ตอนที่ 3 เมาแล้วห้าว!
“อะไรนะคะ ทำไมฉันต้องเอาเรื่องนี้ข่มขู่คุณหมอด้วย ฉันไม่ใช่คนเลวแบบนั้นสักหน่อย”
“นี่เธอกำลังบอกว่าฉันเป็นคนเลวงั้นเหรอ”
“เปล่านะคะฉันไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นเลยสักนิด นั่นคุณหมอคิดเอาเองทั้งหมด”
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่เธอ แต่จากนี้ฉันคิดว่าคงไม่เจอเธอที่แผนกบ่อย ๆ อีกอย่างนะ เลิกซื้อของไร้สาระนั่นไปให้ฉันเสียที ฉันไม่ชอบ”
“พี่กชบอกคุณเหรอคะ”
“ต่อให้คุณกชไม่บอกฉันก็คิดเองได้ เลิกยุ่งวุ่นวายกับฉันเสียที เธอมาที่นี่เพื่อฝึกงานก็ทำไป อย่าทำอะไรที่มันเกินหน้าที่ไม่อย่างนั้นฉันจะรายงานเธอกับคุณอินอร เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม”
เธอสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัว จากความชื่นชมในตอนนี้เธอแทบจะไม่เหลือความรู้สึกนั้นอีกเลย เมื่อถูกเขาพูดข่มขู่เรื่องสารเลวที่ทำไปทั่วทั้งโรงพยาบาล ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ไม่ได้อยากจะเห็นเลยสักนิด
“ฉันคิดว่าเธอคงไม่บังเอิญเจอฉันบ่อย ๆ เหมือนทุกวันนี้อีกนะ”
หมอคินน์เดินออกจากประตูไปแล้ว ชมชนกที่กลัวและตกใจค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับพื้นห้องประชุมที่ปูด้วยพรมอย่างหมดแรง เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ารุ่นพี่ที่เฝ้าชื่นชมมาตั้งแต่มัธยมและช่วงที่เรียนในมหาลัยจะเป็นคนแบบนี้
อีกอย่างทั้ง ๆ ที่เขารู้กลับไม่แม้แต่คิดที่จะถนอมน้ำใจเธอเลยสักนิด เขาเลือกที่จะพูดแบบนี้เพื่อให้เธอไม่ต้องยุ่งกับเขาอีก
กลับมาที่ผับ
“ไอ้เลว จิลฉันว่าแกน่าจะตัดใจได้แล้วนะ มันพูดกับแกขนาดนี้ถ้ายังชอบคนสารเลวนี่อยู่ฉันก็ไม่รู้ว่าแกเอาสมองไปทิ้งแล้วหรือเปล่า”
“ฉันถึงได้ตัดสินใจบอกแกยังไงล่ะว่าฉันพอแล้ว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยตั้งใจจะไปพบเห็นอะไรแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่เขาพูดเหมือนกับว่าฉันเป็นคนโรคจิตที่เอาแต่ตามเขาอยู่ฝ่ายเดียว”
เมื่อเริ่มดื่มจิลก็เริ่มระบายอารมณ์และร้องไห้ออกมาอีกครั้ง กับความรู้สึกอัดอั้นที่เก็บมาเกือบเดือน มิ้นท์ดึงเธอเข้ามาปลอบโดยที่ทั้งคู่ก็ไม่เคยรู้ว่าจะมีคนที่เฝ้าดูพวกเธออยู่
“ร้องไห้ทำไม”
“ใครร้องไห้วะ กูได้ยินแค่เสียงครางของไอ้พวกนั้น”
“มึงมาแล้วเหรอ ไหนบอกว่าไม่เข้ามาไงวันนี้”
“งานเสร็จเร็วนะเลยแวะมาดื่มสักหน่อย มึงไปทำใครร้องไห้มาอีกล่ะตกลงพวกสาว ๆ พวกนั้นช่วยมึงไม่ได้เลยเหรอ”
คณาธิปค่อย ๆ กระดกเครื่องดื่มในมือของเขารวดเดียวหมดก่อนจะเดินมานั่งกับเพื่อนของเขาซึ่งเป็นเจ้าของผับนี้
“ไม่ได้”
“กูว่ามึงลองไปให้หมอเฉพาะทางตรวจดูดีไหม กูรู้ว่ามึงเป็นหมอแต่ก็ใช่ว่าผงเข้าตาตัวเองจะเป่าออกได้เสียเมื่อไหร่จริงไหม”
“กูไปมาแล้ว”
“เหรอ แล้วหมอว่ายังไงบ้างล่ะ”
“ตันติกร” เพื่อนของเขาที่เป็นทั้งมาเฟียและเจ้าของผับแห่งนี้ถามขึ้นมาพร้อมกับเทเครื่องดื่มลงในแก้วก่อนจะค่อย ๆ คนและนั่งฟังหมอคินน์เล่า
สิบวันก่อน
“ผมว่าคุณหมอน่าจะเครียดกับงานมากเกินไปนะครับ แม้ว่าการสอบคุณวุฒิจะสำคัญ แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะคาดหวังมากเกินไป หมอควรจะหาเวลาผ่อนคลายบ้าง”
“ผมพยายามแล้วครับอาจารย์แต่ว่ามันไม่ดีขึ้นเลย พวกเธอไม่ใช่ทางออกสำหรับผม คือผมไม่รู้จะอธิบายยังไงแต่ว่าผมไม่มีอารมณ์กับพวกเธอและมันก็…”
“หมอคณาธิป ผมว่าปัญหาของคุณมันไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กส์กับใครสักคนอย่างที่ว่ามา”
“แต่ก่อนหน้านั้นผมคิดว่าผมปกตินะครับจนกระทั่ง….”
เขาเองก็ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พยายามนอนกับผู้หญิงมาหลายคนหลายครั้ง ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเป็นนางแบบ ดาราดังหรือสาวเซ็กซี่ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องการ แต่แค่พวกเธอแก้ผ้าเขากลับหมดอารมณ์จน “นกเขาไม่ขัน” เอาเสียดื้อ ๆ
“คุณไม่เคยมีแฟนเหรอ”
“ไม่เคยครับ ผมคิดว่ายังไม่จำเป็นจะต้องแต่งงานในตอนนี้ ผมไม่อยากผูกมัดใครและไม่อยากถูกเชือกมาล่ามคอ มันดูไร้อิสระแล้วก็น่ารำคาญ”
“ผมถามว่าไม่เคยมี "แฟน" ไม่เกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน"
“แต่ถ้าไม่คิดจะแต่งงานจะมีแฟนไปทำไมละครับ”
“อืม เอาแบบนี้นะ คุณไม่เคยคิดจะชอบผู้หญิงคนไหนที่เคยมีเซ็กส์ด้วยกันบ้างเหรอ”
“ไม่เคยเลยครับ ก็แค่ระบายอารมณ์แบบว่า ขอโทษนะครับ “น้ำแตกแล้วแยกทาง” อะไรแบบนั้น"
หมอ “ไพศาล” อึ้งไปเล็กน้อยเมื่อหมอคินน์ตอบมาแบบไม่คิดเลยว่าเขาไม่เคยชอบผู้หญิงที่นอนด้วย ไม่คิดเลยว่าหนุ่ม ๆ สมัยนี้จะเป็นแบบนี้ซึ่งหมอคณาธิปไม่ใช่คนแรกที่มาปรึกษาเขาด้วยอาการแบบนี้
“คุณกำลังจะบอกว่าคุณชอบ “ซื้อกิน” งั้นเหรอ"
“ก็ไม่นะครับผมเต็มใจให้ ที่จริงพวกเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงบริการ ต่างคนต่างพอใจก็จบแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“แต่ที่ผมถามคือ คุณไม่เคยรู้สึกชอบอยากดูแลอยากเอาใจใส่ใครสักคนเลยเหรอ”
“ความรู้สึกแบบนั้น… มันไม่น่าเบื่อไปหน่อยเหรอครับ”
“นั่นแหละครับปัญหาของคุณ”
ห้องวีไอพี
“หมายความว่าหมอบอกให้มึงมีเมียแล้วจะหายงั้นเหรอ”
“กูก็ไม่รู้ความหมายของหมอเลยว่ะ อาจารย์หมอหมายความว่ายังไง”
"มึงเอาแต่มองไปข้างล่างนั่น มีอะไรน่าสนใจงั้นเหรอ มึงหาเหยื่อคนใหม่ได้งั้นเหรอ"
“เปล่า แค่คนรู้จักน่่ะ”
“แค่รู้จักไม่น่าทำให้มึงสนใจมากขนาดนี้ มึงรู้ตัวไหมว่ามึงยืนอยู่ตรงนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงทั้ง ๆ ที่ไอ้สองตัวนั่นซ่ำหญิงอยู่ห้องข้าง ๆ แล้วเสียงก็ดังออกมาแม้แต่กูยังได้ยินเลย”
“กูก็แค่….”
“เพล้ง!”
“อะไรวะนั่น ข้างล่างเกิดอะไรขึ้น"
ดูเหมือนว่าในผับจะเกิดเรื่องชกต่อยขึ้น ตอนนี้การ์ดของผับเริ่มวิ่งลงไปดุเหตุการณ์และจับแยกคนออกมา คณาธิปรีบเดินไปดูที่หน้าต่าง เขาเห็นว่าคนที่โวยวายและโยนแก้วเป็นคนที่เขารู้จัก เธอเป็นเด็กฝึกงานที่ปกติแล้วไม่ค่อยพูด แต่ทำไมพอดื่มแล้วเธอถึงอาละวาดล่ะ
“ฉิบหายแล้ว!”
“อะไรวะไอ้คินน์ มึงรู้จักเหรอ เฮ้ย!”
ตันติกรวิ่งตามคณาธิปลงไปทันที การ์ดที่วุ่นวายกับการกั้นคนที่กำลังมีเรื่องออกจากกัน ทำให้มิ้นท์เพื่อนสาวของจิลที่ไปเข้าห้องน้ำกลับมาก็ต้องตกใจ แต่เธอเข้าไปหาเพื่อนไม่ได้เลยเพราะถูกกันเอาไว้
“เดี๋ยวค่ะ นั่นเพื่อนฉันเองฉันจะเข้าไป…”
“อยู่ตรงนี้จนกว่าจะเคลียร์พื้นที่ได้ครับ”
“แต่ว่า…”
มิ้นท์พยายามเข้าไปแต่ก็ไม่ได้ผล จิลถูกการ์ดของร้านดึงออกมาเพราะอีกฝ่ายเริ่มจะคว้าผมของเธอหลุดออกมาซึ่งปกติเธอไม่เคยปล่อยออกจากหางม้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว คณาธิปเดินลงมาและถามการ์ดดู
“เกิดอะไรขึ้นพี่หลวง”
“คุณหมอ ผู้หญิงตบกันครับ”
“อะไรนะ! ตบเหรอ”
“ครับ ผู้หญิงชุดแดงนั่นเดินมาหาเรื่องผู้หญิงชุดขาวที่นั่งหน้าบาร์ เธอเลยซัดหมัดเข้าไปแล้วก็ฟาดด้วยแก้วครับ”
“ร้ายไม่เบา เอาตัวเธอขึ้นไปข้างบน”
“คนไหนครับ”
“ชุดสีขาว คนของผมเองพาขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง”
“ครับ ๆ”
“ปล่อยนะอีผีบ้าเข้ามาสิ คนอย่างจิลไม่เคยให้ใครด่าฟรีนะ เข้ามา!”
“กรี๊ด!! อีบ้านั่นมันเอาแก้วตีฉันเห็นไหม! จับมันส่งตำรวจสิเร็ว ๆ!”
จิลทั้งถีบทั้งใช้มือสาวหมัดก่อนที่การ์ดจะดึงตัวเธอลากขึ้นไปที่ห้องข้างบน เมื่อเธอถูกจับขึ้นไปการ์ดที่เหลือก็เริ่มเคลียร์พื้นที่ทันที มิ้นท์จึงได้ถามถึงเพื่อนของเธอ แต่การ์ดไม่ตอบอะไรเธอจึงรีบโทรหาเพื่อนแต่จิลก็ไม่รับสาย
“ปล่อยนะไอ้พวกบ้า! ฉันจะเอาเลือดหัวมันออก ปล่อย!!”
“ปล่อยเธอ ดูสิว่าจะบ้าได้ถึงแค่ไหน”
“ใครวะไอ้คินน์”
คณาธิปหันไปมอง “ต้วน” เพื่อนสนิทเจ้าของผับที่มองหน้าผู้หญิงชุดขาวหัวกระเซิงเล็กน้อยตรงหน้า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอสวยและเซ็กซี่มากเมื่อมองแบบนี้ แต่ในเมื่อเพื่อนเขาบอกว่าเป็น “คนรู้จัก” ดังนั้นเขาจะไม่ยุ่ง
“งั้นมึงก็จัดการเองเลยก็แล้วกันนะกูขอตัวก่อน”
ตันติกรเดินออกจากห้องพร้อมการ์ดที่เหลือเพื่อไปเคลียร์สถานการณ์ข้างล่าง เมื่อจิลที่ถูกพาเข้ามาเริ่มเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจเมื่อพบกับคนที่เธออยากลืมให้เร็วที่สุดอยู่ตรงหน้า
“คุณหมอ!”
“ทำไมฉันต้องเจอเธออีกแล้ว เหมือนจะเคยบอกว่าให้ต่างคนต่างอยู่ไม่ใช่เหรอ นี่รนหาที่จนถูกพาขึ้นมาถึงที่นี่ เธอจงใจจะยั่วฉันให้ได้เลยใช่ไหมชมชนก”