บท
ตั้งค่า

2 หมอเถื่อนและเข็ม

ฉันลืมตาขึ้นภายใต้ความมืดสลัว เจ็บตรงอกเหมือนมีหินก้อนใหญ่กดทับทั้งที่ไม่มีอะไรนอกจากผ้าห่มผืนบางคลุม แค่หายใจเบาๆ ยังทรมาน

นี่ฉันยังไม่ตาย!?!

ในหัวปวดหนึบ คอแห้งผาก มองฝ่าความมืดในห้องอย่างสงสัยแกมตื่นตระหนก ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่งั้นที่นี่ที่ไหน

“รู้สึกตัวแล้วเหรอ”

น้ำเสียงบาดหูดังขึ้น ฉันเหลือบมองเงาของร่างสูงที่ขยับเข้ามาข่มมือลงบนเตียงอย่างวิตก ริกกี้!

ฉันตกใจ ขยับหนีเขาอย่างลืมตัวก่อนจะร้องออกมาเสียงดังเพราะความเจ็บปวดที่อกร้าวระบม หายใจหอบลึก มองริกกี้นัยน์ตาสั่นไหว

“ฉันน่ากลัวกว่าลูกปืนหรือไง”

“อึก”

น้ำเสียงหงุดหงิดดังอย่างไม่สบอารมณ์

เขาทำให้ฉันนึกออกว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ....ฉันเอาตัวเข้าไปบังกระสุนของริกกี้เพราะจะปกป้องคนแปลกหน้าแต่ฉันทำไปโดยไม่รู้ตัว และไม่คิดด้วยว่าริกกี้จะลั่นไกจริงๆ

ฉันกลืนน้ำลายอึก เนื้อตัวเย็นเฉียบเมื่อรู้ถึงความน่ากลัวที่เผชิญมา ริกกี้มาอยู่ตรงหน้าฉันแบบนี้ก็แปลว่าฉันยังไม่ตาย

“เธอเป็นอะไรกับไอ้คลื่น”

เสียงแข็งกระด้างไม่เป็นมิตรของริกกี้ที่ดังอยู่ใกล้ๆ ดึงสติฉันกลับมามองหน้าเขาอย่างสับสน

ฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อคลื่น

“ตอบมา!”

เขากระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด ฉันสะดุ้งเฮือก รู้สึกเจ็บร้าวที่หน้าอก ในหัวพยายามเรียบเรียงเรื่องที่เกิดขึ้น ละล่ำละลักเสียงแหบพร่า

“ฉัน....ไม่รู้จัก”

“แล้วเธอช่วยมันทำไม มีคนสติดีที่ไหนเอาตัวไปบังกระสุนแทนคนอื่น”

ฉันกะพริบตา ริกกี้พูดแบบนั้นก็แสดงว่า.... คนนั้นชื่อคลื่น

“เกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายคนนั้น”

“เธอคิดจะกวนประสาทฉันหรือไง”

เขาบีบคางฉันเอาไว้แน่นด้วยท่าทางโมโห

“ฉัน....ขะขอโทษ”

“เธอเป็นอะไรกับมันบอกความจริงมาก่อนฉันจะหมดความอดทน”

“ฉันไม่รู้ ฮืออออ ฉันไม่รู้จริงๆ” ฉันสะอื้นอย่างตื่นกลัวเพราะสายตากดดันปนเลือดเย็นของคนตรงหน้า มันอยู่ใกล้เสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนระอุ น้ำตาฉันเอ่อล้นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

“หยุดร้องรำคาญ!”

“ฮึก.....”

“คิดว่าฉันเชื่อเธอเหรอ แกล้งทำเป็นใสซื่อที่จริงเธอแฝงตัวเข้ามาในงานเพื่อสืบความลับฉันให้พวกอีเกิลสปีดใช่ไหม”

“ฉันไม่รู้ จะเจ็บ....ฮือออปะปล่อยฉันเถอะฉันขอร้อง”

“คายความลับออกมา ไม่งั้นฉันฆ่าเธอจริงๆ”

เขาเขย่าหน้าฉันจนปวดสะเทือนไปทั้งตัว คาดคั้นเอาเรื่องที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจและไม่อยากรู้ด้วย ขอร้องอ้อนวอนเขาทั้งน้ำตาทั้งที่มันเจ็บจนแทบพูดไม่ไหว แต่ริกกี้ไม่ฟังเขายังคงเค้นฉันต่ออย่างบ้าคลั่ง

“เฮ้ยริกกี้ทำอะไร”

ก่อนที่ฉันจะเจ็บตายด้วยน้ำมือริกกี้ ใครคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามากระชากเขาออกจากเตียง

“เก่ง”

เสียงริกกี้สบถลอดไรฟัน ฉันมองเงาสองเงาที่อยู่ห่างเตียงอย่างกลั้นหายใจ รู้สึกสับและหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ

“ทำอะไร จะฆ่ายัยนั่นหรือไง”

“ไม่ใช่เรื่องของมึงอย่ายุ่ง” ริกกี้ทำท่าจะกลับมารังแกฉันต่อแต่ถูกมือคนนั้นดึงรั้งแขนห้ามเอาไว้ ฉันใจหายเฮือก ท่ามกลางความเจ็บปวดที่แทบจะกลืนกินสติ ฉันนึกขอบคุณเขาเบาๆ ที่หยุดริกกี้เอาไว้

“ใจเย็นหน่อยสิวะ ถ้าเธอตายขึ้นมากูก็ต้องมานั่งทำลายศพอีก”

นั่นคือเหตุผลที่เขากังวลเหรอ ฉันสะดุ้งไหวเมื่อได้ยินแบบนั้น มือที่พอจะขยับไหวขยุ้มผ้าห่มแน่นมีแต่ความหวาดหวั่นอบอวลอยู่ในหัว

“ยากอะไร ถ้ามันตายก็แค่ส่งไปให้ไอ้คลื่นฝัง”

“ถ้ามันจบแค่นั้นก็ดีสิ”

ริกกี้เงียบไปครู่หนึ่ง

“กูเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ให้ยัยนี่ตายน่าจะมีประโยชน์กว่า”

“นั่นแหละที่กูกำลังจะบอก”

“เออ งั้นก็จัดการต่อด้วย”

ริกกี้ออกไปแล้วเหลือแค่ผู้ชายแปลกหน้าอยู่ในห้องกับฉันสองคน

“จะทำอะไรน่ะ!”

ฉันใจหายเฮือก ผวาตัวหนีแต่ก็เหมือนมีอะไรกดทับอยู่ตรงอกขยับได้ไม่ถึงสองทีก็น้ำตาเล็ด ผ้าที่คลุมอยู่ตรงอกถูกมือของเขาเปิดออกอย่างไม่บอกกล่าว ฉันร้องเสียงหลง เย็นวาบไปทั้งลำตัวครึ่งบน ลมหายใจติดขัดเมื่อรู้ว่าหน้าอกเปลือยเปล่าไม่มีอะไรสวมทับ

“ใจเย็นๆ ฉันเป็นหมอ”

ฉันชะงัก อาการหวาดกลัวลดลงไปครึ่งเดียว จ้องมองโครงหน้าของคนที่อ้างว่าเป็นหมออย่างไม่ไว้ใจ

ผมของเขายาวประบ่าจนต้องมัดรวบเอาไว้ด้านหลังอย่างลวกๆ หนวดเคราที่โกนไม่เรียบร้อยขึ้นตะปุ่มตะป่ำไม่สม่ำเสมอ ดวงตาสีน้ำตาลดุดัน ใบหน้าหยาบคายเกินกว่าจะเป็นหมอ

“ไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ฉันเป็นคนผ่ากระสุนที่ฝังอยู่ตรงอกเธอออก”

คำบอกกล่าวนั้นทำฉันหลุบตามองแผ่นผ้าก๊อชที่วางทับอยู่บนเนินอกตัวเองเลิ่กลั่ก ตอนนี้มันถูกซับไปด้วยเลือดจนมองไม่เห็นสีเดิม

“ไอ้เวรริกทำแผลฉีกให้ตายสิกูก็ต้องมาตามแก้อีก” เขาหยิบผ้าก๊อชออกพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง

ฉันผวาเฮือก กัดฟันแน่นอย่างตื่นกลัวปนอับอาย ที่ตอนนี้กำลังนอนเปลือยอกต่อหน้าผู้ชายแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้แต่ความเจ็บปวดแทบจะทำให้ฉันลืมหมดทุกอย่าง

“เฮ้ ไหวไหม ฉันจะเย็บแผลให้ใหม่อยู่นิ่งๆ”

“เอ๊ะ....”

เขาบอกก่อนจะโน้มตัวไปดึงลิ้นชักข้างเตียงออกมา หยิบกล่องปฐมพยาบาลขึ้นมากางบนเตียง ฉันมองเข็มในมือเขาหัวใจเต้นรัว

“อย่านะ....”

“กลัวเหรอ ตอนที่ฉันเอากระสุนออกเธอสลบอยู่เลยไม่มีปัญหา แต่ว่ายาชาหมด เจ็บนิดเดียวทนเอาหน่อยแล้วกัน”

“กรี๊ดดดดดดดดดด”

นิดเดียวอะไรล่ะ!! ฉันกรีดร้องคับห้อง ดิ้นตั้งแต่ปลายเข็มทิ่มลงในเนื้อสดๆ เขาใช้เข่ากดหน้าท้องฉันไม่ให้ดิ้นหนี มืออีกข้างข่มคอเอาไว้สลับกับร้อยเข็มลงในเนื้อ

กว่าความเจ็บปวดจะสิ้นสุดลง ฉันก็หมดแรง นอนหอบเหนื่อย ตัวชา น้ำตาไหลจนชุ่มหมอน มองชายที่เรียกตัวเองว่าหมอก้มลงเก็บอุปกรณ์นัยน์ลอยคว้าง

เมื่อกี้ฉันนึกว่าจะขาดใจไปแล้วจริงๆ เกิดมาไม่เคยเย็บแผลสดแบบนี้มาก่อน

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะจมูก เขาเก็บสำลีกับผ้าก๊อชที่เปื้อนเลือดทิ้งลงถังขยะเล็กข้างเตียง แล้วลุกขึ้นเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่

“เดี๋ยวเอายาแก้อักเสบกับลดไข้มาให้ อย่าเพิ่งขยับตัวล่ะเดี๋ยวแผลฉีกอีก”

คิดว่าสภาพฉันสามารถลุกขึ้นไปไหนได้หรือไง

เขาเดินออกจากห้องพร้อมกับถังขยะและกล่องอุปกรณ์การแพทย์ ฉันมองตามจนประตูห้องปิดลง หลับตาอย่างเหนื่อยล้า ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจนเคลิ้มเกือบหลับประตูก็เปิดออก

“อ่ะกินซะจะได้ดีขึ้น”

ผู้ชายคนนั้นยื่นยาให้แต่ฉันไม่มีปัญญาจะรับ ลำพังแค่หายใจเข้าออกยังระบมไปทั้งอก

“ลำบากกูอีก”

เขาเดินมาสอดยาเข้าปากฉันด้วยท่าทางรำคาญ ก่อนหยิบขวดน้ำมาจ่อปากแล้วค่อยๆ เทให้ เม็ดยาลื่นๆ ไหลลงคออย่างทุลักทุเล กลิ่นอายความขมไหลปราดไปทั่วโพรงปาก

“เธอเป็นผู้หญิงไอ้คลื่นจริงเหรอ”

เขามองฉันที่นอนหอบอยู่บนเตียงก่อนที่ปลายสายตาของคนเป็นหมอจะหยุดอยู่ที่หน้าอกเปล่าเปลือยของฉัน

“อย่ามองนะ”

“ฉันไม่มีอารมณ์กับคนเจ็บหรอกน่า”

เขาทำเสียงขัดใจใส่ฉัน แต่ก็ยังไม่หยุดมอง

“ถามจริง เวอร์จิ้นอยู่หรือเปล่า?”

“.....”

“ไม่ต้องห่วงฉันยังไม่ได้ดูข้างล่าง ก็นะ เมื่อคืนที่ริกกี้เรียกฉันมามันด่วนจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นนอกจากผ่ากระสุนออก เหนื่อยเป็นบ้า.... เอออ้าวหลับแล้วเหรอ?”

ฉันไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรต่อ หลังจากทักเรื่องเวอร์จิ้นฉันจำได้ว่าตกใจอยู่แป๊บหนึ่งหลังจากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย เปลือกตามันหนักจนทานไม่ไหว ความเจ็บปวดผสมกับฤทธิ์ยาที่ทานเข้าไปกล่อมฉันให้หลับสนิท

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel