บทที่ 12
“ท่านพ่อก็ทราบด้วยหรือว่าอาจารย์ไม่ชอบอากาศหนาว”
โจวหว่านฉินถามขึ้นลอยๆ ระหว่างกวาดตามองหาข้าวของที่อยากได้ร้าน
“หว่านฉิน เจ้าไปหยิบชาดำหลังร้านมาให้ข้า” ไม่บ่อยนักที่ท่านพ่อจะทำเสียงแข็ง โจวหว่านฉินจึงยอมทำตามแต่โดยดี
“เรื่องเมื่อครู่ข้าเพียงคึกคะนองไปบ้าง ต้องขอโทษท่านอาจารย์เหมยแล้ว”
“หากท่านสำนึกได้ข้าก็ดีใจ อีกอย่างข้ายังเด็กกว่าท่านมาก เรียกว่าซืออิงตามเดิมเถิด ส่วนเสื้อคลุมตัวนี้ ข้าขอคืนให้ท่าน”
ในเมื่อนางยืนยันว่าเตาอุ่นมือนั้นเพียงพอแล้ว เฉินซัวเหยียนจึงไม่ตอแยอันใดอีก
“ท่านพ่อ ข้าหาชาดำไม่เจอ”
“คงอยู่ที่บ้านกระมัง เจ้าพาอาจารย์กลับไปพักผ่อนเถิด ข้าปิดร้านแล้วจะรีบตามไป”
โจวหว่านฉินรีบพาอาจารย์หญิงคนโปรดกลับบ้านทันที ระหว่างทางก็เอ่ยเรื่องไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย
“ท่านพ่อได้ทำอันใดให้อาจารย์ไม่พอใจหรือไม่”
“ทำไมเจ้าถามเช่นนั้น”
“ก็ข้าเห็นสีหน้าของอาจารย์ไม่เหมือนเดิม เลยเดาว่าอาจารย์คงจะได้ยินท่านพ่อพูดจาหว่านเสน่ห์กับหญิงคณิกาพวกนั้น แรกๆ ข้าก็มิเข้าใจ โกรธเคืองไม่พูดด้วยเสียหลายวัน แต่พอโตมาหน่อยจึงเข้าใจว่าที่ท่านพ่อทำ นั่นคือกลวิธีการขายสินค้าอย่างหนึ่ง”
“คุณชายจะกระทำเช่นใดล้วนไม่เกี่ยวกับอาจารย์ อาจารย์มาที่นี่ก็เพื่อดูแลหว่านฉินคนเดียวเท่านั้น”
ตั้งแต่เกิดมา โจวหว่านฉินมิเคยได้ยินสตรีใดพูดจาไพเราะน่าฟังเช่นนี้มาก่อน ก็ให้รู้สึกประทับใจและสัญญากับตนเองว่าทำให้ได้เช่นนาง
ผู้เป็นอาจารย์ยอมแวะร้านบะหมี่ชื่อดังก่อนกลับบ้านทั้งที่ใจอยากจะพักผ่อนเสียเต็มแก่ แต่เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นางจึงยอมตามใจคุณหนูสกุลโจวเป็นเรื่องสุดท้ายของวัน
กว่าจะกลับถึงบ้านตะวันก็ตกดินเสียแล้ว...
“หว่านฉิน เจ้าลืมข้อตกลงของเราแล้วหรือ”
เฉินซัวเหยียนมาถึงบ้านได้สักพักแล้ว หลังจากกินข้าวอาบน้ำก็มานั่งรอบุตรสาวไม่รักดี
“หว่านฉินกลับบ้านหลังตะวันตกดิน หว่านฉินผิดไปแล้ว”
ร้อยวันพันปีมิเคยเห็นบุตรสาวเอ่ยถ้อยคำไพเราะน่าฟัง จากที่ตั้งใจว่าจะดุด่าจึงทำได้เพียงโบกมือไล่ไปให้พ้นทาง และนั่นนับว่าตรงกับความต้องการของนางพอดี
“พ่อค้าสกุลเหอนำของมาส่งให้กับเจ้าเมื่อครู่นี้ ข้าเลยถือวิสาสะรับเอาไว้ให้” เจ้าของบ้านพยักพเยิดไปทางหนึ่ง ปรากฏว่ามีห่อกระดาษจำนวนสี่ห่อ
“รบกวนคุณชายแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีการเข้าใจผิด ข้าซื้อเสื้อคลุมกันหนาวแค่เพียงสามตัวเท่านั้น” หลิวซืออิงแกะห่อที่ใหญ่ที่สุด และก็เป็นดั่งคาดว่านั่นคือเสื้อคลุมกันหนาวราคาแพง
“ตัวนี้ข้าไม่ได้สั่ง ราคาของมันแพงจนเกินไป เอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะนำไปคืนพ่อค้าเหอด้วยตนเอง”
หลิวซืออิงอธิบายว่านางผิดเองที่ไม่รู้จักเก็บความรู้สึกเมื่อเจอของที่ชอบ และพ่อค้าเหอคงนึกสงสารจึงมอบให้โดยไม่คิดเงิน
“เขาตั้งใจจะเกี้ยวพาราสีเจ้า หาได้นึกสงสารอันใดไม่ ว่าแต่ เจ้าชอบเสื้อคลุมตัวนี้จริงหรือ”
“ชอบ ไม่ได้แปลว่าจำเป็นจะต้องได้ครอบครอง” ประโยคที่นางเอ่ยทำให้หัวใจของเฉินซัวเหยียนต้องปวดร้าวอีกครั้ง
มารดาของเขาเอ่ยเตือนเช่นนี้บ่อยจนน่ารำคาญ
ทว่าเขาก็อยากที่จะได้ยินมันอีกสักครั้ง
“วันนี้ข้าทำให้เจ้าตกใจ ให้ถือว่าเสื้อคลุมตัวนี้คือของปลอบขวัญก็แล้วกัน” เฉินซัวเหยียนมิยอมฟังคำของนางอีก สั่งให้บ่าวไพร่ขนของเข้าห้องนอนของท่านอาจารย์เหมยเสีย
สีหน้าของคุณชายบอกชัดว่าไม่ต้องการได้ยินคำปฏิเสธ หลิวซืออิงจึงทำได้เพียงขอบคุณและขอตัวตามมารยาท นางไม่เข้าใจว่าแค่เดินมาเบียดกันจนเกือบจะหกล้ม จะต้องถึงกับซื้อของราคาแพงแทนคำขอโทษด้วยหรือ
หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว อาจารย์หญิงจากสำนักศึกษาชงหยวนก็หมายใจว่าจะเข้านอน ทว่ากลับมีเสียงเคาะเรียกเบาๆ จากหน้าประตูห้องเสียก่อน
“คุณชายมีอะไรหรือ” ซืออิงถามไปเช่นนั้นเอง ด้วยในมือของเฉินซัวเหยียนกลับประคองสิ่งหนึ่งเข้ามาด้วย
“ก่อนนอนเจ้าควรดื่มชามะลิสักหน่อย จะได้รู้สึกอุ่นสบาย”
“ลำบากคุณชายแล้ว”
“พรุ่งนี้เช้าข้าจะให้บ่าวนำชาดำพร้อมกับน้ำตาลดำและขิงมาให้เจ้า ผสมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างล้วนดีต่อคนธาตุเย็น ช่วยบรรเทาอาการเย็นทั้งที่มือและเท้าได้ดี”
“รบกวนคุณชายมากเกินไปแล้ว”
“ซืออิง รักษาสุขภาพด้วย”
เฉินซัวเหยียนออกจากห้องไปเสียตั้งนานแล้ว ทว่าใจของนางกลับยังไม่สงบ อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ หรือว่านางจะแสดงอาการที่ไม่เหมาะสมออกไประหว่างที่วิญญาณหลุดออกจากร่าง
ฮูหยินเฉินเรียกอาการนิ่งเฉยไม่พูดไม่จาว่านั่นคืออาการวิญญาณออกจากร่าง ทั้งที่ความจริงแล้วนางเพียงแค่เกิดความกลัวจนจำอะไรไม่ได้ไปชั่วขณะเท่านั้น
เมื่อความประหลาดใจกับการปรากฏตัวของเจ้าบ้านจางหาย หลิวซืออิงก็สำนึกได้ว่าตนมิได้กล่าวขอบคุณคุณชายเฉินซัวเหยียน แต่ในเมื่อเวลานี้คือยามวิกาล มิใช่เวลาที่ควรจะออกจากห้อง นางจึงต้องเก็บคำพูดเอาไว้เอ่ยในวันพรุ่งนี้แทน
หลิวซืออิงจิบชาอีกถ้วยหนึ่งก่อนจะล้มตัวลงนอน พยายามจะคิดแผนแทรกซึมนำความคิดถึงบ้านเข้าสู่หัวใจของเฉินซัวเหยียน ทว่าถึงหมอนได้ไม่นาน นางกลับหลับสนิทจนถึงเข้า
เพราะชามะลิแท้ๆ !
