บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ฉันพอแล้ว

ภาพที่ชมชนกนำกาแฟและขนมมาวางที่โต๊ะทำงานในทุก ๆ วันทำเอาเขารู้สึกกลัวและขนลุก จนต้องสั่งให้เลขาส่วนตัวจัดโต๊ะมานั่งหน้าห้องเพื่อไม่ให้ใครเข้ามาในห้อง นับตั้งแต่วันนั้นจิลจึงไม่ได้เข้าไปด้านในและกชกรเองก็เลยได้รับรู้ว่าใครที่นำกาแฟและขนมมาให้เจ้านายหนุ่มของเธอ

“ถ้าอย่างนั้นช่วยฝากขนมนี้ให้คุณหมอด้วยนะคะ”

“ได้ค่ะ เธอเป็นเด็กฝึกงานชั้นสิบแปดไม่ใช่เหรอ”

“เอ่อ ค่ะ ฉันชื่อจิลค่ะ คณะบริหารปีสามค่ะมาฝึกงานที่นี่...”

“พอแล้ว ๆ พี่ก็ไม่ได้สอบสวนอะไรแบบนั้น ทำไมต้องกลัวด้วยแค่จะถามเฉย ๆ ว่ารู้จักกับคุณหมอเหรอถึงได้เอาขนมกับกาแฟมาฝากเขาทุกวัน”

“ค่ะ คือว่าคุณหมอเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยค่ะ แต่ว่าจิลไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ”

เมื่อเริ่มรู้ว่ามีกชกรที่เฝ้าหน้าห้อง จิลก็ค่อย ๆ ห่างหายไปจากเดิมที่มาทุกวันก็เริ่มหายไปเหลืออาทิตย์ละสองวันและยังซื้อของมาฝากกชกรด้วย

“วันนี้พี่กชเลิกงานดึกเหรอคะ นี่ค่ะจิลเอากาแฟมาให้”

“สวรรค์โปรด ขอบใจมากเลยน้องจิลพี่กำลังง่วงและกำลังยุ่งมากกับเอกสาร อยากไปจิบกาแฟสักหน่อยก็ไม่มีโอกาสได้ลุก นางฟ้าของพี่แท้ ๆ นั่นอะไรน่ะ”

“เอ่อ…”

“พี่รู้แล้วมาเถอะพี่จัดการเอง”

“ขอบคุณค่ะ งั้นจิลไม่กวนนะคะ”

“ได้ ๆ ขอบใจสำหรับกาแฟช่วยชีวิตนะคนสวย”

“ค่ะ”

“เอ… ไปไหนแล้วนะ เอกสารนี่ทำไมไม่ตรงกันสักทีล่ะ”

จิลหันมามองกชกรที่กำลังง่วนด้วยความตาลายกับเอกสารที่เต็มโต๊ะของเธอจนจิลอดถามไม่ได้

“พี่กชมีอะไรให้จิลช่วยไหมคะ พอดีวันนี้ผู้บริหารชั้นสิบแปดเข้าประชุมเลยไม่มีอะไรทำ ให้จิลช่วยไหมคะ”

“จริงเหรอ! ช่วยพี่ได้จริงเหรอถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย มาทางนี้เถอะพี่หาจนปวดตาแล้ว”

กชกรดึงเอกสารของคุณหมอที่สลับไปมาจนต้องมาจัดเรียงใหม่ เธอไม่บอกกับสาวน้อยตรงหน้าว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเอกสารพวกนี้ถึงได้ยุ่งเหยิงถึงขนาดนี้

ก่อนหน้านี้ที่หมอคณาธิปยกมาให้จัดเรียงใหม่ เธอเองก็แทบจะช็อกจนอยากลางานอยู่แล้ว คงเพราะเมื่อคืนนี้เกิดสงครามดุเดือดในห้องของเขาจนทำให้กองเอกสารล้มลงมาถึงได้วุ่นวายแบบนี้

“แบบนี้แล้วก็แบบนี้ ถูกไหมคะ”

“ยอดไปเลยทำได้เร็วดีนี่น้องจิล ทำได้ยังไงน่ะ”

“ก็แค่คัดแยกตามหมายเลขแล้วดึงมาวางที่แฟ้มแยก ๆ เอาไว้ค่ะ”

“ออ ๆ แบบนี้ เออจริงด้วยทำไมพี่คิดไม่ถึงนะ มัวมานั่งหาทีละอันตามชื่อคนไข้ดูสิถ้าไม่ได้น้องจิลคงแย่…แน่ ๆ”

“งั้นอันนี้จิล….”

ทั้งสองคนตกใจเมื่อหมอคณาธิปเดินกลับมาที่ห้อง แต่เขาไม่ได้เดินมาคนเดียว สาวสวยที่เดินกอดแขนเขาในชุดเดรสสั้นหรูแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมราคาแพงนั่นทำให้จิลรีบก้มหน้าทันที

“คุณกช เอกสารพวกนี้ยังไม่เรียบร้อยอีกเหรอ”

“ค่ะ กชกำลังจะจัดให้เข้าที่ค่ะเลยขอแรงให้เด็กฝึกงานมาช่วย”

“อ้อ งั้นผมฝากด้วยนะถ้ามีคนถามก็บอกว่าผมไม่ว่าง ถ้ามีเคสด่วนค่อยเรียกก็แล้วกันวันนี้หมดเคสตรวจแล้วนี่”

“ค่ะ หมดแล้ว”

“คินน์คะ รีบเข้าไปเถอะค่ะ”

“ไปสิ”

จิลมือไม่สั่นเมื่อเห็นทั้งสองคนเดินแทบจะสิงกันอยู่แล้วเข้าห้องไปพร้อมกับล็อกประตูทันที เธอไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากเสียงล็อกประตูนั่น อีกอย่างเมื่อมองเอกสารพวกนี้เธอจึงเริ่มเข้าใจว่าทำไมคุณหมอคินน์ถึงเป็นคนเดียวที่ต้องมีเลขาอย่างกชกร

“เฮ้อ อีกแแล้วสินะหวังว่าจะไม่ทำเอกสารอะไรพินาศอีกนะ ฉันเหนื่อยจนอยากลาออกวันละสามรอบอยู่แล้ว”

เป็นอันว่าชัดเจนว่าเอกสารพวกนี้เป็นแบบนี้เพราะอะไร จิลมือสั่นแต่เมื่อรับปากช่วยกชกรแล้วจึงรีบทำให้เสร็จ และรีบเดินกลับไปที่ชั้นสิบแปดทันทีเพื่อจะเข้ามาในห้องน้ำและปล่อยโฮออกมาเป็นครั้งแรก

กลับมาที่ผับ

“แกก็เลยไม่อยากจะเดินหน้าต่องั้นเหรอ”

“ไม่ใช่เหตุผลแค่นั้นหรอก ฉันคงเหมือนพวกโรคจิตมากไปน่ะ ตอนนี้ที่โรงพยาบาลเริ่มมองแปลก ๆ แล้วก็เลยคิดว่าน่าจะพอได้แล้วล่ะ”

“ฝึกงานสี่เดือนนี่พึ่งจะเข้าเดือนที่สองเองนะ ฉันก็เข้าใจที่แกคิดนะเป็นฉันก็คงจะทำใจลำบาก เสียดายจังที่ไม่ได้ฝึกงานที่เดียวกับแก”

“อืม อีกอย่างเรื่องนั้นไม่ใช่แค่เรื่องเดียวที่ฉันเจอ เมื่ออาทิตย์ก่อนฉันไปถ่ายเอกสารที่ชั้นยี่สิบสาม ฉันพบกับคุณหมอกับ..”

“ใคร ไม่ใช่แฟนเขาเหรอ”

“ไม่ใช่ ครั้งนี้คิดว่าเป็นคนในโรงพยาบาลนี่แหละ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบดู แต่เสียงมันดังลอดออกมาก็เลย…”

“เชี่ย… อะไรเนี่ยสำส่อนขนาดนี้แกไปชอบเขาได้ยังไงวะจิล เออแกก็คิดถูกนะถ้าตัดใจได้ก็ควรจะเลิกสนใจคนพรรค์นี้ไปเถอะ เอาเวลามาทำสวยแล้วหาแฟนใหม่ดีกว่า แกก็ใช่ว่าจะขี้เหร่แค่ไม่ชอบแต่งหน้าเท่านั้นเอง”

“ฉันก็พยายามอยู่ แต่ว่าพอเจอเขาทีไรหัวใจก็เต้นแรงจนควบคุมไม่ได้ทุกที”

“อะไรนะ อย่าบอกนะว่าเขารู้ว่าแกแอบดูเขาน่ะ”

"คือว่า… อืม"

“เชี่ย!!”

“ครับ!”

“เอ่อ ไม่ค่ะ ๆ ฉันไม่ได้จะสั่งอะไรค่ะขอโทษทีค่ะ”

บริกรหันมาถามเธอเพราะคิดว่าเธอเรียกเขา แต่มิ้นท์กลับขอโทษและหันมามองหน้าเพื่อนสาวคนสนิทที่พึ่งบอกว่า เธอโดนคุณหมอหน้าหล่อคนนั้นจับได้ว่าเธอได้ยินเขากับสาวอีกคน….

“วันนั้นฉันก็แค่สงสัยว่าทำไมประตูสั่นและมีเสียงผู้หญิงครางออกมาก็เลยไปแง้มดู แต่พอได้ยินเสียงของเขาฉันก็เลยรีบวิ่งออกมา ไม่นานเสียงนั่นก็หยุด ฉันเกือบหยุดหายใจแน่ะ”

“แล้วแกวิ่งไปที่ไหน”

“ฉันวิ่งกลับไปที่ชั้นสิบแปดเพื่อเอาเอกสารไปส่ง แต่ใครจะคิดว่าเขาตามมาถึงชั้นสิบแปดล่ะอีกทั้ง…”

หลายวันก่อน

“รุ่น…เอ่อ คุณหมอ มีธุระอะไรที่นี่เหรอคะ”

“มีแน่ ตามฉันมา”

“คือว่าฉันกำลังจะเอาเอกสารไปส่งที่แผนกบุคคล”

หมอคินน์หันมามองเธอด้วยสายตาคาดโทษซึ่งทำให้จิลไม่กล้าเถียงและพูดอะไรต่อ เขาดึงเอกสารจากมือเธอมาและเดินเอาไปให้เพื่อนเธออีกคนซึ่งกำลังเดินเข้ามาในห้อง

“ขอโทษนะครับนักศึกษา ผมรบกวนคุณนำเอกสารนี้ไปให้ฝ่ายบุคคลให้ทีได้ไหมครับ”

“ได้ค่ะคุณหมอยินดีค่ะ"

จิลแทบอยากร้องตามเพื่อนของเธอที่มาฝึกงานด้วยกัน แต่เสียงเธอกลับไม่ออกมาเลยสักนิด เมื่อคณาธิปเดินกลับเข้ามา สายตาและรอยยิ้มอ่อนโยนที่พึ่งแสดงกับเพื่อน ๆ เธอไปหายไปรวดเร็วเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น

“มานี่!”

เขาจับมือเธอและพาไปที่ห้องประชุมเล็กซึ่งไม่ได้ถูกใช้งานในวันนี้ เมื่อเข้ามาก็ล็อกประตูทันทีและหันมามองหน้าเธอ

“เมื่อกี้นี้เธอทำให้ฉันเสียจังหวะ”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ ไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น จิลแค่ไปถ่ายเอกสารเท่านั้น”

หมอคินน์หันมามองหน้าเธอพร้อมกับชี้นิ้วและยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอ

“แสดงว่าเธอยอมรับสินะว่าเมื่อกี้นี้เธอไปแอบดูมาจริง ๆ”

“คือว่า!!”

เธอพลาดแล้วที่เผลอไปยอมรับแบบนั้น อีกอย่างสีหน้าของหมอคณาธิปในตอนนี้ดูไม่พอใจเอามาก ๆ เพราะคิดว่าเธอจงใจไปขัดจังหวะเขากับผู้หญิงคนนั้น

ชมชนกเริ่มกลัวเมื่อถูกเขาจับได้ ความชื่นชมที่เคยมีมากเมื่อก่อนนี้ค่อย ๆ ลดลงไปเมื่อพบว่าคนที่เธอชื่นชมไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเลยแม้แต่นิดเดียว

“ฉันจะบอกเธอว่าฉันไม่สนเลยสักนิดว่าเธอจะเห็นหรือได้ยินอะไร แต่ถ้ากล้าเอาเรื่องนี้มาข่มขู่ฉันละก็เธอได้เห็นดีกันแน่”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel