บทที่ 1
บทที่ 1
18:00 นาฬิกาของทุกวัน ร่างโปรงบางของหญิงสาวซึ่งเป็นนักโบราณคดี ทำงานอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ได้หอบแฟ้มเอกสารปึกใหญ่ออกจากห้องทำงานหลังจากหมดเวลาทำงานของเธอแล้ว และเป้าหมายที่นักโบราณคดีสาวเช่น ‘ญาดาริน’ จะเดินทางไปหาหลังจากเลิกงานแล้วก็คือคอนโดของชาวอาหรับคนหนึ่ง ซึ่งแต่งงานกับหญิงสาวชาวไทยและอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เกือบห้าปีแล้ว
แม้ต้องใช้เวลานั่งอยู่บนรถเมล์เกือบหนึ่งชั่วโมง เพื่อฝ่าฝันการจราจรอันแสนติดขัด แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน แต่ญาดารินก็รู้สึกมีพลังและมีแรงฮึดให้เธอต่อสู้กับอุปสรรค เพื่อเดินทางมายังคอนโดของมิสเตอร์อาบู ซึ่งรับจ้างสอนภาษาอาหรับให้กับเธอเป็นการส่วนตัว
ญาดารินเคาะประตูห้องพักของมิสเตอร์อาบู และไม่ต้องยืนรอนาน ปิยพรซึ่งเป็นภรรยาของอาบูก็ได้เปิดประตู ให้ พร้อมกับยิ้มแย้มเอ่ยทักทายเหมือนเช่นทุกวัน
“สวัสดีค่ะ น้องญาดา เชิญข้างในเลยค่ะ” ปิยพรผู้เป็นเจ้าของห้องทักทายด้วยรอยยิ้มขณะผายมือเชิญให้ญาดารินได้เดินเข้ามาข้างในห้อง
“สวัสดีค่ะ พี่พร”
ญาดารินยิ้มหวานกลับคืน เดินเข้ามาในห้องพักแสนสบายของปิยพรด้วยความคุ้นเคย เพราะเธอมาเรียนภาษาอาหรับกับสามีของปิยพรเป็นเวลาร่วมครึ่งปีแล้ว
“น้องญาดารอสักครู่นะคะ พอดีอาบูติดคุยโทรศัพท์กับคุณพ่อของเขา คงอีกไม่กี่นาทีก็วางสายแล้วค่ะ” ปิยพรเอ่ยบอกด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะพี่พร ญาดารอได้ค่ะ ให้คุณอาบูคุยโทรศัพท์ได้ตามสบายเลยค่ะ”
ญาดารินเอ่ยบอกพร้อมด้วยรอยยิ้ม และไม่ลืมเอ่ยขอบคุณ เมื่ออีกฝ่ายได้นำชาร้อนๆ กลิ่นหอมกรุ่นเสิร์ฟคู่กับขนมปังมาให้เธอได้กินรองท้องก่อนจะเริ่มบทเรียนภาษาอาหรับในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“ตามสบายนะคะน้องญาดา พี่ขอไปทำอาหารก่อน”
“ค่ะ พี่พร”
ญาดารินยกชาหอมกรุ่นขึ้นมาจิบให้ชื่นใจและกินขนมปังรสชาติเยี่ยม ซึ่งปิยพรทำขนมปังได้หอมอร่อยนุ่มลิ้นมาก หญิงสาวกินขนมปังเกือบหมดชิ้น ก็เห็นอาบูเดินออกมาจากห้องทำงานของเขา และทันทีที่เห็นหน้าลูกศิษย์สาวที่นั่งรออยู่นานเกือบสิบนาทีแล้ว อาบูก็รีบเอ่ยขอโทษในทันที
“ผมต้องขอโทษด้วยครับที่มาสอนคุณช้า ผมติดคุยธุระกับคุณพ่อนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณอาบู วันนี้เป็นคอร์สวันสุดท้ายของญาดาแล้ว ญาดาไม่รีบค่ะ”
“จริงด้วยครับ” อาบูรับคำ และก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมนักเรียนหัวดีของตน “รู้ไหมครับว่า ตอนนี้คุณสามารถคุยกับผมด้วยภาษาอาหรับโดยไม่มีติดขัดเหมือนแต่ก่อนแล้ว คุณเรียนรู้ภาษาอาหรับได้ไวมากครับ”
ในยามที่สนทนากับปิยพร ญาดารินพูดคุยด้วยภาษาไทย แต่เมื่อสนทนากับอาบู หญิงสาวได้สนทนาด้วยภาษาอาหรับ ซึ่งหญิงสาวดีใจและภูมิใจที่ตนเองสามารถเรียนอ่านและสื่อสารกับเขาได้ดีและได้รับคำชมด้วย
“เพราะได้คุณอาบูช่วยสอนให้ในทุกๆ วัน ญาดาจึงสามารถฟังและพูดภาษาอาหรับได้ค่ะ”
“ผมยอมคุณจริงๆ นะคุณญาดา แค่จะไปเที่ยวประเทศจอร์แดนสองสัปดาห์ แต่คุณกลับยอมเสียเงินหลักหมื่นเพื่อเรียนภาษาอาหรับ ทั้งๆ ที่ชาวจอร์แดนสามารถสื่อสารและพูดภาษาอังกฤษได้ดีไม่แพ้เจ้าของภาษา”
ญาดารินอมยิ้มยอมรับในคำพูดของอาบู ตามที่ค้นคว้าหาข้อมูลมา หญิงสาวรู้ว่าชาวจอร์แดนสามารถพูดสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี แต่เธอก็ยังอยากเรียนรู้ภาษาอาหรับ เพราะเธออยากเจาะลึกเข้าถึงกลุ่มคนที่เป็นชนเผ่าเร่ร่อนที่เรียกว่าชาวเบดูอิน ซึ่งชนเผ่าเหล่านี้จะอาศัยอยู่ในประเทศจอร์แดน และอีกหลายๆ ประเทศในแถบตะวันออกกลาง แน่นอนว่าชาวเบดูอินหลายคนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ก็มีอีกหลายร้อยคนที่พูดได้แค่ภาษาอาหรับ ซึ่งด้วยนิสัยชอบเรียนรู้ อยากรู้วิถีชีวิตของชนเผ่าเบดูอิน และอยากรู้วิถีชีวิตของชาวจอร์แดนแบบเจาะลึก หญิงสาวจึงลงทุนเรียนพูดและอ่านภาษาอาหรับ เพื่อเตรียมความพร้อมในการไปเที่ยวยังดินแดนตะวันออกกลาง
“ญาดาอยากพูดภาษาอาหรับกับชาวเบดูอินและชาวจอร์แดนนะคะ ญาดาคิดว่าน่าจะเป็นการดีมากถ้าหากเราสามารถพูดภาษาถิ่นได้ด้วย ญาดาจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวจอร์แดนแบบลึกซึ้งค่ะ”
“สมแล้วที่คุณเป็นนักโบราณคดี” อาบูเอ่ยชมอีกครั้ง พลางบอกต่อว่า “วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คุณจะเรียนภาษาอาหรับกับผม ผมคงไม่ต้องสอนภาษาให้กับคุณแล้ว แต่ผมจะแนะนำเกี่ยวกับนิสัยใจคอและวัฒนธรรมของชาวจอร์แดน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการไปเที่ยวประเทศของผม เหลือเวลาอีกแค่ห้าวัน คุณก็เดินทางแล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ อีกห้าวันญาดาก็จะได้ไปเยือนดินแดนฟ้าจรดทราย ที่มีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกรอให้ญาดาไปเที่ยวชมค่ะ”
ญาดารินรับคำพร้อมด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคู่สวยเป็นประกายในทุกครั้งที่ได้พูดถึงประเทศจอร์แดน ดินแดนที่ใครๆ ก็เรียกว่าดินแดนแห่งฟ้าจรดทรายอันสวยงาม
“ถ้ายังงั้นเชิญที่ห้องทำงานของผมเลยครับ”
“ค่ะคุณอาบู” ญาดารินก้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานของอาบูตามที่อีกฝ่ายผายมือเชิญด้วยกริยาสุภาพ