บทที่ 3
เมื่อนึกไปถึงปีเตอร์ ทำให้เฮอเมียหวังอยากจะให้เขาอยู่บ้านเหลือเกิน เขาจะต้องสนุกสนานกับประสบการณ์ที่เธอผ่านพบในวันนี้แน่ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นพี่ชายที่เธอทั้งรักและเคารพที่สุด บุคคลที่เธอไม่เคยปิดบังอะไรไว้จากเขาเลย เธอก็จะไม่ยอมให้เขารู้เด็ดขาดว่าเวลานี้เธอถูกผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งจูบเข้าให้แล้ว ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็นปิศาจหรือมิใช่ก็ตาม..
“ปีเตอร์จะต้องหัวเราะกับความโง่เขลาของฉันแน่..” เฮอเมียครุ่นคิดอยู่ในใจ “แต่พ่อจะต้องโมโหฉันมากแน่ๆ” โดยความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้หมายความว่าบิดาของเธอผู้เป็นบาทหลวง จะโกรธไปหมดเสียทุกเรื่อง เพราะเขาเป็นคนใจดี มีอัธยาศัยอย่างยิ่ง เพียงแต่เธอสังเกตว่า ในระยะปีหลังๆ ตั้งแต่เธอเริ่มเจริญวัยกลายมาเป็นสาวแรกรุ่นขึ้นมา พ่อมักไม่ใคร่ชอบฟังคำอภินันทนาการที่สุภาพบุรุษผู้มาเยี่ยมเยือนถึงบ้านพักของบาทหลวง กล่าวแสดงความชื่นชมในความสวยของเธอ แม้ว่าจะไม่มากครั้งนักก็ตาม
เธอเคยได้ยินพ่อพูดกับแม่ว่า วาจาแบบนี้ไม่สมควรที่จะนำมาใช้ ไม่ว่าผู้ใช้จะเป็นใครก็ตาม และเขาจะไม่ทนฟังอีกต่อไป และแม้จะรู้ว่ามันเป็นการเสียมารยาท แต่เฮอเมียก็ยังแอบฟังอยู่นอกประตู ได้ยินแม่ตอบพ่อว่า
“เฮอเมียน่ะโตเป็นสาวแล้วนะคะที่รัก และแกก็ทั้งสวยทั้งน่ารัก เพราะฉะนั้นเป็นธรรมดาที่จะต้องมีผู้ชายมาสนใจ น่าเสียดายตรงที่ว่า ในเมืองนี้มีหนุ่มโสดที่เหมาะสมกับแกอยู่น้อยคนเหลือเกิน”
“แต่ผมจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหน..ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม มาทำให้แกต้องวุ่นวายใจแน่” สาธุคุณสแตนตัน บรู๊ค ตอบภรรยาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ฉันคิดว่าไม่มีใครกล้าทำอย่างนั้นหรอกค่ะ” มิสซิสบรู๊คตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แต่ฉันก็หวังว่าพี่ชายของคุณกับภรรยาของเขาจะเมตตาชวนเฮอเมียไปร่วมงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นที่เดอะ ฮอลล์ บ้าง อีกอย่างนึงมาริลีนก็อายุเท่ากันด้วย”
เฮอเมียถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ปรารถนาที่จะได้ยินได้ฟังอะไรอีกต่อไป
เธอรู้อยู่แก่ใจดีว่า แม่ของเธอไม่ยอมรับความจริงที่ว่าเอิร์ล แห่ง มิลล์บรู๊ค ผู้เป็นพี่ชายของพ่อกับภรรยาของเขาแทบจะไม่สนใจใยดีเธอเลยนับตั้งแต่วันที่เธออายุครบสิบแปดปี เธอไม่เคยได้รับคำเชิญให้ไปร่วมงานปาร์ตี้ใดๆ ที่จัดขึ้น ณ เดอะ ฮอลล์ โดยญาติท่านนี้ทั้งสิ้น
เฮอเมียรู้ดียิ่งกว่ามารดา ว่าเหตุผลนั้นเนื่องมาจากความริษยาของมาริลีน..
ตลอดช่วงปีสุดท้ายที่เรียนหนังสือร่วมชั้น เช่นที่ทำมาตั้งแต่เด็ก มาริลีนแสดงความชิงชังรังเกียจรูปร่างหน้าตาของเฮอเมีย ผู้เป็นญาติสนิท และไม่เคยยอมพลาดโอกาสที่จะใช้วาจาเยาะเย้ยถากถาง และเนื่องจากไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาเหยียดหยันเรื่องหน้าตาได้ มาริลีนก็หันไม่เล่นงานเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวแทน
“ต๊าย..ชุดที่เธอใส่อยู่นี่ดูๆ แล้วก็ไม่ต่างกว่าผ้าขี้ริ้วเลยนะ” มาริลีนมักจะเหน็บแนมเช่นนี้ทุกครั้งที่เฮอเมียมาถึงเดอะ ฮอลล์ในตอนเช้า “ฉันไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมเธอถึงได้ชอบทำตัวเป้นหุ่นไล่กาแบบนี้นัก..!”
“แหม..คำตอบมันก็ง่ายอยู่แล้วละ” เฮอเมียตอบ “ก็เพราะว่าเธอมีพ่อที่ร่ำรวย แต่ฉันมีพ่อที่ยากจนน่ะสิ”
เธอไม่ได้พูดถ้อยคำประโยคนี้ด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแต่อย่างใดเลย แถมยังหัวเราะอย่างขบขันเสียด้วยซ้ำหากมาริลีนกลับมีสีหน้าบึ้งตึง และพยายามค้นหาอาวุธที่จะนำมาเล่นงานเฮอเมียให้เจ็บปวดต่อไปอีก
ในความรู้สึกของเฮอเมียแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลยแม้มารดาจะอธิบายอยู่ว่า มันเป็นประเพณีที่ยึดถือกันมาอย่างเคร่งครัด ที่บุตรชายคนโตของครอบครัวจะต้องได้รับในทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนบุตรชายคนรองแทบจะไม่ได้อะไรเลย
“ทำไมถึงจะต้องเป็นอย่างนั้นด้วยล่ะคะ มาม่า?”
“แม่จะอธิบายให้ฟังนะลูก..” ผู้เป็นมารดาตอบด้วยน้ำเสียงสงบ “ที่ดินผืนใหญ่อย่างของท่านลุงจอห์นของลูกน่ะ จะต้องเป็นมรดกตกทอดจากพ่อต่อมาถึงลูกเสมอ ถ้าเมื่อใดก็ตามที่เงินก้อนใหญ่รวมไปถึงที่ดินผืนนั้นถูกแบ่งกันไปให้ลูกแต่ละคน ในที่สุดก็จะไม่มีเจ้าของที่ดินในประเทศอังกฤษเลย จะมีแต่เจ้าของที่ดินผืนเล็กผืนน้อยเท่านั้น”
หล่อนหยุดเว้นระยะเพื่อดูว่าลูกสาวยังตั้งใจฟังเรื่องที่หล่อนกำลังพูดอยู่หรือไม่ ก่อนที่จะกล่าวต่อว่า
“เพราะฉะนั้น ด้วยเหตุผลอันนี้ที่ทำให้ตระกูลขุนนางใหญ่ๆ ทั้งหลายจะต้องมอบมรดกให้กับลูกชายคนโตทั้งหมดซึ่งรวมไปถึงบรรดาศักดิ์ ด้วยสำหรับลูกคนที่สอง ส่วนใหญ่ก็จะเข้ารับราชการทหาร ซึ่งอาจจะเป็นทหารบกหรือทหารเรือก็ตาม ขณะที่ลูกคนที่สามจะบวชเพื่อรับใช้พระเจ้าเพราะส่วนใหญ่แล้วมักจะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยเงินของพ่อของเขาคอยให้ความอุปการะเลี้ยงดูต่อไปอยู่”
“อ๋อ..อย่างนี้นี่เองที่ทำให้ปาป้ากลายมาเป็นนักบวช”
“ถูกต้องเลยล่ะจ้ะลูก” แม่ของเธอตอบด้วยสีหน้ายิ้มละมัย “แม่คิดนะว่า ถ้าพ่อของลูกมีทางเลือกเขาต้องอยากเป็นทหารมากกว่า จะยังไงก็ตาม ก็อย่างที่ลูกรู้นั่นแหละพ่อของลูกน่ะเป็นบาทหลวงที่ยากจนมาก แต่ถึงยังไงพ่อก็เป็นบาทหลวงที่ดีที่สุด”
ซึ่งเออเมียก็รู้อยู่ว่าสิ่งที่มารดากล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริง เพราะบิดาของเธอนั้นความเป็นคนที่มีธรรมชาติและความเป็นอยู่แบบง่ายๆ ทำให้เขามีความเห็นอกเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างที่สุด
พ่อของเธออยากจะให้ความช่วยเหลือใครทุกคนที่เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับแบกปัญหามาด้วย เขามีความสุขที่ได้ช่วยแก้ปัญหาและให้ความอนุเคราะห์ต่อทุกคน เขาสามารถจะนั่งรับฟังปัญหาของใครก็ตามได้เป็นชั่วโมงๆ ซึ่งเธอรู้ดีว่ามันเป็นอะไรบางอย่างที่ท่านลุงของเธอจะไม่มีทางทำแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหญิงชราผู้ยากจนคนหนึ่งจะร้องทุกข์เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ ขณะที่ชาวไร่อีกคนหนึ่งพร่ำพรรนาถึงความยากลำบากในการเก็บเกี่ยวพืชผลที่ไม่ใคร่ได้ผลของตน..
ถ้าชายหนุ่มคนหนึ่งพบว่าตัวเองตกอยู่ในฐานะลำบากและไม่รู้จะแก้ไขปัญหาที่กำลังพัวพันอยู่ได้อย่างไร พ่อของเธออีกนั่นแหละที่จะให้คำแนะนำ ให้ความช่วยเหลือ บ่อยครั้งถึงกับลงทุนช่วยทางด้านการเงินด้วย..
“ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย จนกระทั่งเมื่อเข้ามาสู่ร่มศาสนาแล้วถึงได้รู้ว่า จริงๆ แล้วในโลกนี้มันมีเรื่องราวน่าเศร้าเกิดอยู่มากมาย แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ก็ตาม นี่ถ้าผมเป็นนักประพันธ์นะ ผมสามารถจะเขียนนิยายนับร้อยๆ เล่มขึ้น จากเรื่องราวต่างๆ ที่ผมได้รับฟังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันบางที..นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ผมจะทำต่อไปในวันข้างหน้าก็ได้” ท่านสาธุคุณกล่าวกับภรรยาในวันหนึ่ง
“นับเป็นความคิดที่ดีอย่างยิ่งเลยค่ะที่รัก” ภรรยาของเขาตอบ “แต่เนื่องจากตอนนี้ท่านยังใช้เวลาว่างชั่วครู่ชั่วยามออกไปขี่ม้าอยู่ ฉันคิดว่าคุณคงจะต้องรอให้ตัวเองแก่จนเกินกว่าจะขี่ม้าไหวเสียก่อน จึงค่อยใช้ปากกาให้เป็นประโยชน์ฉันว่ามันน่าจะดีกว่านะคะ”
ความสุขอันยิ่งใหญ่ของท่านสาธุคุณ นอกเหนือจากการอยู่บ้านกับภรรยาและลูกแล้ว ก็คือการเอาม้าของพี่ชายออกไปควบขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนช่วงฤดูหนาว
ถ้าจะกล่าวตามความจริงแล้ว ท่านเอิร์ล เป็นบุคคลที่ใจกว้างกว่าภรรยามาก ท่านผู้หญิงนั่นเองที่ชอบทำให้เรื่องต่างๆ มันยุ่งยากมากขึ้น โดยเฉพาะภายหลังจากที่เฮอเมียไม่ได้เรียนหนังสือร่วมกับมาริลีนอีกต่อไปแล้ว เธอรู้สึกลำบากใจอย่างยิ่งที่จะเข้าไปขอยืมม้าที่อัดกันอยู่เต็มโรงม้าที่ เดอะ ฮอลล์ ซึ่งส่วนใหญ่แทบไม่ได้ออกกำลังด้วยการวิ่งควบเลย
ท่านผู้หญิงซึ่งเป็นป้าสะใภ้ของเธอนั้นเป็นเพียงผู้หญิงชาวบ้านคนหนึ่ง และมีนโยบายที่จะกีดกันหลานสาวของสามีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า นางต้องการปกป้องลูกสาวไว้ให้ห่างจากคู่แข่งผู้ไม่พึงปรารถนา..!
เมื่อเป็นเช่นนั้นมาริลีน จึงเป็นสาวน้อยที่สวยเด่นอยู่ในแวดวงสังคมตามแบบที่มารดาต้องการ..