9
“ถ้าย้อนเวลาได้ เราก็จะทำแบบเดียร์ แบบยัยจี๊ด หรือแบบพวกดาวมหาลัยทั้งหลาย เสียดายเราคิดได้ช้า และก็อีกนั่นล่ะ ไอ้เรานี่ไม่ได้สวยใสเหมือนคนอื่น ค่าตัวคงได้หลักร้อยมากกว่า แต่เดียร์ดีกว่าเราเยอะ อย่างน้อยๆ จะเสียตัวทั้งทีก็จะได้เงิน ไม่ใช่ต้องจ่ายเงิน อย่าคิดมากเลยนะ ชีวิตมันก็มีแค่นี้ล่ะ เราเกิดมาแล้วต้องสู้ ต้องช่วยตัวเอง”
“ถ้าไม่มีใครช่วย คิดถึงตัวเองให้มากๆ คิดถึงแม่ที่นอนป่วยให้พวกบ้านใหญ่รังแกเอาไว้มากๆ พอมีเงินก็รีบพาแม่ออกมาจากบ้านนั้นเลย แค่เราได้ฟังจากปากเดียร์เราก็สงสารแม่เดียร์จะแย่แล้ว อีกอย่าง ถ้าเดียร์เสียให้ไอ้พี่เอ็ดกับเพื่อนๆ ก็ไม่ได้เงินสักบาท หรืออย่างมากก็คงได้สองหมื่นกว่าอย่างที่มันบอกไว้แค่นั้นแหล่ะ”
นั่นเป็นคำปลอบใจของเพื่อน ก่อนแยกย้ายกันขึ้นรถเมล์กลับ
หญิงสาวผู้กำลังจะขายความสาวและศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง ไปให้ใครที่ไหนก็ยังไม่รู้จักถอนหายใจหนักๆ ออกมา แล้วเดินหิ้วถุงข้าวต้มเดินไปตามซอย มีไฟเปิดตลอดสองข้างทาง มีรถและผู้คนเดินไปมาแทบตลอด ทำให้ไม่น่ากลัวนัก แม้เวลาจะใกล้สองทุ่มแล้วก็ตาม
แต่การจะอ้อมคฤหาสน์หลังโตของพ่อ ไปเข้าประตูหลังบ้าน ซึ่งตรงกับบ้านหลังน้อยที่ตัวเองกับแม่อยู่มานั้น เป็นอะไรที่ไม่อยากทำ เพราะเป็นซอยตันเล็กๆ รถสวนกันไม่ได้ ไฟตามเสานั้นห่างกันเต็มที เลยตัดสินใจจะเดินเข้าหน้าบ้านใหญ่ ประจวบเหมาะกับมีรถที่จำได้แม่นยำ ว่าเป็นของใครแล่นมาจอดพอดี
ประตูเล็กที่หมายจะเดินผ่าน เลยเปลี่ยนมาเป็นประตูใหญ่ ในระหว่างที่มันเปิดกว้างออก ให้รถหรูที่จอดรออยู่แล่นเข้าไป ไม่ถึงนาที รถคันนั้นก็ผ่านไปจอดยังหน้าตึก เมื่อต้องเดินไปใกล้ๆ ก็จำได้ว่าเป็นใคร เลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะเห็นเจ้าของรูปร่างผอม สูง สง่าพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลา ที่สาวๆ คนไหนเห็นแล้วไม่เหลียวหลังคงไม่มี
กำลังยืนอยู่ข้างรถ มีคนขับปิดประตูอย่างนอบน้อม แล้วขับไปจอดยังโรงจอด เขานั้นส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่ก้าวเดินออกจากบ้านมารับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มไม่แพ้กัน
ปริยกรเปลี่ยนจากเดินตามถนนคอนกรีตเป็นไปเดินตามสนามแทน เพื่อไม่ให้เป็นที่ระคายเคืองใจกับสายตาของอลิยา จะได้ไม่มีเรื่องมีราวกัน เพราะปัญหาที่มีก็หนักหัวมากพอแล้ว
“พี่ปาลหิวหรือยังคะ แอลเตรียมของโปรดไว้ให้ตั้งหลายอย่างแน่ะค่ะ เข้าบ้านกันดีกว่าค่ะ”
กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงอ่อนเสียงหวานของคุณหนูกลาง ออดอ้อนคู่หมั้นหนุ่มผู้หล่อเหลาอยู่นั่นเอง จนอดหันไปมองไม่ได้ ก็เห็นสองมือบาง สอดไปหาแขนแข็งแรงของเขา แล้วก้าวเดินเข้าบ้านด้วยกัน เขานั้นยิ้มร่าอย่างมีความสุข
‘มีคู่หมั้นสาวสวยรวยสมกันแบบนี้ ใครไม่สุขก็คงจะแปลกล่ะ’
หญิงสาวค่อนขอดอยู่ในใจ แล้วก้าวเดินไปเรื่อยๆ เพื่อให้ถึงบ้านหลังน้อยที่อยู่ท้ายสุดของบ้าน จนติดรั้วอีกด้านหลัง หัวใจก็ให้ร้าวรานไปพร้อมๆ กัน
เมื่อชายที่ตัวเองเผลอเก็บเอามาไว้ในใจ กำลังจะกลายเป็นคนมีเจ้าของในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ บ่อยครั้งที่คิดเกลียดตัวเอง บ่อยครั้งที่เคยบอกตัวเอง ว่าให้เลิกรักและเลิกฝันถึงเขาได้แล้ว
แต่ผู้หญิงหน้าไหนจะทำได้ ในเมื่อเขา ทั้งหล่อเหลาและมีเสน่ห์ แถมฐานะการเงินก็มั่นคงและมั่งคั่ง จึงไม่แปลกเลย หากเขาจะกลายเป็นที่หมายปองของเพศตรงข้ามนับร้อยนับพัน และอาจจะแบบที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย
‘หล่อรวยแล้ว บางทีนิสัยอาจจะไม่ดีก็ได้นะเดียร์ เลิกเพ้อถึงเขาเถอะ เจ็บป่าวๆ เธอกับเขาไม่มีทางเป็นไปได้’
และหลายครั้งหญิงสาวเตือนใจไว้แบบนั้น แต่ความรักที่แอบก่อตัวอยู่เงียบๆ ตอนเห็นเขามาบ้านคุณนายใหญ่สมัยแตกเนื้อสาว ก็เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้จะไม่เคยได้คุยกันสักคำ แต่วันที่ตัวเองถูกมอเตอร์ไซท์ขับเฉี่ยวจนล้มอยู่กลางซอย แล้วมีเขาออกจากรถมาช่วยแค่นี้ ก็ตรึงตาตรึงใจได้ไม่มีวันลืมแล้ว
“เจ็บตรงไหนมั้ยครับ ให้ผมพาไปโรงพยาบาลมั้ยครับ”
เสียงเขานั้นช่างนุ่มหู ดวงตาคู่คมกริบของเขาที่มองมานั้น ช่างเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและห่วงใย ชนิดที่ไม่เคยเห็นจากดวงตาชายไหนมาก่อน แม้กระทั่งพ่อผู้ให้กำเนิด
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เจ็บตรงไหน แค่ตกใจเท่านั้นค่ะ”
แม้จะเจ็บ แม้จะจุก แต่ปริยกรก็บอกไปแบบนั้น แล้วรีบพยุงตัวในชุดนักศึกษาปีหนึ่งขึ้นทันที เพราะเกรงกลัวคนในบ้านใหญ่จะผ่านมาเห็น จนทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต
คนที่จะเดือดร้อนใจมากกว่าใครก็คือแม่ แล้วก็ต้องเดินผละจากเขาไปด้วยหัวใจไหวหวั่น เสียดายโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ๆ เขา ได้นั่งรถไปกับเขา
“มาแล้วเหรอลูก”
เสียงอ่อยๆ ของแม่ ปลุกลูกให้ตื่นจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน สองมือยกไหว้แม่ด้วยความเคยชิน แล้วรีบกุลีกุจอเอาข้าวต้มไปอุ่น พร้อมกับจัดใส่ชามมากินด้วยกัน
“ตกลงเดียร์มีเงินค่าเทอมหรือยัง”
ปริยกรสะอึกทันที เพราะไม่คิดว่าแม่จะรู้เรื่อง และรู้มาจากไหน หรือจากใคร ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นแม่บ้านจอมแส่อย่างอ้วนแน่นอน
“ป้าอ้วนอีกแล้วเหรอจ๊ะแม่จ๋า”
ความจริงแล้วปริยกรอยากจะเรียก ‘ยัยอ้วน’ มากกว่า แต่กลัวแม่จะดุ เพราะแม่ไม่เคยสอนให้ใช้คำหยาบ พูดไม่ดี หรือต่อปากต่อคำกับผู้ใหญ่สักครั้ง ตรงกันข้าม กลับสอนให้รู้จักนอบน้อม ถ่อมตน รู้จักฐานะของตัวเองเสมอๆ ซึ่งอันที่จริงหญิงสาวก็มักจะทำตามนั้น
แต่บางครั้ง ความร้ายกาจของคุณนายใหญ่และบริวารที่ชอบเลียทั้งหลาย ก็ทำให้หมดความอดทน เริ่มตั้งแต่เรื่องตัวเองกับแม่ถูกงดข้าวในบางมื้อเช่นมื้อนี้ จนต้องเจียดเงินที่มีอันน้อยนิดมาซื้อกินเอง
และช่วงนี้ก็เป็นบ่อยครั้งมากๆ หรือถ้าได้กิน อาหารนั้นก็เรียกได้ว่า เหลือคนใช้ของคุณนายใหญ่มามากกว่า มีแต่ผักกับน้ำเป็นส่วนใหญ่ แต่หญิงสาวก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมแม่จะต้องทนอยู่บ้านนี้ด้วย