บทที่ 1
“อะไรนะพ่อ พ่อจะให้พี่เหมียวดูตัว แล้วหมั้นกับลูกชายเพื่อนพ่ออย่างนั้นเหรอ โอ๊ย ! นี่มันพ.ศ.ไหนแล้ว”
เมื่อได้ยินประโยคที่บิดาเอ่ยกับพี่สาวเข้า หญิงสาวร่างเล็กที่กำลังนั่งกินโจ๊กในชามเพลินๆ อยู่ถึงกับลุกขึ้นมาโวยวาย ผู้เป็นบิดาหรี่ตามองลูกสาวคนเล็ก ออกงิ้วแทนพี่สาว ก็อดใจไม่ไหวเอื้อมมือเขกศรีษะเจ้าหล่อนดังโป๊ก !
“ไอ้แหมว พ่อคุยกับพี่เหมียวไม่ได้คุยกับแก แล้วจะมาโวยทำไม พ่อไม่ได้ขอแกสักหน่อย”
แหมว หรือนิชญาคลำศรีษะป้อย พลางค้อนบิดาขวับ แล้วจับมือพี่สาวเขย่าเบาๆ อย่างจะหาพวก
“อย่าไปยอมนะพี่เหมียว มันยุคไหนแล้ว พ่อดูละครหลังข่าวมากไปหรือเปล่าเนี่ย บอกแล้วว่าอย่าดูมากไอ้ซีรีส์นั่นด้วย เห็นไหมเลยฟุ้งซ่านเลย”
นาวีค้อนลูกสาวคนเล็ก ก่อนจะมองหญิงสาวอีกคน ซึ่งละมือจากแอปเปิ้ลในมือชั่วคราว หล่อนเม้มปากนิดหนึ่ง สองพ่อลูกเลิกเถียงกันชั่วคราวเมื่อเห็นว่าคนที่เงียบมาตลอดกำลังจะพูดอะไรออกมา นภัสนันท์เหลือบดวงตากลมโตหวานใส มองหน้าบิดาก่อนจะพยักหน้า
“ได้ค่ะ...พ่อ”
“หา!” น้องสาวอ้าปากหวอ ขณะที่นาวียิ้มอย่างดีใจ พลางลุกขึ้นไปกอดคอลูกสาวคนโตและตบบ่ามนเบาๆ
“ขอบใจมากเหมียว ลูกชายของไอ้เอก หน้าตาหล่อเหลา แถมนิสัยก็ดี เรื่องหล่อพ่อขอการันตี เพราะไอ้เอกมันหล่อเข้มขนาดนั้น เชื้อไม่ทิ้งแถวหรอกน่า แล้วเพื่อนพ่อเขาก็รับประกันลูกชายอย่างดีว่าไม่เหลวไหล นิสัยดีเยี่ยม”
“เพ็ดดีกรีต่อท้ายยาวขนาดนั้นเชียว ฉีดวัคซีนหรือยังล่ะพ่อ”
ประโยคนี้เป็นของลูกสาวคนเล็กที่ยังค้อนประหลับประเหลือกแทนพี่สาว ใบหน้าสวยใสเหมือนเด็กแรกรุ่นของเจ้าตัวงอง้ำ นาวีมองแม่ตัวแสบประจำบ้านตาเขียว
“ไอ้แหมว”
“โอ๊ย! เบื่อพ่อ เบื่อพี่เหมียว ไปที่ร้านดีกว่า แหมวไปก่อนนะ พี่เหมียวไปเองก็แล้วกัน”
นิชญาลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะอาหาร แล้วเดินปึงๆ หนีไปเลย ทิ้งให้นาวีกับนภัสนันท์มองตากัน ก่อนที่นาวีจะบ่นอุบอิบเบาๆ
“ไอ้ลูกจอมแก่นนี่ เถียงคำไม่ตกฟากจริงๆ เอ่อ เหมียวจะว่าอะไรพ่อหรือเปล่า พ่อหวังดีอยากให้เหมียวได้คนดีๆ เอกเองมันก็อยากให้ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝา ลองคบๆ กันก่อนก็ได้ พ่อไม่ว่าหรอกถ้าเหมียวคบเค้าแล้วจะไม่ชอบ พ่อไม่เร่งรัดหรอก ก็ให้ดูๆ กันไปก่อน”
“เหมียวยังไงก็ได้ค่ะพ่อ ถ้าพ่อมีความสุข”
นภัสนันท์พูดเรียบ ๆ ก้มหน้าซ่อนแววตาบางอย่างไว้ หล่อนเริ่มทำงานในมือที่ค้างไว้ต่อ นาวีมองบุตรสาวคนโต แล้วนึกในใจว่า เออ ..เขาทำถูกแล้วหรือเปล่าหนอ ที่ไปตกปากรับคำกับเพื่อนสนิทแบบนั้น
บุตรสาวคนโตของเขา นภัสนันท์นิสัยต่างกับบุตรสาวคนเล็ก นิชญา ลิบลับ นภัสนันท์ เป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย จนบางทีเขาก็เดาอารมณ์ของบุตรสาวคนโตไม่ออก ส่วนนิชญา ใจร้อนเอามากๆ เวลาไม่พอใจมักจะโพล่งออกมาตรงๆ ยังมีอารมณ์เอาชนะคะคานแบบเด็กๆ อยู่มาก ทั้งที่อายุ 24 ปีแล้ว แต่ก็มักจะยังทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต เหมือนหน้าตาบ้องแบ๊วของเจ้าตัว
นิชญามีผิวขาวใส ตัดผมหน้าม้า ซอยสั้นระต้นคอ ตากลมโตใสสีน้ำตาลเข้ม ริมฝีปากอิ่มสีชมพูจัด แบบไม่ต้องพึ่งลิปสติก จมูกโด่งรั้น ที่บิดาลงความเห็นว่ารั้นเหมือนนิสัย หล่อนมีรูปร่างเล็กกะทัดรัด เพราะสูงแค่ 152 เซนติเมตรเท่านั้นเอง ส่วนนภัสนันท์หล่อนสูงกว่าน้องสาวเล็กน้อย ไว้ผมยาวสยายประบ่า นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มไม่โตเท่าน้องสาว จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบางสวย สองพี่น้องมีเค้าเหมือนกันแค่หน้ารูปไข่ นอกนั้นแทบไม่เหมือนกันเพราะ นภัสนันท์เหมือนเขา ส่วนนิชญาละม้ายคล้ายผู้เป็นแม่ที่เสียไปแล้ว แต่ยังไงก็ตาม นภัสนันท์มีนิสัยเป็นผู้ใหญ่กว่าผู้เป็นน้องสาวมาก ทั้งที่อายุห่างกันแค่เพียงสองปีเท่านั้นเอง แต่เขาก็คิดว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจให้บุตรสาวนั้นถูกต้องแล้ว นภัสนันท์เองตอนนี้ก็ไม่มีใคร เพราะเพิ่งจะเลิกกับแฟนเก่า คนอย่างนาวีไม่เคยมองใครผิดหรอกน่า
จะอย่างไรสัญญาก็ต้องเป็นสัญญา นาวีชวนบุตรสาวคนโตพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ ขณะที่ลอบสังเกตอาการของบุตรสาวไปด้วย แต่สิ่งที่เขาได้เห็นคือรอยยิ้มน้อยๆ และจนตอนนี้เขาก็ยังเดาใจนภัสนันท์ไม่ออก ว่าจริงๆ แล้วบุตรสาวจะยอมตอบรับกับการคลุมถุงชนหนนี้จริงๆ ไหม
......................................................................................................................................
“เฮ้อ...”
นิชญาที่กำลังนั่งคิดบัญชีอยู่ ถอนหายใจดังลั่น เมื่อเห็นร่างโปร่งบาง ของพี่สาวเดินเข้ามาในร้านขนมที่ทำร่วมกันเป็นร้านเล็กๆ ตกแต่งไว้อย่างน่ารัก มีบริการคาราโอเกะให้ลูกค้าร้องเพลง กั้นเป็นห้องไว้ข้างในสุดสองห้อง ข้างนอกเป็นโต๊ะญี่ปุ่น มีเบาะนุ่มสีแดงสด ตัดกับสีไม้ของพื้นปาเก้ ไว้สามชุด ร้านของสองพี่น้องเป็นร้านขายขนมเค้ก คุกกี้ โดนัท กาแฟ น้ำผลไม้ปั่น ฝีมือของนภัสนันท์ทำเอง ซึ่งรสชาติดีจนมีลูกค้ามาก ลูกค้ามีตั้งแต่รุ่นเยาว์ที่ชอบเข้ามานั่งในร้าน เพราะร้านของหล่อนตกแต่งไว้น่ารักน่านั่ง ลูกค้าวัยทำงานที่ชื่นชอบในรสชาติของขนม บางวันก็ถึงขั้นทำไม่ทันกันเลยทีเดียว
นิชญาที่ไม่ถนัดด้านงานครัวมากเท่าพี่สาว รับหน้าที่ต้อนรับแขก และทำบัญชี รายได้กำไรหารสอง แต่วันนี้พนักงานต้อนรับของร้านหน้ามุ่ยเอามากๆ ดีที่ว่าร้านยังไม่เปิด ไม่อย่างนั้นลูกค้าเห็นหน้านิชญา คงจะไม่กล้าเข้าร้านแน่ๆ นภัสนันท์เลิกคิ้ว พลางมองน้องสาวที่กำลังใช้ดวงตากลมโตจ้องเป๋งมา ริมฝีปากอิ่มแย้มให้น้องสาว ก่อนจะเดินมานั่งเก้าอี้ที่ติดกับเคาน์เตอร์ แล้วเลิกคิ้วให้กับนิชญาเป็นเชิงถาม
“มีอะไรแหมว”
“พี่เหมียว พี่เหมียวไปยอมพ่อทำไม เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นเข้าท่าเลย”
นิชญาบ่น ละมือจากงานตรงหน้าแล้วเริ่มท้าวเอวอีกรอบ นภัสนันท์เพียงแต่ยิ้มเฉย มองน้องสาวออกฤทธิ์อย่าขำๆ
“เรื่องอะไรกันเหรอ แหมว พี่เหมียว เบญได้ยินเสียงดังลั่นเลย”
หญิงสาวร่างสูงโปร่ง ตัดผมซอยสั้นทรงทันสมัย ทำให้เจ้าตัวดูทะมัดทะแมง หล่อนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงยีนขายาวสีซีด เดินขึ้นมาจากห้องครัวที่อยู่ชั้นล่างของร้าน ทันได้ยินเสียงแหวๆ ของเจ้าของร้านตัวเล็กเข้าพอดี นัยน์ตายาวรีมองสองพี่น้อง ที่ทำท่าเหมือนจะมีเรื่องกัน แล้วใช้มือผลักศรีษะนิชญาเบา ๆ
“แก ไอ้แหมวรังแกอะไรพี่เหมียว”
“เดี๋ยวเถอะ”
นิชญาทำตาขวาง แล้วเงยมองหน้าสวยแบบหมวยอินเตอร์ ปากนิดจมูกหน่อยของเพื่อน ที่ต้องยืดคอ ถึงจะมองสบตากับเบญญาภาได้ถนัด เพราะเพื่อนรักของหล่อนสูงถึง 175 เซนติเมตร เลยทีเดียว