จะไปตายที่ไหนก็ไป
ปิ่นปัก...
พอดิวออกไปจากห้องพยาบาลฉันก็พยุงตัวลุกขึ้นนั่งแต่มันก็มีอาการมึนๆ หัวอยู่ไม่น้อยฉันก็เลยนั่งรอให้อาการดีขึ้น
"ปิ่นฟื้นแล้วเหรอจ๊ะ"
"ค่ะอาจารย์ ขอบคุณนะคะอาจารย์ที่ช่วยดูแลปิ่น" ฉันยกมือไหว้อาจารย์ห้องพยาบาล
"ปิ่น"
"คะ"
"อาจารย์อยากให้ปิ่นไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลนะ"
"ปิ่นแค่เป็นลมไม่ใช่เหรอคะทำไมต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยคะ"
"เพราะอาจารย์คิดว่าที่ปิ่นเป็นลมมันมีสาเหตุ"
สายตาที่อาจารย์มองมาที่ฉันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ
"จะให้อาจารย์ไปส่งมั้ยจ๊ะ"
"อาจารย์คิดว่าปิ่นเป็นอะไรพอจะบอกได้มั้ยคะ"
"ปิ่น...ปิ่นมีแฟนหรือเปล่า"
"แฟน?? ปิ่นไม่เคยมีแฟนค่ะ"
"ถ้าอาจารย์บอกอะไรกับปิ่นปิ่นอย่าโกรธอาจารย์นะ"
"โกรธ?? ทำไมปิ่นต้องโกรธอาจารย์ด้วยคะ"
"เพราะอาจารย์คิดว่าปิ่นกำลังตั้งครรภ์"
"ตั้งครรภ์?? ท้องเหรอคะ" ฉันถามอาจารย์ด้วยน้ำเสียงเบาหวิวใจก็หวิวตามไปด้วย
"ใช่จ๊ะแต่ถ้าปิ่นยืนยันว่าไม่มีแฟนบางทีอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะแบบนี้อาจารย์ก็เลยอยากให้ปิ่นไปตรวจที่โรงพยาบาลอย่างละเอียด"
เวลาต่อมา....
ฉันคงไม่มีสมาธิเรียนหนังสือต่อได้ในคาบบ่ายฉันก็เลยเขียนใบลาครึ่งวันเพื่อไปโรงพยาบาลตามที่อาจารย์แนะนำ หลังได้ใบลาฉันก็กลับขึ้นมาเก็บของบนห้องเรียนพอเดินเข้ามาทุกคนก็มองมาที่ฉันเป็นตาเดียวฉันพยายามไม่สนใจเดินไปที่โต๊ะแล้วเก็บของใส่กระเป๋า
"ปิ่นแกจะกลับแล้วเหรอ" ดิวที่นั่งข้างฉันถามฉัน
"อื้ม" ฉันตอบดิวไปสั้นๆ โดยไม่มองหน้า
"ขอให้โชคดีนะจ๊ะคุณ..แม่ 55555" ฉันไม่รู้ว่าทำไมจีจี้ถึงพูดแบบนี้เหมือนกับรู้อะไรมาแต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจ ฉันไหว้ลาอาจารย์ที่กำลังสอนพร้อมกับยื่นใบลาให้กับอาจารย์แล้วสะพายกระเป๋าเดินออกมาจากห้องเรียน ตอนนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าตัวเองท้องจริงหรือเปล่า ขณะที่ฉันกำลังเดินลงบันไดดิวก็วิ่งตามมา
"เดี๋ยวก่อนปิ่น" ฉันหยุดเดินแต่ไม่ได้หันหน้าไปมองเพราะฉันกลัวร้องไห้ฉันไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆดิวมันถึงมาพูดดีกับฉันทั้งๆที่ผ่านมาสามเดือนมันไม่เคยพูดกับฉันเลย
"เขาพูดกันว่าที่แกเป็นลมแกท้องเหรอ" ฉันไม่รู้ว่ามันไม่รู้มาจากไหนแต่ฉันก็เลือกที่จะเงียบ
"มีอะไรแกบอกฉันได้นะเผื่อมีอะไรที่พอจะช่วยได้"
"ไม่เป็นไรขอบใจฉันช่วยเหลือตัวเองได้ต่อให้ตอนนี้ฉันไม่มีใครเลยก็ตาม" ฉันไม่ได้อยากพูดประชดมันหรอกนะแต่มันอดไม่ได้จริงๆในเมื่อมันไม่เห็นว่าฉันเป็นเพื่อนมันแล้วมันจะมาพูดเหมือนเป็นห่วงฉันทำไม
"ปิ่น ฉันขอโทษที่เคยพูดไม่ดีกับแกบอกว่าเกลียดแกทั้งที่จริงแล้วฉันไม่ได้เกลียดแกเลย หลายเดือนที่ผ่านมาที่เราไม่ได้คุยกันเพราะแกเลิกคบกันฉันแกรู้ไหมว่าทุกครั้งที่ฉันเห็นแกไปไหนมาไหนคนเดียวฉันรู้สึกผิดมาก ฉันขอโทษที่เป็นเพื่อนที่แย่ ฉันรู้แล้วว่าฉันเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่หวงพี่ชายตัวเองเพราะฉันกลัวว่าพี่ชายเพียงคนเดียวของฉันจะรักแกมากกว่าฉันที่เป็นน้องสาว ฉันกลัวมากจริงๆเพราะทั้งชีวิตของฉันฉันก็มีแค่พี่แดนแค่คนเดียวที่เป็นทั้งพี่ทั้งพ่อฉันกลัวแกจะมาแย่งความรักของพี่แดนไป ฉันกลัวจนลืมนึกถึงความรู้สึกของแกว่าที่ผ่านมาแกเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันมาตลอดแกไม่เคยแย่งพี่แดนไปจากฉันเลยมีแค่ฉันที่มันคิดไปเอง ทั้งๆที่แกไม่เคยบอกว่าชอบพี่ชายฉันเลยสักครั้ง แกรู้ไหมว่าฉันอยากจะเข้ามาขอโทษแกหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีโอกาสเลยสักครั้ง ถ้าฉันจะขอให้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมแก...."
"อย่าเลย ความรู้สึกของแกกับฉันมันไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมแล้วดิว แกเกลียดฉันไปแล้วนี่คนเกลียดกันจะกลับมาคืนดีกันกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ยังไงมันเป็นไปไม่ได้หรอก"
"ปิ่นฉันขอโทษ" ดิวเสียงสั่นเครือเหมือนคนร้องไห้แต่ฉันก็ไม่ได้หันกลับไปมองมันหรอกเพราะฉันก็กลัวตัวเองจะร้องไห้เหมือนกัน
"แกจะมาขอโทษฉันทำไม แกเกลียดฉันน่ะดีแล้วฉันมันคนไม่ดีคบด้วยก็อายคนอื่นเปล่าๆ ตอนนี้แกก็มีความสุขกับกลุ่มเพื่อนใหม่ของแกแล้วนี่ อย่ากลับมาคบกับคนอย่างฉันเลย"
" ฮึก ฮึก ปิ่น" ฉันได้ยินมันสะอื้นฉันก็จะร้องตาม
"ฉันไปก่อนนะ ขอบคุณที่มีน้ำใจเข้ามาถาม" พูดจบฉันก็เดินลงบันไดไม่หันกลับไปมองอดีตเพื่อนรักเพียงคนเดียวของฉันอีกเพราะฉันกลัวว่าตัวเองจะอ่อนแอแล้วร้องไห้ต่อหน้ามันในเมื่อมันเคยพูดว่ามันเกลียดฉันแม้ว่าตอนนี้มันเหมือนจะอยากคุยด้วยก็ตามแต่ความรู้สึกมันเสียไปแล้วเอากลับคืนมาคงไม่ได้
ที่โรงพยาบาล...
"ก่อนที่หมอจะแจ้งผลตรวจ หมอขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมคะ"
"ได้ค่ะ" ฉันเริ่มใจไม่ดีเพราะคุณหมอมองหน้าฉันด้วยสายตาเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
"ถ้าผลตรวจออกมาว่าคนไข้ตั้งครรภ์คนไข้พร้อมมั้ยคะ พร้อมในที่นีหมายถึงพร้อมที่จะดูแลเด็กคนนึงทั้งชีวิต"
"พร้อมค่ะ" ถ้าเกิดฉันท้องจริงๆฉันก็ต้องพร้อมจะให้ฉันตอบว่าไม่พร้อมก็คงไม่ได้
"ที่หมอถามไม่ใช่อะไรนะเพราะหมอเห็นคนไข้ใส่ชุดนักเรียนมา"
"หนูพร้อมค่ะ" ฉันก็หวังว่าพี่นนท์ก็คงจะพร้อมเหมือนกันถ้ารู้ว่ากำลังจะมีลูก แม้ว่าเขาจะเกลียดฉันแต่เขาคงไม่ใจดำเกลียดลูกตัวเองได้ลงคอ
"ถ้าอย่างนั้นหมอก็ยินดีด้วยนะคะคนไข้ตั้งครรภ์ได้สิบสองสัปดาห์แล้วค่ะ^^" คำว่าตั้งครรภ์สิบสองสัปดาห์ทำใจฉันวูบโหวงเหมือนจะเป็นลม สรุปฉันท้องจริงๆสินะ เรื่องนี้ฉันทำใจไว้นานแล้วตั้งแต่ไม่ได้กินยาคุม แต่พอมาเจอสถานการณ์จริงมันก็รู้สึกบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะดีใจหรือยังไงดี
"สิบสองสัปดาห์เหรอคะ??" ฉันทวนคำพูดของคุณหมอที่ส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเป็นมิตร
"ใช่แล้วค่ะก็ประมาณสามเดือน^^"
"แล้วหนูต้องทำยังไงต่อคะคุณหมอ คือหนูไม่รู้จริงๆค่ะ"
"อันดับแรกเลยต้องฝากครรภ์ค่ะแล้วก็ทานยาบำรุงตามที่หมอจัดให้ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อลูกในครรภ์ งดทำงานหนักยกของหนัก แล้วนัดคราวหน้าก็พาคุณพ่อมาด้วยนะคะคุณหมอจะได้แนะนำในเรื่องอื่นๆที่คุณพ่อต้องช่วยดูแลคุณแม่ระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์^^"
"ค่ะ" ฉันรับคำคุณหมอแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าพี่นนท์จะมาด้วยหรือเปล่า
ฉันใช้เวลาอยู่เกือบครึ่งค่อนวันในการตรวจการฝากครรภ์และรับยาบำรุงมาทาน ฉันนั่งรถมาถึงบ้านระหว่างทางก็คิดว่าฉันจะบอกพี่นนท์ให้รับรู้เรื่องที่ฉันท้องยังไงดี ฉันหวังว่าเขาจะไม่ทำอย่างที่เขาเคยพูด ฉันหวังว่าเขาจะดีใจที่กำลังจะมีลูกฉันภาวนาไว้แบบนั้น ฉันเอามือลูบหน้าท้องแบนราบของตัวเองเบาๆ แม้ว่าแกจะเกิดมาโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัวแต่ในเมื่อแกมาแล้วฉันก็จะต้องดูแลแกให้ดีที่สุด ฉันหยิบสมุดสีชมพูออกมาดูซึ่งข้างในมีรูปอัลตราซาวน์ใบเล็กๆ สอดอยู่ด้านในฉันจะต้องเอาให้เขาดูด้วยเผื่อว่าเขาจะดีใจ แม้ว่าตอนนี้ยังไม่รู้เพศของลูกก็ตาม แต่คุณหมอเดาว่าอาจจะเป็นผู้หญิง สำหรับฉันไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายฉันก็รักทั้งนั้น
ฉันกลับมาถึงบ้านก็ช่วยงานบ้านทุกอย่างเหมือนเดิมและเลี่ยงการยกของหนัก หลังจากนั้นฉันก็มานั่งรอพี่นนท์กลับบ้าน ฉันนั่งรอเขาตั้งแต่หัวค่ำจนถึงดึกแต่เขาก็ยังไม่กลับมา อันที่จริงเขาไม่กลับมาบ้านมาหลายวันแล้วไม่รู้ว่าเขาไปนอนที่ไหน ตอนแรกฉันคิดว่าจะโทรบอกเขาทางโทรศัพท์แต่พอคิดไปคิดมาก็ไม่ได้โทรฉันคิดว่าฉันควรจะบอกเรื่องสำคัญแบบนี้ต่อหน้าเขามากกว่า เอาเป็นว่าฉันรอให้เขากลับมาก่อนก็แล้วกันค่อยบอก
ปิ่นปัก....
หลายวันต่อมา....
ฉันมาเรียนตามปกติแต่ก็ไม่ได้บอกใครเรื่องที่ฉันท้องเพราะอีกไม่กี่เดือนฉันก็จะเรียนจบมอหกแล้วฉันก็เลยคิดว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ส่วนพ่อของลูกจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่กลับบ้านฉันก็เลยไม่ได้บอกเรื่องสำคัญกับเขา แล้ววันจันทร์หน้าคุณหมอก็นัดให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลคุณหมอแนะนำว่าอยากให้พาเขาไปด้วยกันฉันก็เลยจะไปตามหาเขาโดยที่ก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาไปอยู่ไหนกันแน่
ฉันตัดสินใจนั่งแท็กซี่มาที่ผับที่คิดว่าเขาจะอยู่ที่นี่ ฉันเดินไปที่ลานจอดรถก่อนเพื่อดูว่ามีรถเขาจอดอยู่ไหม
"อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย" ฉันเอ่ยออกมาด้วยความดีใจที่เจอรถเขาจอดอยู่แปลว่าฉันไม่ได้มาเสียเที่ยว และในขณะที่ฉันกำลังจะเดินเข้าไปด้านในสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่คุ้นตากำลังเดินออกมา ใช่เขาจริงๆ ด้วยถึงจะไกลแต่ฉันก็จำเขาได้เขากำลังเดินไปที่ด้านหลังร้านฉันก็เลยรีบเดินไปหาทันที
"คุณนนท์" ฉันเรียกชื่อเขา เขากำลังยืนหันหลังสูบบุหรี่อยู่พอเขาเห็นหน้าฉันเขาก็หันมาแล้วโยนบุหรี่ทิ้งลงพื้น
"มึงมาทำเชี่ยไรที่นี่"
"ก็คุณนนท์ไม่ยอมกลับบ้านเลยปิ่นเลยมาตาม"
"เป็นแม่กูเหรอห๊ะ ไป๊!!!!มึงจะไปไหนก็ไป"
"ที่ปิ่นมาตามคุณนนท์ที่นี่ก็เพราะปิ่นมีข่าวดีจะบอกกับคุณนนท์ค่ะ"
"ข่าวเชี่ยไรกูไม่อยากฟัง"
"ปิ่นท้องค่ะ ท้องลูกของเรา"
"ท้อง?? มึงปล่อยให้ตัวเองท้องได้ไงกูบอกมึงกี่รอบแล้วว่าอย่าลืมกินยาคุมฉุกเฉินแล้วมึงปล่อยให้ตัวเองท้องได้ไงห๊ะ"
"ปิ่นขอโทษค่ะ คืนนั้นที่คุณนนท์เมาแล้วเข้ามาหาปิ่น ปิ่นไม่ได้กินยาเพราะเค้าบอกว่ากินมากไม่ดีมันอันตรายปิ่นก็เลยไม่กล้ากินยา"
"มึงไปเอาเด็กออกซะ" ฉันไม่คิดว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมา
"อะไรนะคะ" ฉันถามย้ำเผื่อว่าตัวเองจะหูฝาดแม้ว่าน้ำเสียงที่เขาพูดเมื่อครู่มันจะเสียงดังฟังชัดขนาดไหนก็ตาม
"กูบอกว่าใหัมึงไปเอาเด็กในท้องมึงออกซะ หูหนวกหรือไง" เขาตะคอกใส่ฉันเสียงดังมากจนฉันตกใจ
"ฮือออ ไม่นะคะคุณนนท์ คุณนนท์อย่าให้ปิ่นทำแบบนี้เลยแกคือลูกของเรานะคะ ฮึกๆ ปิ่นทำไม่ได้" ฉันร้องไห้อ้อนวอนขอร้องเขา
"ถ้ามึงทำไม่ได้มึงก็ไสหัวออกไปจากบ้านกูซะแล้วก็อย่ากลับมาแล้วเอาไอ้เด็กเวรนี่มาแบล็กเมล์กูทีหลังเหมือนที่แม่มึงเคยทำไม่งั้นกูไม่ปล่อยมึงไว้แน่"
"ฮืออออ คุณนนท์ทำไมใจร้ายกับปื่นขนาดนี้"
"ก็เพราะกูเกลียดมึงไง เกลียดทั้งแม่มึงทั้งมึงแล้วก็เด็กในท้องมึงด้วย แล้วที่สำคัญกูมั่นใจว่าเด็กในท้องมึงอาจจะไม่ได้มีกูเป็นพ่อแค่คนเดียว"
"คุณนนท์ ปิ่นไม่เคยมีอะไรกับใครนอกจากคุณนนท์"
"มึงจะให้กูเชื่อผู้หญิงแบบมึงงั้นเหรอ มึงก็เหมือนแม่มึงนั่นแล่ะ มึงเอาเงินนี่ไป แล้วออกไปจากชีวิตกูได้ละ อันที่จริงกูยังเอามึงไม่เบื่อเลยนะแต่ในเมื่อมึงปล่อยให้ตัวเองท้องกูก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะเอามึงไว้ มึงไปซะแล้วก็อย่ากลับมาให้กูเห็นหน้ามึงอีก"
"ฮือออออ คุณนนท์อย่าทำแบบนี้ คุณนนท์ปิ่นขอร้องจะให้ปิ่นกราบก็ยอม ฮือออออ"
"มึงนี่แม่งกูบอกว่ากูไม่เอามึงแล้วมึงออกไปจากชีวิตกูซะ ไป๊!!!"
"ฮือออ ฮืออออ คุณนนท์จำไว้นะคะ สักวันนึงคุณจะต้องเสียใจ" ฉันบอกเขาทั้งน้ำตานองหน้า
"คนอย่างกูถ้าได้ตัดสินใจอะไรไปแล้วกูจะไม่กลับมาเสียใจ"
"ถ้าคุณนนท์ไม่ต้องการปิ่นกับลูกปิ่นก็จะพาลูกไปตายเอาดาบหน้า ฮือออ ฮือออ"
"มึงจะไปตายที่ไหนก็ไป ไป๊!!!"
หลังจากที่เขาไล่ฉันเหมือนหมูเหมือนหมาฉันก็ไม่รู้จะไปไหนดีฉันรู้แค่ว่าฉันเดินมาเรื่อยๆ เดินแบบไร้จุดหมายปลายทางจนกระทั่งรับรู้ถึงลมที่พัดผ่านใบหน้าวูบหนึ่งทำให้ฉันรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองเดินอยู่บนสะพาน ฉันก้มลงไปมองเบื้องล่างที่มีแม่น้ำไหลเชี่ยวแล้วจู่ๆ ความคิดด้านมืดของฉันก็ผุดขึ้น ฉันเดินไปที่ราวสะพานจับมันไว้แน่นแล้วค่อยๆ ปีนมันขึ้นไปช้าๆ