ตอนที่2 ผิดแผนผิดตัว
ภายในห้องพักห้องหนึ่งของโรงเตี๊ยมอี้ฉางแห่งนี้กำลังมีหญิงสาวนางหนึ่งในอาภรณ์สีฟ้าครามนั่งอยู่ตรงโต๊ะกลมมุมห้องด้วยลักษณะท่าทางคล้ายใจร้อนคล้ายใจเย็นสลับไปมา โดยมีสตรีอีกนางหนึ่งในอาภรณ์สีม่วงเข้มนั่งจิบชาอยู่ตรงตั่งนั่งข้ามกัน
“ใจเย็นเถิด อวี้ถิง จะอย่างไรเสียคืนนี้ก็เป็นคืนของเจ้า”
เถ้าแก้เนี๊ยของโรงเตี๊ยมนามว่าเหมยลี่นั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์พลางเอื้อนเอ่ยคำส่งตรงไปยังสตรีในอาภรณ์สีฟ้านามว่าอวี้ถิง
“หึ! ข้าย่อมใจเย็น” อวี้ถิงเอ่ยขึ้น “ข้าจะรอจนกว่าเครื่องหอมทั้งภายในห้องและในอ่างอาบน้ำออกฤทธิ์อย่างเข้มข้น”
“ดียิ่ง” เหมยลี่ยกยิ้มมุมปากเอ่ยตอบ “โดยเฉพาะถุงเครื่องหอมใต้หมอนนะอันนั้นยิ่งเข้มข้นยิ่งนัก หากเจ้าใจร้อนด่วนได้เข้าไปในห้องนั้นก่อนที่ท่านแม่ทัพจะล้มตัวลงนอนให้ถุงหอมใต้หมอนได้ทำงาน ดีไม่ดี ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดยังไม่ทันได้ออกฤทธิ์ ท่านแม่ทัพฟงเห็นใบหน้าเจ้าเข้าคงถีบเจ้ากระเด็นออกมาจากห้อง”
อวี้ถิงได้ยินพลันถลึงตาจิกกัดเหมยลี่
หญิงสาวในอาภรณ์สีม่วงเข้มยิ่งยกยิ้มชอบใจแล้วเอ่ยต่อ
“แต่หากเจ้ารอจนยาสำแดงฤทธิ์เดชเต็มที่แล้วเข้าไปปรากฏกายต่อหน้าท่านแม่ทัพฟง ขี้คร้านท่านแม่ทัพจะจับกระชากเจ้าเข้าไป จับกดจนจมเตียงนอนแล้วโยกโยนเจ้าจนหัวสั่นหัวคลอน หาได้ถีบเจ้าจนกระเด็นกระดอนออกมานอนนอกห้องไม่”
“เจ้า!” ครานี้อวี้ถิงยิ่งถลึงตาจ้องเหมยลี่พร้อมพวงแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อ “เจ้าเอ่ยสิ่งใดกัน?”
เหมยลี่เห็นอย่างนั้นจึงหลุดหัวเราะเสียงดัง
“ข้าจะบ้าตาย เจ้าจะทำเป็นอายไปเพื่ออันใด ในเมื่อเป็นเจ้าที่ต้องการ ข้าก็แค่สนองตามเงินงามที่ได้รับ เรื่องจับเสือให้กระต่าย จับบุรุษให้อยู่หมัดมิใช่เรื่องต้องคิดมากแต่อย่างใด”
เหมยลี่กล่าวคำหยาวเหยียดเสียดแทงตรงจุดทำเอา อวี้ถิงยิ่งหน้าแดงก่ำ ทั้งบุรุษและสตรีที่เป็นแขกของนางในค่ำคืนนี้มีแต่ได้กับได้ นางจึงไม่มีอันใดให้ต้องคิดมาก จรรยาบรรณอันใดนางหาได้มีไม่ มันกินไม่ได้!
อวี้ถิงได้ฟังคำของเหม่ยลี่เมื่อครู่จึงกระตุกยิ้มตรงมุมปาก
ถูกต้อง!
กับท่านแม่ทัพฟงชิงหยางผู้เกรียงไกร ผู้เป็นรักปักใจเมื่อแรกพบของนาง
นางแอบมองเขามานาน นางรักเขา นางจึงทำทุกอย่างเพื่อจะได้เขามาครอบครองโดยการให้เขาได้ครอบครองนาง
และแล้ววันนี้โอกาสก็มาถึง นางได้รับสิทธิติดตามเขามาจากชายแดนเพื่อเข้ารายงานตัวต่อหน้าพระพักตร์ นางว่าจ้างให้เหมยลี่แอบไปวางยาปลุกกำหนัดเอาไว้ในห้องพักประจำของเขาและนั่งรอให้เขาได้เข้าไปในห้องพักห้องนั้น
ในยามนี้นางเพียงรอเวลาตามคำของเหม่ยลี่ นางอยากเข้าไปหาเขาเต็มที แต่อาจจะจริงอย่างที่เหมยลี่ได้กล่าวไว้
นางไม่อยากถูกไล่ให้ออกมาหากเขายังคงมีสติครบถ้วน
หากนางอยากนอนอยู่ใต้ร่างของเขา หากนางอยากถูกเขาโยกกระชับปีนเกลียว นางต้องอดทน
อา...แค่คิดขนแขนก็ลุกขึ้นชูชันเสียแล้ว...
อวี้ถิงระลึกอย่างนั้นพร้อมฉายชัดทุกความคิดออกมาพาดผ่านใบหน้างามก่อนจะรีบปรับอารมณ์แล้วเอ่ย
“ว่าแต่ท่านเตรียมพยานเอาไว้แล้วหรือ?”
เหมยลี่ที่กำลังยิ้มกว้างพลันชะงักเล็กน้อย
อา...นางลืมไป หากไม่มีพยานมาช่วยกดดันหาความรับผิดชอบ แผนการคงยากสำเร็จ!
เมื่อคิดได้ดังนั้นเถ้าแก่เนี๊ยจึงรีบยิ้มกว้างอีกครั้งแล้วเอ่ยเสียงสูง “โอ้ย! พยานมีเยอะแยะ ไว้ใจข้าเถิด”
จบคำก็ลุกขึ้นแล้วรีบกระวีกระวาดเดินออกจากห้องไปอย่างเร็ว
อวี้ถิงเห็นอย่างนั้นพลันคิ้วกระตุกและเข้าใจได้ไม่ยาก
หึ! ลืมแล้วยังทำตีเนียน เป็นอย่างนี้นางจะได้เข้าห้องของท่านแม่ทัพยามใดกัน ป่านนี้คงปวดหนึบตัวเกร็งทั้งร่างแกร่งแล้วกระมัง!
บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องพักด้านในสุดของโรงเตี๊ยมอี้ฉาง
เสียงครวญครางที่ร้องร่ำสอดประสานกับเสียงเตียงโยกโยนและเสียงของเนื้อกระทบเนื้อเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมาเงียบงันไปแล้วคงเหลือเพียงเสียงของลมหายใจหอบหนักหน่วงถี่ที่เริ่มจะเข้าที่เข้าทาง
ชายหนุ่มร่างใหญ่ผู้อยู่เหนือเรือนร่างของสตรีบอบบางเพียงพลิกกายลงแล้วนอนเคียงข้างกันอย่างเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมสุดหฤหรรษ์ที่มิได้เตรียมตัวเตรียมใจ เขาเสร็จศึกอันแสนสาหัสแล้วเดินทางไกลมาหลายวัน ร่างกายต้องการพักผ่อนแต่กลับต้องมาใช้แรงพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่จากอารมณ์กำหนัดที่จู่ๆ ก็มีขึ้นมา
ฝ่ายหญิงสาวที่นอนเคียงข้างชายหนุ่มก็เช่นเดียวกัน นางแอบหนีออกจากจวนมาในเวลาย่ำเย็นโดยที่ข้าวปลายังมิได้กิน นางเดินทางด้วยเท้าเปล่าหลบมุมมาตามทางใช้พลังงานจากเรือนกายไปมิใช่น้อย นางต้องการพักผ่อนแต่กลับเจอกิจกรรมแปลกประหลาดจนเรี่ยวแรงไม่มีเหลือ
หนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีจึงนอนเคียงข้างกันอย่างเหม่อลอยในสภาพเปล่าเปลือยสมองขาวโพลนภายใต้ผ้าห่มผืนหนาแล้วหลับใหลไป
อวี้ถิงที่ยืนอยู่ตรงขอบเตียงภายในห้องแห่งนี้พลันสมองขาวโพลนไปไม่แตกต่างจากบุคคลทั้งสองที่นอนยาวเหยียดอยู่บนเตียงนอนนั้น
นางสะเดาะกลอนแอบเข้ามายังห้องพักแห่งนี้แล้วได้ยินเสียงเตียงไม้ดังเอี๊ยดอ๊าด เสียงครางต่ำของบุรุษและเสียงครางหวานใสของสตรี นางคิดว่าเข้าห้องผิดนางจึงรีบออกไปแล้วเดินเข้ามาใหม่ใช้เวลาอยู่เกือบสองก้านธูป
เมื่อนางแน่ใจว่าไม่ผิดห้องแน่นอนนางจึงเดินกลับเข้ามาอีก ทว่าเสียงครวญครางของบุรุษและสตรีที่สอดประสานก็ยังคงดังเฉกเช่นเดิม และเพียงครู่เสียงนั้นจึงเงียบไปแล้วถูกแทนที่ด้วยลมหายใจหอบหนักที่เริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง นางจึงตัดสินใจเดินเข้ามาเปิดผ้าม่านของเตียงนอน
และนางก็ได้เห็น
บุรุษเป็นแม่ทัพฟงชินหยางของนางจริงๆ แต่สตรีใต้ร่างของเขาเป็นใคร
สตรีนางนี้เป็นใคร!?
นางตัดสินใจมายังห้องพักห้องนี้ที่แม่ทัพฟงของนางเข้ามาพักและนางก็ให้เหมยลี่วางเครื่องหอมที่มีฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดเอาไว้ทั่วห้องกระทั่งใต้หมอนรวมถึงในน้ำสำหรับอาบ
นางแน่ใจว่าเขากำลังมีอารมณ์ต้องการปลดปล่อยขั้นสุด นางคำนวณเวลาแล้วจึงเข้ามาด้วยร่างกายที่พร้อมทอดให้เขา
แต่ภาพที่เห็นยามนี้คืออันใด!?
อวี้ถิงได้แต่ดวงตาเบิกโพลงจ้องมองหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีที่กำลังหลับใหลหมดแรงบนเตียงนอนอย่างคาดไม่ถึง
นางทำได้เพียงยืนจ้องตะลึงเงียบงันมิได้เปล่งเสียงอันใดออกมา นางยืนตัวชาดิกคล้ายกับวิญญาณล่องลอยไร้ซึ่งมีชีวิตปกติอีกต่อไป
นางยืนเงียบกริบแข็งทื่อเป็นหุ่นไม้นิ่งนานก่อนจะตัดสินใจหมุนตัววิ่งออกไปจากภาพบาดตาบาดใจอย่างคนโง่งม
ภายนอกห้องพักด้านในสุดของโรงเตี๊ยมอี้ฉาง
เหมยลี่กำลังทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมโดยการพาพยานมายังห้องพักห้องนี้ตามที่ได้นัดหมายกับอวี้ถิงเอาไว้
นางช่างโชคดีเหลือเกินที่บังเอิญเจอเข้ากับกลุ่มคนของท่านใต้เท้าหลิง พวกเขาทำท่าทางคล้ายกับตามหาคนอยู่ มิรู้ได้ว่ากำลังตามหาใคร แต่เรื่องนั้นช่างมันเถิด นางเพียงอยากได้พยานให้อวี้ถิงเท่านั้น กลุ่มคนพวกนี้มีจำนวนพอเหมาะที่จะกดดันบุรุษให้รับผิดชอบได้แล้ว
เหมยลี่คิดอย่างปลื้มปริ่มพลางเดินนวยนาดนำทางกลุ่มผู้คน
“พวกเราต้องขอขอบคุณแม่นางที่ให้ความร่วมมือ” เสียงหนึ่งบุรุษท่าทางขึงขังเอ่ยขึ้นมาทางเหมยลี่ เขาเป็นหัวหน้าทหารยามประจำจวนของเสนาบดีกรมคลังได้รับมอบหมายจากใต้เท้าหลิงอี้ถังให้ออกมาตามหาคุณหนูหลิงเวย
“มิเป็นไรเลยเจ้าค่ะ” เหมยลี่กล่าวพลางโบกไม้โบกมืออมยิ้มพริ้มเพรา
“หากไม่เจอคนที่ตามหาก็อย่าว่ากันเท่านั้นก็พอเจ้าค่ะ”
“มิกล้า มิกล้า” ชายผู้นั้นส่งยิ้มเล็กน้อยตอบกลับ
“เชิญเจ้าค่ะ ตามข้าน้อยมาเถิด” เหมยลี่ชี้ชวนอย่างชดช้อยมาตามทางเดินของโรงเตี๊ยมอี้ฉางพาเอาเหล่าบุรุษประมาณห้าคนให้เดินตามนางมาอย่างสามัคคี
เวลาเพียงครู่เหมยลี่จึงมาถึงห้องพักเป้าหมาย นางคำนวณเวลาเอาไว้แล้วเป็นอย่างดี ป่านนี้สองคนนั้นคงเสร็จสมอารมณ์หมายกันเรียบร้อยแล้วและก็คงนอนกอดกันตามระเบียบ แน่นอนว่านางไม่เข้ามาขัดจังหวะกิจกรรมรัญจวนของใครหรอก นางย่อมต้องรอให้พวกเขาได้ปลดปล่อยอารมณ์กำหนัดกันเต็มที่แล้วนอนหลับไปอย่างสุขสม
“เชิญพวกท่าน” เหมยลี่ชี้ชวนให้บุรุษทั้งหลายเดินตามเข้ามายังห้องพักห้องหนึ่งเมื่อนางเดินนำเข้าห้องไปก่อนอย่างถือวิสาสะ ทำเอาพวกของจวนตระกูลหลิงนึกแปลกใจแต่ก็มิได้เอ่ยปากว่ากระไรออกมา
หญิงสาวในอาภรณ์สีม่วงเข้มผู้เป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมไม่มีรีรอให้เสียเวลาทำมาหากิน นางรีบเดินไปที่เตียงนอนอย่างถือวิสาสะเกินมนุษย์แล้วเปิดม่านมุ้งออกอย่างแรง ตามด้วยกรีดร้องอย่างตกอกตกใจ
“ไอ๊หยา! ตายแล้ว ท่านแม่ทัพฟง” เสียงแหลมสูงของเหมยลี่ดังออกมาพาเอาพวกพ้องที่เข้ามาด้วยต้องสะดุ้งตกใจกันเป็นแถว
เหมยลี่ยังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างลื่นไหลต่อเนื่องโดยเป้าหมายของนางคือท่านแม่ทัพฟงกับสตรีที่นอนอยู่ด้วยกันตามแผนการที่ได้วางเอาไว้
“ท่านแม่ทัพฟง ท่านกับๆ ตายแล้ว ตายๆ” เถ้าแก่เนี๊ยผู้ไร้จรรยาบรรณยังคงส่งเสียงแหลมสูงได้อย่างต่อเนื่องทำเอาบุรุษร่างหนาบนเตียงนอนพลันได้สติตื่นขึ้นมา
ฟงชินหยางลืมตาขึ้นมาพลางขมวดคิ้วมุ่นปวดหัวตุบๆ แบบแปลกๆ จนต้องยกฝ่ามือใหญ่หนาขึ้นกุมขมับก่อนจะเริ่มกวาดสายตาคมกล้ามองไปยังต้นเสียงที่รบกวนเวลาหลับนอนของเขา
ชายหนุ่มถึงกับหรี่ตามอง นี่มิใช่เถ้าแก่เนี๊ยประจำโรงเตี๊ยมของเมืองแห่งนี้หรอกหรือ?
“ท่านแม่ทัพฟง ตายแล้ว ตายๆ” เหมยลี่ยังคงเอ่ยประโยคเดิมตามแผนการแต่พลันชะงักเมื่อมองเห็นสตรีข้างกายของฟงชินหยางแบบเต็มตา “อ่ะ! ไอ่หย่า ใครกันล่ะนี่”
“มีอะไร” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าของฟงชินหยางเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์พลางหรี่ตาคมมองเจ้าของเสียงแหลมสูงเสียดแทงแก้วหูที่กำลังยืนอยู่ข้างเตียงนอนของเขา
“ท่ะ ท่านแม่ทัพฟง ท่ะ ท่านๆ ใครๆ ใครกัน” ครานี้เหมยลี่ตกใจของจริง นางเอ่ยคำละล่ำละลักพลางวาดนิ้วชี้มายังสตรีข้างกายของฟงชินหยางอย่างผิดคาดเป็นที่สุด
ชายหนุ่มร่างหนาบนเตียงนอนจึงปรายสายตาคมเข้มมืดดำมองตามเรียวนิ้วนั้น และเขาก็ได้เห็นสตรีงดงามนางหนึ่งกำลังนอนหลับใหลอยู่ภายใต้ผ้าห่มหนาใหญ่ผืนเดียวกับเขา
หัวหน้าทหารยามประจำจวนตระกูลหลิงเริ่มใคร่รู้จึงถือวิสาสะเดินมาที่เตียงนอนบ้าง
และแล้วเขาถึงกับต้องผงะเดินถอยหลังถึงสองก้าว
“คะ คุณหนูหลิง!”
ประโยคนั้นของชายหนุ่มหัวหน้าทหารยามประจำจวนตระกูลหลิงทำเอาพวกที่ตามมาด้วยต้องรีบกรูกันเข้ามาดูเช่นเดียวกัน
“คุณหนู!” พวกเขาส่งเสียงเซ็งแซ่กันอย่างพร้อมเพรียงและรีบถอยหลังกรูดหลบฉากไปอย่างรู้มารยาท
ฟงชินหยางรีบสลัดศีรษะไปมาเบาๆ เขาเริ่มจะตระหนักได้แล้วว่ากำลังเกิดสิ่งใด
กลิ่นเครื่องหอมแปลกๆ ที่กระจายอยู่ทั่วห้องพักและยังมีกลิ่นเหล่านี้ในถังอาบน้ำพร้อมกับอารมณ์กำหนัดชนิดฉับพลัน
และสตรียั่วยวนบนเตียงตั่ง
อา...นี่เขาพลาดเสียแล้ว
เสียงกรีดร้องหวีดแหลมของสตรีและเสียงดังอื้ออึงของบุคคลหลายคนกำลังแล่นเข้าสู่โสตประสาทของหลิงเวยเป็นระยะๆ เรียกสติที่กำลังหลุดลอยของนางให้เริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง จากที่กำลังนอนหลับตาพริ้มสบายๆ จึงเริ่มมีสติขึ้นมาอีกคน
หญิงสาวเริ่มได้สติกลับคืนมาพร้อมกับอาการปวดตุบๆ ในศีรษะ แต่ที่ปวดหนึบหนักหน่วงก็เห็นจะเป็นช่วงกลางลำตัวตั้งแต่ช่วงเอวลงไป
นางขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งเพื่อที่จะลืมตาขึ้นมา นางลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาได้แล้วยังต้องกะพริบตาปริบๆ อีกหลายครั้งเมื่อมองเห็นแผ่นหลังเปล่าเปลือยกว้างใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าของนาง
หญิงสาวเอื้อมฝ่ามือน้อยๆ ขึ้นขยี้ตาเบาๆ อย่างไม่อาจเชื่อสายตาว่าจะมีใครมานั่งด้วยกันบนเตียงตั่ง เขาผู้นี้เป็นใคร รูปร่างใหญ่โต ใบหน้าคมเข้ม โดยเฉพาะสายตาช่างคมกล้ามองมาทางนางอย่างกับจะตัดกันให้ขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
นี่เขาเคืองโกรธอันใดนาง?
“ท...ท่านแม่ทัพ สตรีนางนี้เป็นใครกันเจ้าคะ นางมานอนกับท่านในสภาพนี้ได้อย่างไร นางเข้าห้องของท่านมาได้อย่างไร อะไรกัน!?” เหมยลี่เสียงสูงถามออกมาอีกครั้งอย่างตกอกตกใจ ทำเอาหลิงเวยถึงกับสะดุ้งตกใจพลันได้สติตื่นเต็มตา
หญิงสาวกะพริบตาจ้องมองบุรุษเจ้าของแผ่นหลังเปล่าเปลือยที่นั่งมองนางด้วยสายตาเข้มข้นก่อนจะก้มลงมาที่เรือนร่างของตน
และเมื่อนางมองเห็นสภาพของตนเองที่เปลือยเปล่าเช่นเดียวกัน นางถึงกับลุกขึ้นนั่งอย่างตกอกตกใจพร้อมทั้งดึงผ้าห่มขึ้นห่อหุ้มเรือนกายฉับพลันจนอาการปวดหนึบช่วงกลางลำตัวพุ่งสูงจนต้องขมวดคิ้วพันกัน
จากที่คิดจะอ้าปากกรีดร้องกลับต้องกัดเม้มเอาไว้แน่นเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวดหนักหน่วงที่ท้องน้อย
ในขณะเดียวกันเมื่อผ้าห่มถูกรั้งขึ้นมาสายตาของนางจึงได้มองเห็นคราบเลือดบนเตียงนอน
อา...อะ...อะไรกัน!?