1.จุดเปลี่ยน
สามีแดนเถื่อน/01.จุดเปลี่ยน
เท้าบางรีบก้าวยาวๆเดินมาตามถนนที่ค่อนข้างเปลี่ยวร่างบางที่มีเพียงกระเป๋าใบเดียวที่สะพายหลังมา หากความคิดในใจยังขุ่นมัวถึงเรื่องที่ทำให้เธอตัดสินใจหนีออกจากบ้านมา ก็ทำให้เธอหงุดหงิดยิ่งขึ้นกว่าเดิม
(แกต้องแต่งงานกับจอห์น)
บิดาของเธอพูดขึ้นท่ามกลางโต๊ะอาหาร ด้วยความที่พ่อของเธอทำงานเป็นทูตของประเทศไทยเข้าไปประจำการที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงทำให้บิดาของเธอรู้จักฝรั่งมังค่ามากพอสมควร ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ'จอห์น ไลฟ์เมอร์' ที่พ่อเธอกล่าวถึง
(พ่อคะ แต่นี่มันหมดยุคคลุมถุงชนแล้วนะคะ อีกอย่างหนูไม่ชอบนายจอห์นนั่นด้วย)
เธอเถียงบิดา เธอเคยเจอจอห์นแล้วและเขาก็ดูเถื่อนเกินไปสำหรับเธอ ไม่รู้ว่าพ่อจะปลื้มอะไรเขานักหนา
(แต่จอห์นเป็นคนดี พ่ออยากให้แกได้เจอคนดีๆนะไอ้พัตร)
บิดาของหญิงสาวเริ่มทำหน้าไม่พอใจที่เธอไม่เห็นด้วย
(เขาอาจจะค้ายาบ้าขนาดใหญ่ก็ได้นะคะคุณพ่อ สมัยนี้คนดูยากนะคะ)
'ชญาพัตร เจนจัด' บุตรสาวเพียงคนเดียวของทูตแห่งประเทศไทย'ชญากร เจนจัด' ตอนนี้คู่พ่อลูกกำลังถกเถียงกันอย่างมันหยด
(ไอ้พัตร แกหุบปากเสียๆของแกไปเดี๋ยวนี้! ยังไม่เสียแกก็ต้องแต่งงาน พรุ่งนี้พ่อจะพาจอห์นมาคุยเรื่องเเต่งงาน แกเตรียมตัวไว้ให้ดี)
พูดจบบิดาของเธอก็ลุกพรวดออกจากโต๊ะอาหารทันที ด้วยความที่อยากได้ลูกชายและบวกกับที่สนิทกับเธอมาก บิดาของเธอจึงเรียกเธอว่า 'ไอ้พัตร' จนติดปาก
(อย่าซีเรียสไปเลยพัตร)
'ชนก เจนจัน' มารดาของเธอพูดปลอบ
(หนูจะไม่ยอมแต่งงานกับนายจอห์นของคุณพ่อแน่นอนคะคุณแม่)
หญิงสาวพูดท่าทางมั่นใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินขึ้นห้องไปอีกคน
สองมือหยิบเสื้อผ้าประมาณสี่ห้าชุดใส่กระเป๋าเป้ ในหัวของเธอตอนนี้คิดเพียงว่าตอนนี้เธออยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้แล้ว ถึงแม้จะต้องถูกเรียกว่าลูกอักตัญญูก็ตามเถอะ แต่จะให้เธอแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รักแถมยังต้องอยู่ด้วยกันอีก แค่คิดเธอก็อยากจะกรี๊ดแล้ว หญิงสาวทำตาละห้อยเมื่อมองไปยังตุ๊กตาหลายตัวที่นั่งเรียงรายอยู่บนหัวเตียง เธอเป็นคนรักตุ๊กตา การจากตุ๊กตาทำให้เธอเสียใจมากกว่าจากพ่อแม่เสียอีก
"ขอโทษนะคะ คุณพ่อคุณแม่ หนูขอออกไปตามหาเจ้าชายในฝันสักพัก แล้วจะกลับมาพร้อมหลานสักคน ฉันไปน้ะเหล่าเพื่อนพ้องทั้งหลาย ไม่โกรธกันนะคะ"
หญิงสาวพูดคนเดียว พร้อมบอกลาเจ้าหมีหลายสี แล้ะเรียกกำลังใจให้ตนเองกับการไปท่องโลกกว้างในครั้งนี้ หวังว่าเจ้าชายในฝันของเธอจะมีอยู่จริงนะ หลังจากที่เตรียมของเสร็จเรียบร้อย เมื่อได้เวลากลางดึก เธอจึงรีบเดินย่องๆออกมานอกบ้าน โดยหยิบเงินมาเพียงสองพันบาทเท่านั้น ชญาพัตรโบกแท๊กซี่ให้ไปจอดแถวๆในตลาด เธอยังไม่รู้เลยว่าจะไปทางไหนดี ผู้คนต่างวุ่นวาย เธอจะอยู่รอดไหมเนี่ย
"เฮ้อ! จะรอดไหมเนี่ย"
ถึงแม้จะเป็นยามค่ำคืนแต่ผู้คนก็ยังขวักไขว่อยู่ยั๊วะเยี๊ยะเต็มไปหมด ทันใดนั้นสายตาคมของหญิงสาวก็หันไปเจอรถคันนึงที่จอดติดอยู่กับกำแพง และที่สำคัญ รถกำลังกำลังติดเครื่องอยู่ แต่ก็แปลก ไม่มีใครอยู่ในรถ ด้วยความง่วงบวกความเบลอหญิงสาวจึงตัดสินใจกระโดดขึ้นไปนอนในเบาะหลังของรถจาร์กัวคันหรู
"อื้มมมม! นุ่มสบายจัง"
ชญาพัตรเอ่ยพึมพำกับตนเองแล้วก็เผลอหลับไหลไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
"ได้แล้วคับนาย โจ๊กเจ้าโปรด อ้าว แล้วทำไมไม่เข้าไปรอในรถละครับ"
' เดวิด ฮากัวร์' เอ่ยถามเจ้านาย
"ก็ฉันออกมาสูบบุหรี่ มีอะไรสงสัยอีกไหมเดวิด"
ใบหน้าคมหันมาตอบคำถามลูกน้องด้วยอารมณ์หงุดหงิด 'คาวิลล์ เฮอร์รี่คัท' ทาญาติมหาเศรษฐีแห่งเมืองใหญ่ เจ้าของธุรกิจด้านมืดแห่ง 'ลาสเวกัส แห่งรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา' หากแต่เขามีแม่เป็นคนไทยคงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงใช้ลูกน้องไปซื้อโจ๊กให้หรอกนะ เขาชอบกินโจ๊กมาตั้งแต่เด็กๆ
"ครับๆ งั้นเราไปกันเลยดีกว่าครับนาย"
คาวิลล์พยักหน้าให้ลูกน้องน้อยๆจากนั้นก็กระโดดขึ้นรถจาร์กัวคันหรูออกไป
ในรถ
"ที่ลาสเวกัสเป็นยังไงบ้าง"
เสียงเข้มเอ่ยเอ่ยถามสารถีที่ขับรถอยู่
"ทุกอย่างลงตัวครับนาย"
เดวิดตอบ พร้อมตั้งสมาธิในการขับรถ เขาสนิทกับเจ้านายพอสมควร หรือจะเรียกว่าสนิทมากกว่าชาวบ้านก็เป็นได้
"ก็ดี แล้วเรื่องไอ้จอห์นละ"
'จอห์น ไลฟ์เมอร์' มาเฟียอีกแขนงนึงที่โหดเหี้ยม เลวดั่งสัตว์นรก เขาละเกลียดเข้าไส้
"วันนี้มันกำลังเดินทางมาไทยครับนาย"
เดวิดตอบตามที่ได้รับรายงานมา
"มาทำไม มันคงไม่ได้ตามฉันมาใช่มั้ย"
คาวิลล์เอ่ย
"เห็นว่าจะมาเจรจาเรื่องงานแต่งครับ"
"เหอะ! งานแต่ง ฉันละสงสารเจ้าสาวของมันเป็นบ้า"
หน้าหล่อแสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว แต่เดวิดก็ชินกับมันแล้ว
"งั้นนี่ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะไปถล่มพวกมันนะสิ"
รอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนใบหน้า หากแต่ตอนนี้เป็นการดี เมื่อศัตรูกำลังชะล่าใจ เขาจะต้องเปิดโปงธุรกิจแสนทุเรศของมันให้ได้
"ก็ คงงั้นครับนาย แล้วจะเอาไงต่อดีครับ"
"จองตั๋วเครื่องบินไว้ พรุ่งนี้เราจะกลับอเมริกา"
คาวิลล์สั่งเสียงเรียบ แล้วหันหน้าไปมองนอกกระจก
"ได้ครับนาย"
"เงียบได้ไหม คนจะนอน!"
จู่ๆก็มีเสียงๆหนึ่งลอยเข้ามาภายในรถทำให้เดวิดและคาวิลล์สะดุ้ง นั่นมันเสียงคนหรือผี
"นะนายได้ ยะยินเสียงอะไรไหมครับ"
จากนั้นก็หันซ้ายหันขวา เพื่อตามหาเสียงที่ได้ยิน
"หูแว่วน่าเดวิด"
ณ คอนโดสุดหรูในกรุงเทพมหานคร รถจากัวร์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในชั้นจอดรถ
"โจ๊กฉันอยู่ไหน"
คาวิลล์เอ่ยถาม เขาเป็นโรคชนิดนึงที่ชอบกินโจ๊กก่อนนอนเวลารู้สึกเหนื่อย
"หลังรถครับนาย"
เดวิดเอ่ยตอบ จากนั้นคาวิลล์ก็เปิดไฟข้างบนพร้อมหันไปเบาะหลังหวังว่าจะไปหยิบถุงโจ๊กแต่ทว่าสิ่งที่เขาเจอมันไม่ใช่แค่ถุงโจ๊กนี่สิ
"เฮ้ยย! ตัวไรวะ"
คาวิลล์ตะโกนลั่น ทำให้เดวิดหันมามองอย่างตกใจเช่นกัน
"ผะผะผีหรือคะคนครับนาย"
เดวิดทำหน้าเหวอ ส่วนคาวิลล์ขมวดคิ้วมุ่น ผู้หญิงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยืนมีกระเป๋าเป้หนึ่งใบ นี่เธอขึ้นมาอยู่บนรถเขาได้ยังไงกัน
"ผีอะไรจะสวยขนาดนี้เล่า เดวิด"
คำตอบที่ยินมาทำให้เดวิดโล่งใจไปทันที ยิ่งเขากลัวๆผีอยู่ด้วย
"ละแล้วนายจะเอาไงครับ จับเธอส่งตำรวจดีไหมครับนาย"
"นี่ก็ดึกแล้ว ฉันว่าค่อยคุยกันพรุ่งนี้อีกที"
ชายหนุ่มตอบพร้อมมองร่างนุ่มนิ่มน่ากอดนั่นอย่างไม่วางตา ใช่! เขาสนใจเธอ
"แล้วนายจะให้เธอนอนเฝ้ารถอยู่แบบนี้หรอครับ"
"เดี๋ยวฉันจะอุ้มเธอไปบนห้องเอง ส่วนนายเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปพักเถอะ"
คาวิลล์สั่งเพียงเท่านั้น เดวิดจึงพยักหน้ารับง่ายๆเพราะเขารู้ดีว่าเจ้านายไม่ใข่คนเรื่องมาก
คาวิลล์อุ้มร่างเล็กของหญิงสาวขึ้นมาบนห้องอย่างง่ายได้ เพราะตัวเธอเบามาก ไม่รู้ว่ากินอะไรเป็นอาหาร เขากลัวจะทำเธอหักคาเมือเสียด้วย ร่างหนาวางคนตัวเล็กลงบนเตียงอย่างเบามือ จากนั้นก็พิจารญาใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก ทำไมแค่เขามองหน้าเธอหัวใจต้องเต้นแรงด้วย บ้าชิพ! เธอเป็นใคร? มาอยู่บนรถเขาได้ยังไง? คำถามมากมายผุดพรายเข้ามาในหัว แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะสลัดมันทิ้งไป จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าตนเองออกจนไม่เหลือสักชิ้น จากนั้นก็เดินแก้ผ้าเข้าห้องน้ำไปเลย เขาไม่สนใจหรอกว่าเธอเป็นใคร แต่ในเมื่อเข้ามาในกรงของเขาง่ายๆก็ออกไปง่ายๆไม่ได้เหมือนกัน เมื่ออาบน้ำเสร็จราวสิบนาทีคาวิลล์ก็เดินกลับมายังเตียงนอนตามเดิม ชายหนุ่มไม่ใส่อะไรเลย เพราะปกติอยู่คนเดียวเขาก็แก้ผ้าเดินรอบห้องอยู่แล้ว ด้วยความเพลียที่มีมากกว่าความหิวชายหนุ่มจึงแช่โจ๊กไว้ในตู้เย็นแล้วกระโจนขึ้นเตียงนอนแล้วก็ผล็อยหลับไปในที่สุด
รุ่งเช้า สองร่างนอนกอดกันกลมอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ดวงตากลมโตค่อยๆกระพริบปริบๆ ปากก็หาววอดวอดๆ ชญาพัตรลุกขึ้นนั่งบิดกายเพื่อยืดเส้นยืดสาย เมื่อคืนเธอหลับสบายจริงๆเลย เเถมเช้าดียังอากาศดีอีกด้วย หญิงสาวหลับตาเพื่อผ่อนคลายแต่อะไรบางอย่างทำให้เธอลืมตาขึ้นมาใหม่ ข้างหน้าเธอมันเป็น.........
"บาร์เคื่องดื่ม"
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น ทำที่จะได้เธอไม่เคยมีของพวกนี้อยู่ในห้องนี่ จากนั้นดวงตากลมโตก็สำรวจไปรอบๆห้อง หญิงสาวจึงพบว่า
"เฮ้ย! ห้องใครเนี่ย"
หญิงสะดุ้ง จากนั้นจึงเหลือบไปเห็นผู้ชายเปลือยท่อนบนนอนอยู่ข้างๆ
"กรี๊ดดดดดดด ไอ้โรคจิต"
หญิงสาวกรี๊ดสุดพลัง ไอ้ผู้ชายบ้านี่มันลักพาตัวเธอมาทำมิดีมิร้ายแน่ๆ
"โอ้ยยย! กรี๊ดทำไมว่ะ หนวกหูชิบ"
คาวิลล์งัวเงียตื่นขึ้นมา เพราะเสียงรบกวนของยัยบ้านี่แท้ๆเลย
"นะนะนายเป็นใคร"
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาทำให้เธออึ้ง อร๊าย! เจอแล้วเจ้าชายในฝัน
"ฉันต้องถามเธอมากกว่า ว่าเธอเป็นใคร มาอยู่ในรถฉันได้ยังไง!"
ชายหนุ่มพูดอย่างหัวเสีย แม่งเอ้ย! หงุดหงิดเป็นบ้า
"รถ..... รถคันนั้นเป็นรถของคุณหรอ?"
เมื่อลำเลียงเหตุการณ์ได้เสียงใสๆจึงเอ่ยถามตาแป๋ว
"ไม่ใช่มั้ง แล้วนี่ตกลงเธอเป็นใคร"
เขาถามเธอ ตอนหลับยังว่าน่ารักแล้วตอนตื่นยิ่งหน้ารักเข้าไปอีก นี่เขาเห็นแก่ความน่ารักของเธอหรอกน่ะถึงยอมเลิกหงุดหงิดง่ายๆ
"เอ่อ ฉันชื่อ ชญาพัตร เรียกฉันว่าพัตรเฉยๆก็ได้ คือเมื่อคืนฉันหนีออกจากบ้านมา"
หญิงสาวตอบตะกุกตะกัก ทำไมเขาต้องมองเธอด้วยสายตาแบบนั้นน่ะมันประหม่า
"อ๋อ.. เธอก็เลยแอบกระโดดขึ้นรถฉันมานี่นะ"
ชายหนุ่มคาดเดา และก็ถูกเผงด้วย เมื่อเธอพยักหน้ารับ
"แล้วไง หนีออกจากมางั้นหรอ เพราะอะไรล่ะ"
ชายหนุ่มซักไซร้ ทั้งๆที่มันไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
"พ่อจะจับฉันแต่งงาน ก็เลยหนีมา"
เธอตอบแบบทำหน้าอยากลาโลกยามนึกถึงเรื่องพวกนี้
"ทำไมล่ะ ใครๆเขาก็อยากมีสามีกันทั้งนั้น"
"แต่ฉันไม่นี่นา"
"แล้วเธอจะเอายังไงต่อ"
คำถามของเขาทำให้เธอหันมามองสายตาพราว ถ้าเธออยากขออยู่กับเขาเขาจะอนุญาติไหมน่ะ