บทที่ 4
ชมจันทร์คิดว่าตัวเองมองผิดก็เลยขยี้ตาแล้วมองใหม่ พอแน่ใจแล้วว่าเจ้าของรถคันนี้เป็นใคร มือเรียวเอื้อมไปกำลังจะเปิดประตูรถ แต่ถ้าลงไปตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการหนีเสือปะจระเข้เลย
"คุณมาทำอะไรที่นี่" เธอหยุดอาการลุกลี้ลุกลนไว้ แล้วหันมาคุยกับเจ้าของรถ
"คงไม่คิดว่าฉันตามเธอมาหรอกนะ"
"ฉันก็ถามอยู่นี่ไงว่าคุณมาทำอะไร"
"มาทำงาน"
"คุณทำงานบริษัทนี้เหมือนกันเหรอ?" ใบหน้างามหันขวับไปมองหน้าเจ้าของรถด้วยความตกใจ
"ไม่คิดว่าเธออยากจะรู้เรื่องของฉันด้วย"
"คุณกำลังจะกลับแล้วใช่ไหม ฉันขอติดรถออกไปจากที่นี่ก่อนได้ไหม"
"คงไม่ได้หรอก เพราะฉันกำลังรอรับคนสำคัญอยู่"
"?" รอรับคนสำคัญงั้นเหรอ หรือว่าเขารอแฟน พอคิดได้เธอก็รีบเปิดประตู เพราะถ้าแฟนเขามาเห็นคงต้องมีปัญหากันแน่
ชมจันทร์ลงจากรถก็รีบเดินตรงไปที่ป้ายรถเมล์โดยไม่มองว่าชาคริตจะตามมาไหม เพราะรถของเขายังคงจอดอยู่ที่เดิม
อยู่ดีๆ ก็หาเรื่องใส่ตัว ทำไมต้องไปรับรู้เรื่องอะไรแบบนั้นด้วย แล้วทำไมต้องมาทำงานที่เดียวกับเราด้วย ฉันต้องตกใจเรื่องไหนก่อนดีเนี่ย มีแต่เรื่องประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน
รออยู่ไม่นานก็มีแท็กซี่ผ่านมา ชมจันทร์ก็เลยเรียกให้ไปส่งที่โรงพยาบาล
พอจ่ายค่าแท็กซี่ไปแล้ว เธอก็เดินเข้าไปเหมือนเช่นทุกครั้ง
"วันนี้คุณหมอว่ายังไงบ้างคะแม่" วันนี้คุณหมอตรวจค่าของไต ถ้าอาการพอทุเลาก็จะให้คนไข้กลับไปฟอกเองที่บ้านได้ เพราะโรงพยาบาลคนไข้เยอะกลัวติดเชื้อ
ที่จริงชมจันทร์อยากจะขอห้องพิเศษให้แม่ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกเปลืองเงินมาก ถึงแม้ค่ารักษาทางรัฐบาลจะช่วยอยู่บ้าง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เข้ามาอีกมากมาย
"สวัสดีครับคุณแม่"
เดือนกำลังจะตอบลูกสาวแต่เสียงนี้ดังขึ้นมาก่อนจนชมจันทร์หันกลับไปมอง
"?!"
"ผมเป็นเพื่อนที่ทำงานของชมเองครับ" คนที่พูดยื่นกระเช้าผลไม้ไปให้ด้วย
"คุณตามฉันมาทำไม" ชมจันทร์รับกระเช้าผลไม้นั้นแล้วก็พูดกับคนให้มาเบาๆ
"ผมเป็นห่วงคุณครับ คุณแม่ไม่สบายเป็นอะไรครับ"
"แม่ฉันไม่เป็นอะไรมาก คุณกลับไปเถอะ เอาผลไม้ของคุณกลับไปด้วย" หญิงสาวยื่นผลไม้ส่งคืนให้
"ชม" แม่เห็นลูกทำท่าทางไม่ดีกับเพื่อนก็เลยตำหนิ
"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณแม่ ผมจะพยายามให้ถึงที่สุดครับ ผมลืมแนะนำตัวเลย สวัสดีครับผมชื่อชาคริต"
"อย่าถือสาลูกของแม่เลยนะ ภาระแกเยอะแกก็เลยไม่อยาก.."
"แม่คะ" ชมจันทร์รีบหยุดคำพูดของแม่ไว้
"แล้ววันหลังผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับคุณแม่"
"เดี๋ยวชมออกไปส่งเขาก่อนนะคะแม่" ชมจันทร์รีบเดินตามหลังชาคริตออกไป
ด้านนอก..
"หยุดนะคุณชาคริต"
"ครับ"
"คุณตามฉันมาทำไม คุณกำลังจะทำอะไร"
"ผมรู้ว่าคนที่อยู่หลังบริษัทเมื่อเช้าคือคุณ"
"ฉันไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย"
"ไม่รู้เรื่องก็ดีแล้วครับ แต่ระหว่างนี้เราควรอยู่ใกล้กันไว้ดีที่สุด"
"ทำไมฉันต้องอยู่ใกล้คุณด้วย"
"ผมจะได้แน่ใจไงว่าคุณจะไม่พูดอะไร"
"ทำไมฉันต้องไปพูดอะไรเกี่ยวกับพวกคุณด้วย เรื่องแม่ฉันก็เหมือนกันคุณห้ามมาที่นี่อีก" พูดจบชมจันทร์กำลังจะเดินกลับไปหาแม่ ชาคริตก็เลยพูดขึ้นมาก่อน
"อยากให้แม่ของคุณได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ ผมช่วยได้นะ"
เท้าเรียวหยุดชะงักเล็กน้อย แต่พอตั้งตัวได้เธอก็รีบเดินจากตรงนั้นไป
วันต่อมาที่บริษัท..
"ทำหน้าเหมือนกับคนอกหักเลยนะแก"
"ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไม่เป็นฉัน"
"อื้อหือ..แกจะเอาอะไรไปเทียบกับคุณคนนั้น"
"กำลังพูดอะไรกันอยู่" ชมจันทร์มาถึงก็ได้ยินเพื่อนเหมือนจะปลอบใจกัน แต่ฟังดูแล้วมันปลอบใจแบบทะแม่งๆ
"ก็ผู้หญิงที่ออกไปกับผู้บริหารคนใหม่น่ะสิ"
"ทำไม" ชมจันทร์ถามเพื่อนเหมือนไม่ใส่ใจ
"จะทำไมล่ะสวยยังกับนางฟ้ามาจุติ"
"ฐานะเขาขนาดนั้นแล้วเขาจะมามองคนธรรมดาแบบเราเหรอ" ชมจันทร์ยังคงพูดเหมือนไม่ใส่ใจ เพราะเธอยังไม่รู้ว่าผู้บริหารคนใหม่คือใคร
"แต่ฉันว่าเธอสู้ได้สบายเลยนะชม"
ชมจันทร์ไม่มีสมาธิฟังเพื่อนพูดหรอก เพราะเธอคิดว่าจะแก้ปัญหาพวกนี้ยังไงดี
"ชมจันทร์เข้ามาหาพี่หน่อย"
"?" ชมจันทร์มองเพื่อนเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกเดินไปที่ห้องของหัวหน้า
"แกว่าพี่เพ็ญเรียกชมไปทำไม"
"คงจะมอบหมายงานใหม่ให้ล่ะมั้ง"
"แต่ทำไมฉันรู้สึกแปลกๆ"
ในห้องทำงานของหัวหน้า..
"พี่เรียกชมมาทำไมคะ"
"ฉันจะให้เธอออกไปทำการตลาด"
"จะให้ฉันออกไปทำการตลาด?"
"ใช่ แผนกเราคนที่ทำการตลาดไม่พอ"
"แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันสักหน่อย" ถ้าออกไปทำการตลาดนั่นหมายถึงเธอต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ถ้าเธอไปแล้วแม่ล่ะจะอยู่ยังไง