บทที่ 8 แต่งงาน
“งานนี้เป็นงานสำคัญของคุณพู่ และเป็นงานแรกที่อิ๋นรับผิดชอบจะทำให้ดีที่สุดสมกับที่คุณพู่ไว้ใจค่ะ” อรินดาตอบเจ้านายที่ให้โอกาสเธอได้มาทำงานแทนพี่สาวของเพื่อนที่ลาออกไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศและแนะนำงานนี้ให้เธอเพราะเงินดีสวัสดิการก็ดีหากเลยเวลาทำงานก็จะได้เงินโอทีและเงินพิเศษจากเจ้านายอีก
“ขอบใจจ้ะ เสียดายจริงๆที่คุณอิ๋นไม่ยอมเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้พู่” พัชรวลัยก็ยังอดเสียดายที่ไม่ได้แนะนำเลขาคนเก่งให้เพื่อนของแฟนหนุ่มรู้จักเพราะแต่ละคนมีฐานะการศึกษาชาติตระกูลดีทั้งนั้นและชาวต่างชาติส่วนใหญ่ไม่สนใจว่าผู้หญิงที่เขาชอบจะมีลูกหรือเปล่าแต่ขอแค่เป็นโสดหากคลิกกันลูกก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฝ่ายชาย
“คุณพู่มีเพื่อนเจ้าสาวสวยทุกคนแล้วค่ะ อิ๋นขอช่วยงานคุณพู่เต็มที่ดีกว่างั้นอิ๋นขอตัวไปดูเขาจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มก่อนนะคะ” อรินดาพูดกับเจ้านายแล้วขอตัวไปดูแลทีมงานของโรงแรมที่จัดเตรียมอาหารเครื่องดื่มสำหรับแขกในงานคืนนี้เพื่อให้งานแต่งงานของเจ้านายสาวออกมาสมบูรณ์ที่สุด
“เลขาของเธอถ้าแต่งหน้าเพิ่มอีกนิดจะสวยมากเลยนะพู่ เสียดายที่ไม่ยอมทำงานกับฉัน” มานิต้านางแบบสาวลูกครึ่งและเป็นเจ้าของมานิต้าเอเจนซี่ที่มีดารานักแสดงและนางแบบในสังกัดมากมายชมเลขาของเพื่อนและเคยถามอรินรดาแล้วแค่หญิงสาวไม่สนใจและไม่น่าเชื่อว่าเธอมีลูกหนึ่งแล้วเพราะหน้ายังเด็กทั้งที่อายุสามสิบปีแล้ว
“คุณอิ๋นเป็นผู้หญิงที่เก่งมากจนฉันนับถือเธอที่เลี้ยงดูลูกชายมาด้วยตัวเอง และเธอให้ความสำคัญกับลูกชายมากและเธอเป็นคนสมถะมาก” พัชรวลัยพูดกับเพื่อนตามที่เลขาคนเก่งพูดให้ฟังว่าเลิกกับอดีตสามีก่อนแล้วถึงรู้ว่าท้องและเลี้ยงลูกมาคนเดียวทำให้เธอชื่นชมและไม่ผิดหวังที่เลือกอรินดามาเป็นเลขาแทยคนเก่าที่ลาออกไป
“ก็แล้วแต่คุณอิ๋นแหละ แต่ฉันพร้อมจะสนับสนุนเค้านะ” มานิด้าบอกเพื่อนเพราะชอบอัธยาศัยและอรินดามีรูปร่างทรวดทรงองเอวสะโพกผายกับกันเหมาะเจาะเรียกว่าเนื้อนมไข่แม้จะผ่านการมีลูกมาก่อนยังดูไม่ออกเลย
“ไม่บอกหรอก พู่ขี้เกียจหาเลขาใหม่ยิ่งคนเก่งอย่างคุณอิ๋นไม่ได้หากันได้ง่ายๆนะเธอ”
“จ้าคุณเพื่อน แล้วแต่เธอละกัน ว่าแต่เพื่อนๆยังสวยกันไม่เสร็จหรือไงดูสิมีเวลาไม่กี่ชั่วโมงเองนะเธอ” มานิต้าค้อนเพื่อนที่หวงเลขาสาวคนสวย
จากนั้นเพื่อนเจ้าสาวก็ทยอยมาแต่งหน้าทำผมกันจึงมีเสียงพูดคุยกันกระตู้หู้วี้ดว้ายตามประสาผู้หญิงและสาวข้ามเพศที่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าสาวและยังเป็นเม็คอัพอาร์ติสมือหนึ่งของวงการแฟชั่นในเมืองไทย
เวลา 19.00น.
เจ้าบ่าวเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็เดินเข้ามาในงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของพัชรวลัยกับแอนดี้เสียงดนตรีก็ดังกระหึ่มแสงไฟสาดส่องไปที่คู่บ่าวสาวที่มีเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายถือตะกร้าโปรยกลีบดอกไม้เพื่อให้ทางเดินของคู่บ่าวสาวราบรื่นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบและงานเลี้ยงก็ดำเนินการพิธีการตามลำดับจนกระทั่งถึงเวลาโยนดอกไม้ของเจ้าสาวที่สาวๆทุกคนในรอคอยเพราะในดอกไม้มีแหวนเพชรวงสวยที่เจ้าสาวอยากมอบให้เพื่อนๆ
“ทางนี้คุณพู่/ทางนี้จ้ะพู่/ ทางนี้ครับพี่พู่” เสียงทุกคนเรียกร้องให้เจ้าสาวโยนดอกไม้ให้ดังลั่น
“เจ้าสาวพร้อมมั้ยครับ”
“พร้อมค่ะ”
“ผมนับหึ่งถึงสามแล้วคุณพู่โยนช่อดอกไม้เลยนะครับ”
“โอเคค่ะ” พัชรวลัยยิ้มให้เจ้าบ่าวที่ลุ้นว่าใครจะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป
“1 2 3 โยนครับ”
“เฮ้ๆๆๆ/เย้ๆๆๆ..” เสียงโห่ร้องดังขึ้นเมื่อช่อบูเก้ในมือเจ้าสาวลอยละลิ่วไปตกอยู่ในมือของไฮโซสาวชื่อดังและยังเป็นแฟนของน้องชายเจ้าสาวก็ยิ่งเรียก
“ผู้ที่ได้รับช่อดอกไม้ของเจ้าสาวในคือนนี้คือคุณนิวารินครับ ขอเชิญคุณนิวารินบนเวทีครับ” พิธีกรเชิญสาวสวยผู้รับข่อดอกไม้ของเจ้าสาวบนเวที
“ยินดีด้วยนะจ้ะแนน”
“ขอบคุณค่ะพี่พู่” นิวารินขอบคุณพี่สาวของแฟนหนุ่ม
“คุณนิวารินรู้สึกยังไงครับที่ได้รับช่อดอกไม้ที่โบราณว่าไว้ว่าใครรับช่อดอกไม้ในงานแต่งงานได้จะเป็นเจ้าสาวคนต่อไปครับ” พิธีกรถามไฮโซสาวที่กำลังคบหากับน้องชายของเจ้าบ่าว
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคำโบราณจะเป็นจริงหรือเปล่าค่ะ” นิวารินตอบแล้วยิ้มให้แฟนหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเวทีเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าเธอคือหวานใจตัวจริงของพฤทธิ์
“งั้นเจ้าสาวคนต่อไปคือคุณนิวารินครับ” พิธีกรพูดจบเสียงปรบมือดังลั่นพร้อมกับเสียงโห่อร้องแซวกันสนุกสนาน
จากนั้นคู่บ่าวสาวก็ขอบคุณแขกทุกท่านแล้วลงมาพูดคุยถ่ายรูปกับแขกทุกท่านในงานเลี้ยงกันอย่างชื่นมื่นและแขกในงานก็ดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน
อรินดายืนดูเจ้านายสาวบนเวทีอย่างชื่นชมและยินดีกับเจ้านายสาวที่เจอคนที่ใช่ แต่เธอนั้นผ่านชีวิตครอบครัวมาในขณะยังไม่พร้อมแต่เป็นความผิดพลาดและเสียใจที่ตัวเองทำให้พ่อแม่เสียใจและที่พวกท่านทำไปเพราะรักเธอและเสียดายที่ท่านไม่อยู่ดูความสำเร็จของเธอและได้เลี้ยงดูหลานชายที่น่ารักของท่าน และไม่รู้ว่าคืนนี้งานจจบตอนไหนเพราะยังมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้อีกแต่เธอมีห้องพักจองไว้สำหรับตัวเองหากงานเลิกดึกเธออาจจะค้างที่นี่เพราะรถไฟฟ้าวิ่งถึงเที่ยงคืนเท่านั้น
“สวัสดีครับคุณผู้หญิง”
“เอ่อ สวัสดีค่ะ ต้องการให้ฉันช่วยอะไรมั้ยคะ” อรินดายิ้มให้หนุ่มฝรั่งรูปหล่อที่เป็นเพื่อนกับเจ้าบ่าวและที่รู้เพราะชุดที่เขาใส่เป็นธีมเดียวกับเพื่อนเจ้าบ่าว
“ผมต้องการรู้จักคุณครับ ผมปีเตอร์เป็นเพื่อนกับแอนดี้ครับ” หนุ่มหล่อแนะนำตัวเองกับสาวสวยที่เขาหมายตาไว้ตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกที่เดินเข้ามาในงานเหมือนเธอเป็นคนดูแลความเรียบร้อยในงานก็อยากรู้จัก
“ฉันอรินดาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณปีเตอร์ค่ะ” อรินดายื่นมือไปจับมือกับหนุ่มฝรั่งและยิ้มให้เขาตามมารยาท
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณอรินดาครับ ไม่ทราบว่าคุณอรินดารู้จักฝ่ายเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวครับ”
“ฉันเป็นเลขาของเจ้าสาวค่ะ”
“โอ้ ดีจังเลยครับ งั้นดื่มกับผมสักแก้วนะครับ”
“ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ดื่มค่ะ และฉันต้องดูแลแขกในงานเลี้ยงด้วยค่ะ” อรินดาขอโทษหนุ่มฝรั่งเพื่อนสามีของเจ้านายสาวว่าเธอไม่ดื่ม
“นิกกี้ไม่ว่าหรอกครับ ดื่มสักนิดนะครับ” ปีเตอร์คะยั้นคะยอให้อรินดาดื่ม
“ฉันดื่มไม่เป็นจริงๆค่ะ” เธอไม่ไว้ใจหากดื่มกับคนอื่นเพราะเป็นคนเมาเร็วมากแค่แก้วสองแก้วเธอก็คอพับแล้ว ยกเว้นไปกับเพื่อนสนิทเท่านั้น
“โอเคครับ งั้นผมขอตัวนะครับ” ปีเตอร์ล่าถอยเมื่ออรินดาบอกว่าเธอดื่มไม่เป็นและไม่มีท่าทีจะสนใจเขาด้วยและสาวสวยในงานเลี้ยงก็มีเยอะแยะ
อรินดาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อปีเตอร์เดินจากไปแล้วเธอก็เดินดูความเรียบร้อยในงานทั้งเรื่องอาหารและเครื่องดื่มให้พร้อมบริการแขกตลอดเวลาไม่ให้ขาดตกบกพร่องและมีหนุ่มหล่อหลายคนมาทักทายและอยากรู้จักกับเธอและเธอก็ปฏิเสธทุกคนและบอกพวกเขาว่ามีลูกแล้วทำให้หนุ่มหล่อทั้งหลายล่าถอยไป จนกระทั่งสามทุ่มแขกทยอยกลับเธอก็ไปเตรียมงานที่ห้องอาฟเตอร์ปาร์ตี้ของคู่บ่าวสาวที่มีแต่ญาติสนิทเพื่อนสนิทของคู่บ่าวสาว
“คุณเมาแล้วนะแนนนี่” พฤทธิ์พูดกับแฟนสาวที่ชนแก้วกับทุกคนจนทรงตัวไม่อยู่และนี่ยังไม่ได้เริ่มอาฟเตอร์ปาร์ตี้เลยด้วยซ้ำแต่นิวารินเมาไปแล้ว
“ครายมาวค้ะ แนนนี้ม่ายมาวค่า”
“ผมพาคุณไปนอนที่ห้องดีกว่านะแนนนี่ เดี๋ยวฉันมานะพาแนนนี่ไปส่งที่ห้องก่อนดูท่าจะไม่ไหวว่ะ” พฤทธิ์บอกเพื่อนและทุกคนแค่มึนเท่านั้นมีแค่นิวารินที่ดื่มกับทุกคนที่มาชนแก้วยินดีที่ได้ช่อดอกไม้ของเจ้าสาว
“เข้าหอก่อนคู่บ่าวสาวเลยเหรอวะพอร์ช ฮ่าๆๆ” วิกรมพูดแล้วหัวเราะขำเพื่อนเสียงดัง
“ไอ้นี่ปากเสีย เดี๋ยวกูมา” พฤทธิ์บอกเพื่อนๆก่อนจะประคองนิวารินเดินไปที่ลิฟต์