บทที่ 6
“เป็นไงบ้างล่ะ หนูเหมียว พ่อว่าเขาน่ารัก สวยหวาน แถมทำกับข้าวก็เก่ง ฝีมืออร่อยยิ่งกว่ากุ๊กภัตราคาร หรือโรงแรมห้าดาวอีกนะ ขยันขันแข็งเห็นว่าเปิดร้านขนมอยู่แถวๆ ลาดพร้าว ขายดิบขายดียิ่งกว่าแจกฟรีเสียอีก แกว่าไงล่ะเจ้าชิน”
เอกสิทธิ์เชียร์แบบสุดตัว ขณะที่อชินทำหน้าที่ขับรถอยู่ทำหน้ายิ้มๆ ใจนึกไปถึงอีกคน แทนที่จะเป็นหญิงสาวคนที่บิดากำลังพูดถึง
“ก็ดีครับ”
“ก็ดี ก็ดีนี่มันอะไรวะ ชอบไหม”
เอกสิทธิ์คาดคั้น มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของลูกชาย ที่เห็นไม่ชัดในความสลัว เพราะกว่าพวกเขาจะกลับก็ค่อนข้างดึกแล้ว
“ก็ขอลองคบๆ ดูก่อนนะครับ น้องเหมียวเขาดูนิ่งๆ เงียบๆ ยิ้มลูกเดียวผมเดาไม่ค่อยออก แต่เขาก็สวยดี คนน้องเสียอีกดูจะฤทธิ์มากน่าดู”
“ใช่ หนูแหมวไม่เหมือนพี่สาวเลย แต่ก็น่ารักดี ดูท่าทางจะร้ายใช่ย่อยเลยนะ ดูว่าจะหวงพี่สาวน่าดู ดีนะเนี่ยที่ไอ้วีมันยกหนูเหมียวให้ ถ้าเกิดยกหนูแหมวให้ล่ะก็พ่อว่าแกต้องเหนื่อยแน่”
เอกสิทธิ์หัวเราะ เมื่อนึกถึงหน้าใส ๆ มุ่ย ๆ ของนิชญา ส่วนอชินเขายิ้มที่มุมปาก บางทีการที่ต้อง’เหนื่อย’ ในการได้อะไรมา มันอาจจะทำให้เขาพอใจมาก ๆ ก็ได้ ...
..........
“เฮ้อ...”
เสียงถอนหายใจเสียดัง ทำให้เบญญาภาที่เพิ่งจะหอบแฟ้มเข้ามา ในร้านขนมของนิชญา ที่หน้าร้านแขวนป้ายเล็กๆ ว่า ‘ปิดแล้วค่ะ’ หันมองดูต้นเสียง ซึ่งกำลังนั่งท้าวคาง ทำหน้าเบื่อชีวิต อยู่ตรงโต๊ะทำงานของตนเอง ซึ่งตั้งไว้หลบมุม ตรงบริเวณแคชเชียร์ด้านใน มีคอมพิวเตอร์ขนาดพกพากำลังเปิดทิ้งไว้ พร้อมทั้งเอกสารรายรับรายจ่ายประจำวันตั้งไว้ตรงหน้า แต่ตอนนี้เจ้าตัวไม่มีอารมณ์จะหยิบจับอะไรเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ...” นิชญาถอนหายใจอีกรอบ
“เป็นอะไรนักหนานะไอ้แหมว”
เบญญาภาอดไม่ได้ เดินเข้าไปหาเพื่อนรัก พลางลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ แล้วมองหน้าเบื่อๆ ของนิชญา
“เบื่อ”
“เบื่ออะไรล่ะแก ตอนนี้บ้านแกมีเรื่องตื่นเต้นไม่ใช่เหรอ” นิชญาหันมาค้อนเพื่อน
“ตื่นเต้นอะไรของแก”
“ก็เรื่องคู่หมั้นพี่เหมียวไง เป็นไง หล่อไหม”
เบญญาภาทำหน้าอยากรู้เต็มที่ จนนิชญาต้องใช้นิ้วจิ้มหน้าผากแรงๆ
“แกนี่! เออ.. ฉันก็กลุ้มเรื่องนี้นะแหละ ฉันกำลังสงสัยว่า ว่าที่คู่หมั้นของพี่เหมียวน่ะ เป็นเก้งแน่”
“เป็นเก้ง” เบญญาภาอุทาน พลางทำตาโต
“เป็นเก้ง! เก้ง! อุ๊บ”
ประโยคหลังเงียบไป เพราะนิชญาเอามือปิดปากแน่น จนหล่อนต้องรีบแกะออก ก่อนจะหายใจไม่ออก
”ไอ้แหมว มือแกมันเค็มนะ”
“แล้วแกจะเก้งให้มันเสียงดังทำไม เดี๋ยวพวกในร้านก็ได้ยินหรอก”
“เป็นเก้ง” เบญญาภาลดเสียงลง ให้ได้ยินกันสองคน
“แกจะบ้าหรือไง รู้ได้ไงว่าเขาเป็นเก้ง”
“ก็แกคิดดูสิ อีตาหมอนั่นนะ”
นิชญาเริ่มเล่าถึงข้อสงสัยเรื่องอชินเป็นเกย์ และกำลังปักใจเชื่ออย่างเหลือเกินให้เบญญาภาฟัง
“หน้าตาก็ดี หล่อ แม้จะหมั่นไส้ก็เหอะน่า แต่ก็หล่อนะแก หุ่นก็เท่ บ่ากว้าง ตัวสูง ตาสวย”
เบญญาภาเริ่มจินตนาการภาพ ตามนิชญาบอกเล่าไปทีละอย่าง ที่ยิ่งจินตนาการก็ยิ่งเคลิ้มตาม
“ขนตาดกเชียว จมูกโด่ง ปากก็สวย ผิวสีแทน”
“พอแล้วแก พอแล้ว” เบญญาภารีบโบกมือห้าม ทำเอานิชญาทำหน้างงๆ
“อะไรแก แค่นี้แกก็รู้แล้วเหรอว่าเค้าเป็นเก้ง”
“โอย... ถ้าหน้าตาอย่างที่แกบรรยาย เป็นเก้ง ฉันนี่แหละจะเสียสละเปลี่ยนเก้งให้กลายเป็นกระทิงเปลี่ยว กระทิงหนุ่มดุ อิ อิ” นิชญาตีแขนเพื่อนรักดังเพี้ยะ !
“แกตั้งใจฟังฉันสักหน่อยได้ไหม ไอ้เบญ”
“เอ้า...เอ้า... ตั้งใจฟังก็ตั้งใจฟัง ว่าแต่พ่อยอดชายสุดหล่อ เขาทำอะไรให้แกคิดว่าเขาเป็นเก้งล่ะ”
“ก็แกคิดดู” นิชญาเริ่มร่ายยาวอีกรอบ
”เขาหน้าตาดีขนาดนี้ ทำไมถึงยอมให้พ่อจับหมั้นกับพี่เหมียวง่ายๆ หล่อขนาดนั้นสาวๆ ตามเป็นฝูงแน่ๆ ทำงานก็ดี เขาเป็นถึงกับเจ้าของบริษัทโฆษณาเลยนะ แล้วก็เก่งเพราะสร้างด้วยตัวเอง ถ้าไม่เป็นเก้งหวังแต่งงานกับพี่เหมียว เพื่อจะได้เชิดชูในวงสังคมว่าแมนล่ะก็ จะยอมให้พ่อจับหมั้นง่ายๆ ทำไม”
นิชญารู้รายละเอียดเกี่ยวกับอชินดีขนาดนี้ ก็เพราะผู้เป็นบิดาเล่าให้ฟังอย่างภูมิใจในตัวลูกชายเพื่อน ที่หล่อนนึกขวางว่าทำอย่างกับเป็นลูกชายตัวเอง
“แกพูดมาก็น่าคิดนะไอ้แหมว แต่ว่าแกวิเคราะห์เขาออกแค่เห็นกันครั้งเดียวเนี่ยนะ แกแน่ใจเหรอ?” เบญญาภาถาม นิชญารีบพยักหน้า
“สุดจะแน่ใจ”
“ว่าแต่ชื่ออะไรล่ะแก เผื่อฉันจะรู้จัก วงการโฆษณาส่วนใหญ่ฉันก็รู้จักทั้งนั้นแหละ บางคนรู้สึกลึกถึงไหนต่อไหนเลยด้วย เผื่อจะได้ยืนยันว่าเก้งชัวร์ไหม”
“เขาชื่ออชิน ภัทรพรอนันต์ เจ้าของบริษัท นีโอ นีโออะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้ ได้ยินไม่ถนัด”
“อ๋อ คุณอชิน โอ้ว ว้าว!” เบญญาภาทำตาโต
“ไม่มีทางไอ้แหมว ไม่มีทางเป็นเก้งเด็ดขาด เขาเนื้อหอมจะตาย พวกนางแบบกับดารารุมทึ้งกันอย่างกับอะไรดี โอย...เขาหล่อสุดๆ ฉันเห็นไกลๆ ยังจะเป็นลมตายสามตลบ หล่อกว่าดาราดังๆ บางคนอีก เขาดูแมนมาก ไม่มีทาง ฉันการันตี ไม่มี้...ไม่มีทาง”
“นั่นไหมล่ะ ว่าแล้วว่าถ้าไม่เก้งก็ต้องเจ้าชู้” นิชญาดีดนิ้วเปาะ
“ยิ่งรู้ยิ่งไม่มีทางอยากให้พี่เหมียวแต่งงานด้วย ไอ้เบญแกรู้จักเขาใช่ไหม แล้วรู้จักบรรดาสาว ๆ ของเขาด้วยหรือเปล่า?” หล่อนรีบเกาะแขนเบญญาภา หญิงสาวมองหน้าใสๆ ของเพื่อนรักแล้วย่นคิ้วอย่างสงสัย
“หมดจากข้อหาเก้ง แกก็มีข้อหาต่อไปให้เขาเลยนะนี่ แต่มีแผนอะไรของแกอีกล่ะไอ้แหมว”
“ก็แผนที่จะทำให้พ่อเลิกอยากได้เขามาเป็นคู่หมั้นของพี่เหมียวไง“ นัยน์ตาใสสีน้ำตาลเข้มมีประกายระยับ
“แกต้องร่วมมือกับฉันด้วยไอ้เบญ”
“มันเรื่องอะไรของฉันด้วยล่ะไอ้แหมว ทำงานอย่างเดียวก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว”เบญญาภาว่า นิชญาเลยรีบซบกับบ่าเพื่อนอย่างประจบทันที
“น่านะน่า ช่วยกันหน่อยเถอะไอ้เบญ ถือเสียว่าช่วยพี่เหมียว แกอยากจะให้พี่เหมียวได้คนเจ้าชู้เป็นไฟอย่างนั้น เป็นแฟนหรือไง”
“ฉันไม่ได้ว่าเขาเจ้าชู้เสียหน่อย เพียงแต่ว่าสาวๆ ชอบทอดสะพานให้เขาต่างหาก ฉันไม่เห็นเขาจะควงใครสักคน”
เบญญาภารีบแย้ง แต่นิชญาก็คือนิชญาลองเชื่อเสียอย่าง ไม่มีใครมาเปลี่ยนใจได้ ลองไม่ชอบเสียอย่าง นิชญาต้องจัดการจนถึงที่สุดแหละน่า
“ก็นั่นแหละ พี่เหมียวเงียบๆ ตามหมอนั่นไม่ทัน แล้วแกแน่ใจได้ยังไงว่าเขาไม่เจ้าชู้ นะไอ้เบญ น่า นะ เบญญาภาเพื่อนสุดที่รักของแหมว”
“ลองเรียกเบญญาภาเพื่อนรักขนาดนี้ก็ต้องยอมแกแล้วล่ะ ว่าแต่แกจะให้ฉันทำอะไรว่ามาเลยไอ้แหมว”
นิชญายิ้มหวาน แล้วหอมแก้มนวล ๆ ของเพื่อนรักดังฟอด แล้วเริ่มบอกถึง ‘งาน’ ที่อยากให้เบญญภาช่วยทำ หลังจากบอกไปแล้วเบญญาภาก็นิ่วหน้า
“แกจะเอาอย่างนั้นเลยเหรอไอ้แหมว”
“น่า เอาแบบหลักฐานเจ๋งๆ พ่อฉันเกลียดเรื่องพวกนี้จะตาย รับรองว่าต้องไม่อยากได้หมอนั่นมาเป็นลูกเขยแน่ๆ”
“เอ้า! ตามใจแก” เบญญาภาถอนใจ
“เออ แล้วนี่พี่เหมียวไปไหนล่ะ ไม่เห็นหน้าเลย”
“ไปงานวันเกิดพี่เฟื่อง มารับกันไปก่อนร้านปิดนิดหน่อย”
นิชญาที่เมื่อสบายใจแล้วก็เริ่มมีสมาธิทำงานต่อเริ่มหันหน้าเข้าหาเอกสารและหยิบปากกามาเขียนงาน
“ตายแล้ว!ไอ้แหมว”
เบญญาภาอุทาน นิชญาตกใจจนทำปากกาหล่นลงจากมือ
“อะไรของแกตกใจหมด”
“แกรู้ไหมว่าพี่เหมียวไปบ้านพี่เฟื่องไม่ได้” นิชญาเลิกคิ้วกับท่าทางตื่นๆ ของเพื่อนรัก
“ทำไมจะไปไม่ได้ ถึงพี่เหมียวจะเลิกกับพี่ฟาก แต่พี่เหมียวกับพี่เฟื่องก็เป็นเพื่อนรักกัน แล้วพี่ฟากก็ไปเรียนที่เมืองนอก...”
“พี่ฟากกลับมาแล้ว ฉันเจอตรงแอร์พอร์ตเมื่อวานนี้ จัง ๆ เลย แต่พี่เขาไม่เห็นฉันหรอก ฉันก็ลืมเล่าให้แกฟัง”
“หา!” คราวนี้นิชญาเป็นฝ่ายอุทานเสียงดังบ้าง
“ฉันว่าเรารีบไปรับพี่เหมียวกลับบ้านดีกว่าไหม ฉันสงสารพี่เหมียว”
เบญญาภาว่า นิชญารีบปิดคอมพิวเตอร์วางปากกาและงานในมือ พลางลุกขึ้นและคว้าแขนเบญญาภา ก่อนจะตะโกนบอกพนักงาน ที่กำลังเก็บล้างทำความสะอาดอยู่ข้างล่าง โดยมีเปรมศักดิ์กำลังควบคุมอยู่
“พี่เปรม แหมวกลับก่อนนะคะ ปิดร้านแทนแหมวที วันนี้แหมวมีธุระ ไปกันไอ้เบญ รีบไปกันดีกว่า” นิชญาพาเพื่อนรักเดินแกมวิ่ง ออกจากร้านไปยังที่รถของหล่อนทันที
ขออย่าให้พี่เหมียวเจอเข้ากับพี่ฟากเลย แม้ว่าพี่สาวหล่อนจะทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรแล้วกับอดีตคนรักแล้วก็ตาม แต่ความรักที่บ่มเพาะมาถึง 6 ปี มันลืมไม่ได้ง่ายๆ ชั่วข้ามคืนหรอกน่า ยังไง ๆ ก็ให้พี่เหมียวเจอกับพี่ฟากไม่ได้เด็ดขาด