นนางได้รับการอบรมและสั่งสอนวิชาต่างๆ จากเจิ้งซื่อผู้เป็นบิดาและจินจูผู้เป็นมารดาอยู่บ้าง กระนั้นนางก็ใช้เวทมนตร์ได้อย่างจำกัด เพราะความไม่ประสีประสา อีกทั้งไม่ใคร่ใส่ใจฝึกฝน ดังนั้นวิชาที่นางจดจำได้จึงเป็นจำพวกการอำพรางตน แปลงร่างจำแลงกายเป็นผู้อื่นเพื่อสวมรอย ซึ่งดูแล้วคล้ายการแสดงละครจำอวดหรือปาหี่ ส่วนการบำเพ็ญตนเพื่อจะได้กลายเป็นเซียนนับว่ายังอ่อนด้อย ดังนั้นจึงถูกเจิ้งซื่อตำหนิอยู่บ่อยๆ แต่ความที่นางช่างประจบ อีกทั้งเป็นลูกสาวแสนรักแสนหวง บิดาจึงผ่อนปรนต่อนางเรื่อยมา
ด้วยความซุกซน กอปรกับความอยากรู้อยากเห็น นางจึงมักเฝ้ารอเวลาที่จะหลบบิดาลงมาเที่ยวเล่นที่เมืองติดแม่น้ำแห่งนี้ พอสบโอกาสเหมาะที่เขายุ่งอยู่กับการหายาสมุนไพรเพื่อบำรุงครรภ์จินจู นางแมวน้อยจึงแอบลงจากภูเขาสูงที่ห้อมล้อมด้วยปุยเมฆสีขาว
เมืองหนานอานอุดมสมบูรณ์ในด้านอาหาร และเจริญรุ่งเรืองด้านการค้า อีกทั้งยังมีศาลเจ้าหลายแห่งตั้งอยู่ เพราะชาวเมืองให้ความเคารพต่อเทพเจ้าและสรรพสัตว์มงคลมาช้านาน
ทางฝั่งตะวันตกของเมืองมีศาลเจ้าแห่งโชคชะตาซึ่งเก่าแก่มาก มีอายุนับพันปี ในอดีตช่วยให้เมืองนี้รอดพ้นจากการรุกรานของเผ่าคนเถื่อนที่ใช้ทั้งไสยเวทและกองกำลังเรือนแสนบุกเข้ามา แต่สัตว์ที่อาศัยอยู่ในเมือง รวมถึงที่อยู่บนต้ากวนหมิงซานได้ให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ดังนั้นหลังจากเหตุร้ายผ่านพ้น ชาวเมืองจึงร่วมใจสร้างศาลสัตว์มงคลขึ้นมา และตั้งชื่อว่า ศาลเจ้าแห่งโชคชะตา
ด้านในสุดมีรูปปั้น วิหคดารา ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น เขาคือเซียนนกแห่งความรอบรู้หรือเทพนกฮูก ซึ่งผู้คนให้ความเคารพ เพราะเต็มเปี่ยมด้วยความอ่อนโยนมีเมตตา
อิ้งเยว่กระโดดสูง ก่อนลงไปหยุดอยู่ต่อหน้ารูปปั้นอันงดงาม
วิหคดาราเป็นรูปปั้นชายที่มีร่างกายมนุษย์สมบูรณ์แบบ พร้อมปีกสวยงามทางด้านหลัง รูปปั้นดังกล่าวสูงเท่าคนจริงๆ ซึ่งถูกจำลองขึ้นแล้วจัดวางไว้อย่างโดดเด่นงามสง่า
นอกจากนั้น ด้านล่างของวิหคดารายังมีรูปปั้นสัตว์มงคลที่เสกสรรขึ้นตามจินตนาการเล่าขาน บ้างเป็นร่างมนุษย์มีศีรษะเช่นนก บ้างเป็นร่างนกขี่ก้อนเมฆ
นางแมวน้อยร้องเหมียวๆ พลางมองของเซ่นไหว้ ทั้งผลไม้และหมั่นโถว รวมถึงขนมหวาน ทั้งหมดล้วนเน่าเสีย มีกลิ่นไม่สู้ดี เห็นดังนั้นจึงล่วงรู้ว่าศาลแห่งนี้ไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ควรจะเป็น
ยามนั้นความฉุนเฉียวพุ่งท่วมใจ อิ้งเยว่กวาดตาไปทั่ว ก่อนจามหลายครั้งติดกันจนตัวสั่น ด้วยมีทั้งฝุ่น เศษใบไม้ รวมถึงหยากไย่เกาะอยู่ตามมุมเสาและเพดาน ยิ่งพินิจอิ้งเยว่ยิ่งหงุดหงิด พลอยให้นางอยากอาละวาด
“พวกมนุษย์ใจทราม คงอยากให้ข้าถล่มเมืองนี้ให้ย่อยยับใช่หรือไม่ เหตุใดถึงได้ลบหลู่เกียรติวิหคดาราที่ข้ารักและเคารพเยี่ยงนี้”
นางว่าพลางมองไปยังรูปปั้นเบื้องหน้า สีหน้าวิหคดาราเยือกเย็น หากแฝงความละมุนด้วยอมยิ้มนิดๆ ตรงมุมปาก
“ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง และทำให้ชาวเมืองนี้รู้ว่าพวกเจ้ากระทำผิดใหญ่หลวงที่ปล่อยปละละเลยหน้าที่ตน!”
อิ้งเยว่กล่าวเสียงขึ้นจมูก พร้อมร้องเหมียวๆ ตามประสา กระทั่งหูแว่วได้ยินเสียงซุบซิบดังขึ้นไม่ห่างจากจุดที่นางกำลังเลียขนตัวเองอยู่ มีชาวบ้านกำลังเอ่ยถึงพวกโจรปราบปีศาจที่เจ้าเมืองคนใหม่จ้างมา และตอนนี้กำลังแผ่อิทธิพลไปทุกหนแห่ง รวมถึงการที่พวกเขาพยายามทำลายความเชื่อของชาวบ้านที่มีต่อศาลเจ้า ซ้ำร้ายคือการใช้ไสยเวทรักษาผู้คนแทนสมุนไพร
ชายชราผู้นั้นถอนหายใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาต้องทำเช่นนี้ด้วยเป็นคำสั่งของเจ้าเมืองคนใหม่
“ข้าไม่เข้าใจท่านเจ้าเมืองนัก แต่คำสั่งให้ปิดตายที่นี่มันออกจะแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย” ผู้เฒ่าเคราขาวกล่าว เขามีสีหน้าโศกเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
“ตัวข้าก็คิดเหมือนท่านลุง แล้วยังให้พวกเราไปเข้าร่วมพิธีกรรมลัทธิปราบปีศาจ อ้างว่าแผ่นดินนี้ผู้ที่จะผดุงความถูกต้องได้ก็คือพวกเขา เช่นนี้เราสองพี่น้องเป็นเพียงผู้น้อยจะทำอย่างไรได้ คงต้องปล่อยเลยตามเลย”
“เจ้าพูดถูก หากเราฝืนคำสั่งคงไม่พ้นตกงาน หรืออาจถึงขั้นถูกส่งเข้าศาลไต่สวน ตอนนี้ท่านเจ้าเมืองหูเบาเหลือเกิน ข้าเห็นเขาสั่งทหารจับคนไปขังเยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะหมอยาและหมอตำแย” คนเป็นพี่ที่มีร่างสูงโย่งกล่าวเสริมน้องชาย
“ท่านลุงและพี่ชายทั้งสอง” เสียงหวานจัดของหญิงสาวหน้าตาสะสวยดังขึ้น นางดูเหมือนคุณหนูสกุลใหญ่ ผิดแต่ไม่มีผู้ติดตาม และยังปรากฏในศาลเจ้าที่แทบไร้ผู้คนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย!
“ขอรับคุณหนู หากต้องการไหว้ศาลสัตว์มงคล เกรงว่าจะไม่สะดวก ตอนนี้ชาวเมืองต่างไปชุมนุมกันที่คฤหาสน์ของท่านผู้นำมือปราบอเวจี คุณหนูก็ควรไปด้วยเช่นกัน เพราะเขาแจกวัตถุมงคลและยันต์คุ้มภัยสำหรับรักษาสารพัดโรค” ชายสูงวัยกล่าวอย่างให้เกียรติ
“เหลวไหล ข้าจะไปที่อัปมงคลเยี่ยงนั้นได้หรือ อีกอย่างการหลงเชื่อเรื่องเช่นนั้นนับว่าอับจนปัญญา!” อิ้งเยว่ในร่างจำแลงว่าเสียงสูง และท่าทางแสดงให้รู้ว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ชายชราแปลกใจ มองสำรวจเด็กสาวในชุดเหลืองอีกครา
“คุณหนูเป็นลูกหลานสกุลใด ระวังกิริยาและคำพูดเอาไว้บ้าง ข้าเกรงว่าอาจนำภัยร้ายสู่ตัวท่านและตระกูล”
“ฮึ! อย่าได้กลัวสิ่งใดแทนข้า ตอนนี้ท่านและชาวเมืองทุกคนควรระวังตัวเอาไว้เสียดีกว่า เพราะการละเลยไม่ดูแลศาลเจ้าแห่งโชคชะตาย่อมมีโทษร้ายแรง”
คนหนุ่มร่างเล็กสูดลมหายใจลึก เขาปรามสตรีงามเบื้องหน้าพวกตนเสียงเข้ม
“คุณหนูกล่าวราวกับไม่รู้แจ้ง ว่าในยามนี้ผู้คนต่างหันเหใจ ไม่มีคนเคารพสัตว์หรือรูปปั้นในศาลแห่งนี้อีก เพราะมือปราบอเวจีคือผู้ผดุงความถูกต้องแทนเราทุกคน ใครๆ ต่างยกย่องและยำเกรงพวกเขา อีกอย่างสำนักหมอยาหลายที่ล้วนถูกปิดตัว แม้แต่ตระกูลไป๋ยังต้องอพยพไปที่อื่นชั่วคราว”
เด็กสาวขมวดหัวคิ้วเรียวอย่างขัดเคืองใจ นางไม่ได้ลงมาที่นี่ไม่ถึงครึ่งปี เหตุใดทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเร็วเช่นนี้ โดยเฉพาะคนตระกูลไป๋ นางได้ยินว่าพวกเขายึดมั่นในความดี ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้งตำหนักไป๋ซานยังมีบุรุษเทพเซียนคอยดูแลผู้คน ผิดแต่หลายปีที่ผ่านมายังไม่มีผู้เหมาะสมรับตำแหน่งดังกล่าว เช่นนี้คงเป็นโอกาสให้พวกลัทธิมารเข้ามาหาประโยชน์ในเมืองหนานอาน
อิ้งเยว่ในร่างจำแลงกำลังใช้ความคิดอย่างหนักนางจะโกรธแค้นชาวบ้านที่ไม่รู้ประสีประสาทั้งสามคนนี้ก็ใช่เรื่องสมควร
“พวกโจรชั่วเหล่านั้นที่พวกท่านกล่าวถึงมันพำนักอยู่ที่ใด”
“คฤหาสน์รับรองของท่านเจ้าเมือง ยามนี้ใครๆ ต่างเข้าออกที่นั่นราวกับเป็นเทศกาลปีใหม่”
“ฮึ เดี๋ยวตัวข้าจะทำให้คฤหาสน์หลังนั้นร้างเหมือนศาลแห่งนี้ พวกท่านคอยดูเถิด”
ชายทั้งสามคนมองหน้ากันด้วยความฉงน สตรีอายุน้อยกล้าพูดจาและแสดงท่าทีต่อต้านมือปราบอเวจี นางอาจต้องโทษหรือไม่ก็ถูกจับในข้อหาเป็นแม่มดหมอผี!
“คุณหนู พูดจาสิ่งใดโปรดระวังปาก สถานการณ์ในเมืองตอนนี้ชวนให้ประหวั่นใจ”
อิ้งเยว่ยิ้มเยือกเย็น ก่อนหลุดเสียงร้องประหลาดออกมาต่อหน้าชายทั้งสามคน
“เมี้ยว! มือปราบอเวจีหรือจะหาญสู้...สตรีที่มีสองหางเช่นข้า!!”