บทที่ 1
“ออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้เลย จะกี่แสนกี่ล้านฉันก็ไม่ขาย แล้วไม่ต้องมาพูดกับฉันอีกแล้วนะ มากี่ครั้งฉันก็จะบอกคำเดิมว่าไม่ขาย” น้ำเสียงที่แสดงความหงุดหงิดและรำคาญใจ ถูกระบายออกมาจากเรียวปากอิ่มสวยได้รูปของหยาดน้ำค้าง หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปี ผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินนับร้อยไร่ของปู่ที่เพิ่งจากโลกนี้ไปได้ไม่ถึงหนึ่งปี ที่ดินผืนนี้มีค่าขึ้นมาทันที เมื่อทางราชการคิดจะปรับปรุงพื้นที่โดยรอบเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
เนื่องจากป่าที่อยู่ในบริเวณนี้ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์น้อยใหญ่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก มีความสูงเกือบสองร้อยเมตร เวลาน้ำตกลงมากระแทกกับผืนน้ำด้านล่าง ทำให้เกิดระลอกคลื่นลูกใหญ่ นักท่องเที่ยวจึงชอบมาล่องแก่งที่นี่กันอย่างเนืองแน่นในช่วงฤดูฝน ส่วนช่วงหน้าร้อนจะมีคนมาเดินป่ากันมาก ทั้งตั้งแคมป์เดินเข้าไปในป่าลึกโดยมีเจ้าหน้าที่และนายพรานฝีมือดีคอยดูแลความปลอดภัยให้
ส่วนหน้าหนาว ความงามของดอกไม้หลากหลายชนิดบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ อีกทั้งทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาว ที่มองลงมาจากหน้าผาสูง จุดชมวิวที่สวยงามยังเป็นแรงดึงดูดมหาศาลให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมที่นี่ นักลงทุนจึงเข้ามากว้านซื้อที่ดินของชาวบ้านละแวกนี้หลายราย ซึ่งทุกคนต่างได้ราคาที่พอใจเป็นเศรษฐีใหม่กันไปหลายครอบครัว ที่ดินของปู่สมปองจึงเป็นที่ดินอีกผืนที่มีคนสนใจ เนื่องจากอยู่ติดริมถนนสายหลัก และยังเป็นทางเข้าของวนอุทยานอีกด้วย จึงเป็นที่ดินที่สวยที่สุดและราคาแพงมากที่สุด
“นะครับลองฟังข้อเสนอข้อใหม่ก่อนดีกว่านะครับคุณหยาดน้ำค้าง ข้อเสนอข้อนี้ผมคิดว่าคุณน่าจะพอใจ” ทนายเกรียงไกรพยายามโน้มน้าว
“บอกว่าไม่ไงพูดไม่รู้เรื่องเหรอถ้าฉันคิดจะขายฉันคงขายไปตั้งแต่คุณยื่นข้อเสนอให้ไร่ละสองแสนแล้ว แต่นี่ฉันพูดว่าไม่ขายก็คือไม่ขาย กลับไปบอกนายทุนของคุณด้วยว่า ถ้าอยากได้ที่ดินของฉันมากนัก ก็มาก้มลงกราบอ้อนวอนฉัน แล้วฉันจะยอมขายให้ในราคาตามท้องตลาดไร่ละหนึ่งเเสนห้าหมื่นบาท ถ้านายทุนของคุณกล้าทำ ฉันก็กล้าขายที่ดินให้” เกรียงไกรถึงกับสะอึกกับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำนี้ มันช่างเป็นวาจาที่ไม่มีทางเป็นไปได้ยิ่งนัก หยาดน้ำค้างคงไม่รู้หรอกว่าเจ้านายของเขามีนิสัยอย่างไร อยากได้อะไรก็ต้องได้ ในเมื่อพูดดีๆ แล้วไม่ยอมรับฟัง ก็เห็นต้องใช้กำลังบ้างแล้ว
“ไงพูดไม่ออกเลยล่ะสิ ทีหลังไม่ต้องมาอีกนะ รำคาญ” ประตูรั้วอัลลอยด์ถูกปิดลงเสียงค่อนข้างดัง ทำให้ทนายผู้เก่งกล้าฝีปากเยี่ยม เดินคอตกกลับไปขึ้นรถ งานที่เขาคิดว่าง่ายกลับไม่ง่ายเหมือนกับที่คิดไว้ หยาดน้ำค้าง ใจแข็งยืนกรานคำเดียวว่าไม่ขาย หากเขานำคำพูดของหญิงสาวเจ้าของที่ดินไปบอกกับเจ้านายหนุ่ม มีหวังต้องเต้นเป็นเจ้าเข้าแน่นอน
..............
หยาดน้ำค้างเดินทางมาที่ทำงานด้วยความหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก หญิงสาวไม่เคยคิดเลยว่าการที่เธอครอบครองที่ดินที่ปู่สมปองทิ้งไว้ให้ เนื่องจากเธอต้องรบรากับญาติทางฝ่ายปู่ ที่ล้วนแล้วแต่หิวเงินทั้งสิ้น ด้วยความ ใจดีและไม่อยากมีปัญหา หยาดน้ำค้างได้แบ่งที่ดินให้กับพี่น้องของปู่สมปองคนละสิบห้าไร่เท่าๆ กัน หากแต่ทางฝ่ายพี่น้องยังไม่พอใจ ต้องการได้อีกคนละยี่สิบไร่ เนื่องจากขณะนี้เธอถือครอบครองอยู่มากกว่าสองร้อยไร่
หญิงสาวปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าญาติของปู่นั้น หวังที่จะนำที่ดินไปขายต่อ ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์ให้แก่ครอบครัว ตามความตั้งใจของปู่สมปองที่สั่งเสียกับเธอไว้ว่า ให้หลานสาวที่เขารักมากที่สุดและไว้ใจที่สุด รักษาที่ดินผืนนี้ไปชั่วลูกชั่วหลาน อย่าขายทิ้งเพราะเห็นแก่เงิน ให้ทำที่ดินผืนนี้ให้เกิดประโยชน์ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสิ่งที่ตัวเองพยายามจะรักษาไว้ จะสร้างปัญหาให้กับเธอมากขนาดนี้
“เป็นอะไรน้ำค้าง หน้าตาไม่ค่อยดีเลย หรือว่าเรื่องเดิม” บัวบุษยาถามเพื่อนรักที่เดินเข้ามาในร้านด้วย สีหน้าบึ้งตึง
“ก็เดิมๆ มีแต่คนมาขอซื้อที่ ไม่ได้ติดประกาศขายเสียหน่อย มากันอยู่ได้” สาเหตุที่ทำให้นายหน้าค้าที่ดินเหล่านี้มาหาเธอถูก คงหนีไม่พ้นญาติของปู่สมปองที่เป็นคนบอก อาจจะแลกกับเงินเพียงน้อยนิดที่อีกฝ่ายยื่นให้ หรือไม่ก็ตามแต่ญาติจอมงกจะเรียกร้อง