ร้ายซ่อนรักฉบับโหด

433.0K · จบแล้ว
Yaygoh
169
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขา ริกกี้... ชีวิตที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ เธอ คะนิ้ง... คนที่คอยสร้างกรอบให้กับชีวิตตัวเอง เมื่อคนทั้งสองโคจรมาพบกันแบบไม่คาดฝัน ชีวิตที่เคยสงบสุขในตัวของมันเองกลับปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!!! แนะนำตัวละครสักหน่อยจ้า - ริกกี้ - คนโฉดของไรท์ หล่อ เลว แรด เอาได้หมดยกเว้นผู้ชาย หึงโหด โหมดอ้อนมีน้อยนิด แต่ปล่อยทีแม่ยกตายทั้งแถบ - คนิ้ง - ออกไปตามหาน้องสาวที่หายตัวแบบไร้ร่องรอย แต่ดันเจอกับอิคนโฉดข้างบนแทน ไม่เพียงเขาปิดบังเรื่องน้องสาวแต่ยังจับเธอทำเมียแบบไร้เหตุผล ตัวอย่างบางส่วน... “ฉันไม่ต้องการ! ปล่อย” ริกกี้กดแขนนาบกับผนังลิฟท์ด้านหนึ่งขังฉันเอาไว้ใต้อาณัติ ดวงตาคมกริบจ้องมองลงมาอย่างเยือกเย็น “ฉันไม่ได้ใจดีกับผู้หญิงทุกคนหรอกนะจำเอาไว้” ริกกี้ก้มลงประกบริมฝีปากฉันทันทีที่พูดแบบนั้น สิ่งที่เขาพูดยังไม่ทันแทรกซึมเข้าเซลล์สมองฉันด้วยซ้ำก็ต้องตกอยู่ใต้อารมณ์แตกตื่นกับสัมผัสที่ดุดันและล่วงล้ำของริกกี้ “อื้อ....” --------------------------------------------------------- “ป่านนี้แล้วจะมารักนวลสงวนตัวอยู่อีก อย่าทำเหมือนตัวเองใหม่นักเลย ฉันเห็นจนชินแล้ว” “วะว่าไงนะว๊ากกก” หน้าฉันร้อนฉ่า กำลังอึ้งแบบสุดๆ ริกกี้ก็กระชากกางเกงฉันออกรวดเดียวโยนลงใต้เตียงอย่างเกะกะ อะไรจะง่ายดายเบอร์นั้น กรี๊ดดดด “นายทำบ้าอะไร! ยะอย่าเข้ามานะ” ฉันเอามือป้องคนิ้งน้อยไว้ทั้งสองข้าง ทั้งเนื้อตัวเหลือแค่กางเกงในลูกไม้สีชมพูตัวเดียว ถอยรูดจนหลังชนกับหัวเตียง ไม่มีที่ให้หนีอีกต่อไป มองสบสายตาดุดันที่บ่งบอกถึงความต้องการอันลึกล้ำของริกกี้อย่างหวาดผวา “ระริกกี้...” นิยายเรื่องนี้แต่งตามใจคนเขียนนะคะ มีคำหยาบคายบ้างเพื่ออรรถรสความสมจริงของตัวละคร ตัวละครในเรื่องเป็นตัวละครสมมุติทั้งหมด แต่งเอาฟินอย่างเดียว แค่นี้แหละ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันนอกใจดราม่ามาเฟียเศรษฐีโรแมนติกนักศึกษานักล่า

1 จูบและกระสุน

สนามแข่งรถ...

สองเท้าของฉันหยุดนิ่งรู้สึกตัวอีกทีก็มายืนอยู่ในปาร์ตี้สนามแข่งที่คาคั่งไปด้วยผู้คนและรถยนต์หลายสิบคัน แม้จะเป็นช่วงใกล้ค่ำแต่แสงสีของที่นี่ไม่ได้น้อยหน้าผับดังย่านกลางเมืองเลยสักนิด

ท่ามกลางฝูงชนที่แต่งกายจัดจ้าน ฉันคนเดียวกลับกลายเป็นตัวประหลาดที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร พื้นที่ที่เคยแน่นขนัดก่อนหน้านี้ถูกแหวกกว้างออกอย่างพร้อมเพียงทันทีที่ฉันก้าวเข้ามา กลายเป็นจุดศูนย์กลางของทุกคนไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ขาทั้งสองข้างเริ่มสั่น รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับฉันแต่ ฉันกำแผ่นกระดาษในมือแน่นฝืนใจก้าวต่อไปข้างหน้า กวาดตามองหาคนๆ หนึ่งอย่างร้อนใจ น้องสาวฉันอยู่ที่ไหน

ถ้าไม่ใช่เพราะอาโยขอร้องฉันไม่ย่างเท้าเข้ามาในนี้เด็ดขาด เพนนีจะรู้ไหมว่าทำคนอื่นเดือดร้อนขนาดไหน

หมับ!!

ฉันสะดุ้งเฮือก ก้มมองข้อมือที่ถูกจับด้วยความตกใจ เงยหน้ามองเจ้าของมืออย่างหวาดหวั่น

เขาทำฉันนิ่งอึ้งเพราะหน้าตาที่หล่อเหลาคมคายตั้งแต่แวบแรกที่มอง เขาทำฉันลืมเลือนทุกสิ่งรอบกายไปชั่วขณะ ในใบหน้าที่งดงามประหนึ่งทูตตกสวรรค์และแฝงเร้นด้วยความร้ายเล่ห์ดุจซาตานของเขา

“ปะปล่อยนะ” พอรู้สึกตัวฉันรีบดึงข้อมือออกจากฝ่ามือร้อนๆ ของเขาทันที

หมอนั่นเหลือบมองฉันในชุดนักศึกษาตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ต่างจากประเมินของชิ้นหนึ่ง “จืดว่ะ ใครเอายัยนี่เข้ามาในปาร์ตี้ฉัน” เขาตั้งคำถามและมองไปรอบๆ อย่างหงุดหงิด

ไม่มีใครตอบ ราวกับว่าการพูดกับคนตรงหน้าเป็นเรื่องต้องห้าม

“...ออกไปซะก่อนที่เธอจะทำปาร์ตี้ฉันกร่อย”

หมอนั่นส่งเสียงไล่ฉันอย่างรังเกียจก่อนเดินออกไป บรรยากาศตึงเครียดปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่

“คะคือ... ฉัน... ฉันมาตามหานะน้อง” ฉันโพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความมั่นใจ แจ้งให้รู้ว่ายังกลับตอนนี้ไม่ได้ทั้งที่มันไม่จำเป็น

เขาหยุดแล้วหันมามองคล้ายได้ยินเสียงแมลงวันตัวหนึ่งบินผ่าน สายตารำคาญเพ่งมองราวกับจะฉีกร่างฉันเป็นสองส่วนแต่ก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน เสียงหนึ่งก็ดังตะโกนมาจากที่ไหนสักแห่งในนี้

“เฮียริกกี้พวกนั้นมา!”

คนที่โดนเรียกว่าริกกี้หันขวับ สายตาคู่คมดุดันขึ้นทันที รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากรอบกายเขาราวกับงูแผ่แม่เบี้ย ฉันร่นถอยหลังตามสัญชาตญาณ รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวที่ไม่น่าเข้าใกล้ พร้อมกันนั้นชื่อ ริกกี้ ก็ถูกประทับตราลงในสมองอย่างแม่นยำ

ยังไม่ทันจะได้ขยับตัวไปไหน กลุ่มผู้ชายจำนวนสี่ห้าคนท่าทางเอาเรื่องก็เดินเข้ามายืนจับกลุ่มกันตรงหน้าริกกี้

กลิ่นอายมาคุไหลเวียนไปทั่วทั้งลานกว้าง ก่อนที่หนึ่งในแขกไม่ได้รับเชิญจะเอ่ยขึ้นมา

“จัดงานเลี้ยงสมกับเป็นทีมกระจอกๆ ดีหนิริกกี้.... เหอะแกนี่มันเห่ยชะมัด”

สายตาคนพูดตวัดมองมาที่ฉันราวกับจะถากถางริกกี้ ฉันเย็นสันหลังวาบ รู้สึกคล้ายถูกตรึงเอาไว้กับที่ขยับไปไหนไม่ได้

“มีธุระอะไร”

“แค่แวะมาทักทาย หัวหน้าทีม RED SUN คนใหม่” เขาแสยะยิ้มหยัน นัยน์ตาสีครามส่องประกายเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลาไม่น้อยไปกว่าริกกี้กวนประสาทเหลือร้าย

ฉันมองอย่างรู้สึกใจคอไม่ดี ตอนนี้เรื่องเพนนีไม่ได้อยู่ในหัวสักนิด สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในหัวสมองคือเสียงภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ฉันหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่เลวร้ายนี่สักที

แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่ได้ยินเสียงของฉัน เหตุการณ์ระหว่างชายทั้งสองคนที่ไม่ลงรอยกันยังคงดำเนินต่อ

“หมดธุระแล้วก็กลับไปซะ” ริกกี้ออกปากไล่

เจ้าของนัยน์ตาสีครามกระตุกยิ้ม จับจ้องสายตาริกกี้อย่างไม่สะทกสะท้าน ตรงเข้ามาดึงแขนฉันไปจับอย่างไม่มีสาเหตุ

“ทะทำอะไร ปล่อยนะ”

“ฉันยังไม่ได้ทักทายยัยนี่เลย”

ฉันเบือนหน้าหลบเมื่อเขาโน้มใบหน้าคมๆ เข้ามาใกล้จนริมฝีปากเฉียดแก้มไปนิดเดียว

“คิดจะทำอะไรน่ะ ปล่อยดิ!” ฉันโวยวายด้วยความร้อนรน สะบัดมือออกจากฝ่ามือของเขาแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหลุดง่ายๆ

ริกกี้ขมวดคิ้วมองฉันกับเจ้าของดวงตาสีครามสลับกันด้วยสายตาเรียบสนิท

“ถ้าคิดจะยั่วโมโห ไม่ได้ผลหรอก”

“อย่างงั้นเหรอ ถ้างั้นแบบนี้ล่ะ” เขาจับหน้าฉันด้วยมือทั้งสองข้างแล้วดึงเข้าไปประกบริมฝีปากอย่างรวดเร็ว

เวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ หัวใจฉันกระตุกวูบ เบิกตาโพลง ในหัวตอนนั้นมีแต่ความตกใจ

นี่มันจูบไม่ใช่เหรอ! ฉันกรีดร้องในใจ ออกแรงขัดขืนทันทีที่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ผลักคนตรงหน้าออกห่างแต่ก็ไม่เป็นผล

บรรยากาศรอบข้างเงียบสนิท ทุกสายตาจ้องมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว

แต่ก่อนความรู้สึกอดสูจะกล้ำกรายเข้ามาในหัวใจฉันนานกว่านั้น ร่างสูงก็โดนกระชากออกไป ริมฝีปากฉันเป็นอิสระ แรงเหวี่ยงทำให้ฉันเซห่างออกมาด้านข้างอย่างตั้งหลักไม่ทัน

เหลือบเห็นริกกี้กระชากแขนเขาคนนั้นออกไปแล้วผลักแรงๆ หนึ่งที

“ถ้าหิวก็ไปกินที่อื่น อย่ามาทำตามอำเภอใจในถิ่นกู”

“ถ้าอย่างนั้นกูจะลากนังนี่ไปเอาที่อื่น”

เขาพูดแล้วตรงเข้ามาคว้าแขนฉันเอาไว้แน่น ฉันมองใบหน้าหยาบคายของเขาอย่างแตกตื่น เสียงหัวเราะสะใจดังมาจากทางพรรคพวกของเขาอย่างกำลังเยาะเย้ยริกกี้อยู่

“ปล่อยนะ ฉันไม่รู้เรื่องด้วย” ฉันขัดขืนหัวใจสั่นผวา ไม่น่ามาที่นี่ตั้งแต่แรกเลย ฮืออออ

“ไม่มีปัญหาใช่ไหมริกกี้”

ริกกี้ชะงัก นัยน์ตาคมสีนิลหรี่เล็ก เขาขบกรามแน่นเพราะคำพูดล่าสุดของอีกฝ่ายและก่อนที่ฉันจะรู้สึกตัว ริกกี้ก็กระชากแขนฉันออกจากการจับกุมของหมอนั่นทันที

หวืด!!

“อึก!” ฉันกลั้นหายใจเฮือก หัวใจเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่น ...สถานการณ์มันดูยุ่งเหยิงและสับสนไปหมด ทันใดนั้นเสียงเย้ยหยันก็ดังขึ้น

ริกกี้บีบข้อมือฉันแน่น จ้องศัตรูตรงหน้าด้วยสายตาเลือดเย็น!

“ออกไปซะ ก่อนกูจะหมดความอดทน”

“แค่ยัยเฉิ่มคนเดียว จะหวงทำไมนักหนา ทีผู้หญิงคนอื่นนายมึงยังแชร์กับฮานเลยฮ่าๆ”

เสียงหัวเราะของผู้ชายคนนั้นดังขึ้น ครู่ต่อมาพรรคพวกของเขาก็หัวเราะตามกัน “แต่ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้วว่ะ ปากยัยนั่นนุ่มจนน่า....”

กิ๊ก!

บางอย่างที่ปรากฏขึ้นในมือริกกี้ หยุดผู้ชายคนนั้นที่กำลังจะเดินเข้ามาใกล้ คำพูดชะงักค้างในคอ

หัวใจฉันร่วงไปอยู่ตาตุ่ม เพิ่งเห็นของที่อยู่ในมือริกกี้ชัดๆ ปืนสีดำเมื่อมเล็งไปที่ศัตรูอย่างเลือดเย็น เกิดความเงียบงันไปทั้งบริเวณ ทุกการเคลื่อนไหวหยุดนิ่งเพราะวัตถุอันตรายในมือของริกกี้กระบอกเดียว

รอยยิ้มไม่รู้สึกรู้สาถึงอันตรายผุดขึ้นบนใบหน้าของชายคนเดิม เขาดูไม่ยี่หระต่ออะไรทั้งสิ้นขณะที่ฉันกำลังอกสั่นขวัญแขวนไปหมด

ริกกี้ไม่มีท่าทีว่าล้อเล่นเลยสักนิด นิ้วเรียวยาวกระชับไกปืนแน่น แววตาสีนิลคมกริบเอาจริง “กลับไปซะ กูให้โอกาสมึงขยับแค่ครั้งเดียว!”

“ถ้าไม่ล่ะ”

“หึ!” ริกกี้แค่นเสียงเหยียดในคอคำเดียว นิ้วมือขยับ!

ฉันเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่นะ!

ปัง!!!!!

กระสุนพุ่งออกมาอย่างไม่มีใครสามารถหยุดมันได้ ทุกอย่างยังคงนิ่งเงียบไม่มีใครขยับไปไหน ทุกสายตาจ้องมองมาที่กลางวงล้อมอย่างตื่นตระหนก

ร่างฉันค่อยๆ ทรุดลงเมื่อความเจ็บปวดทะลวงลึกเข้ามาในหัวใจ ก่อนที่ฉันจะล้มลงกระแทกพื้นใครบางคนก็โผเข้ามารับเอาไว้ทัน

...ฉันเจ็บจนไม่อยากลืมตา รู้สึกเหมือนพลังงานค่อยๆ ไหลออกจากร่าง นี่ฉันกำลังจะตายใช่ไหม

เมื่อกี้ฉันตกใจวิ่งเข้าไปขวางทางกระสุนเพื่อปกป้องผู้ชายคนนั้นจนลืมนึกถึงชีวิตตัวเอง โง่แม้แต่วินาทีสุดท้ายจริงๆ

“ยัยบ้า!”

เสียงริกกี้อยู่ใกล้ๆ นี่เอง หรือเขาคือคนที่ประคองฉันอยู่ ฉันปรือตาขึ้นอย่างสงสัยเห็นใบหน้าของเขาเลือนรางก่อนทุกอย่างจะดับวูบ