ตอนที่ 10 รอยรักที่เธอฝากไว้
ปันนาชะเง้อมองหาเพื่อนในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะเมื่อคืนเกิดเรื่องมากมายจนเธอกับเพื่อนไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำ ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้างตอนนั้นพอพี่สาวของเพื่อนมาถึง เรื่องราวก็วุ่นวายผู้คนพากันแตกหือออกนอกร้านรวมถึงกลุ่มเพื่อนด้วย หนีกลับกันหมดเพราะความหวาดกลัว
ทันทีที่เห็นเพื่อนกำลังเดินหอบหนังสือเข้ามา ปันนารีบเดินเข้าหาโอบกอดไว้แน่นจนเพื่อนตระหนก เรื่องเมื่อคืนทำให้เธอไม่สบายใจ น้ำตาพาลไหลออกมาไม่หยุด ผิดเองที่ชักชวนกรกาญจ์ไปด้วยทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตจนเพื่อนเกือบเอาตัวไม่รอด โชคดีที่พี่สาวมากรกาญจ์มาช่วยไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ยังไม่รู้
“ขอโทษนะกุ้ง เราผิดเอง เราไม่น่าชวนกุ้งไปเลย”ปันนาสะอื้นไม่หยุด
“ไม่เป็นไรอย่าร้องได้ไหมยัยปัน ฉันจะร้องตามแล้วนะ”สุดท้ายแล้วสองสาวเลยพากันร้องไห้ในซุ้มคณะ
เตชิษฏ์ก้าวเข้ามาในซุ้มคณะจ้องมองสองสาวกอดกันร้องไห้ด้วยความงุนงง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ อยากรู้แต่ไม่มีความกล้าในการถามไถ่ ปาณิศาเดินผ่านจังหวะเห็นหนุ่มที่ตนหมายปองหัวใจเลยพองโตสาวเท้าเข้ามาใกล้ระบายยิ้มอย่างยินดี
“เตกำลังทำอะไรเหรอ?”ปานิศาไม่ถามเปล่าถือวิสาสะเกาะแขนชายหนุ่มไว้แน่น
คนถูกเกาะรีบแกะมือออก ก้าวออกห่างอย่างระแวดระวัง ปาณิศามักตีสนิทกับเขาจนเกินควร ไม่อยากให้นักศึกษาหรือเพื่อนในคณะคนอื่นคิดเกินเลยจะกลายเป็นขี้ปากว่าเขากับปาณิศาคบหากัน อีกอย่าง... ไม่อยากให้ผู้หญิงที่เขาชอบเข้าใจผิดในเรื่องนี้ด้วย
“ปา เตไปเรียนก่อนนะ”ชายหนุ่มตัดบทแล้วเดินเลี่ยงหายไป
ปาณิศาเม้มริมฝีปากไม่พอใจหันกายคิดก้าวออกมาจากบริเวณนั้น พลันสายตาเห็นนักศึกษาสองคนกำลังกอดกันร้องไห้ เธอไม่ได้สนใจอะไรหรอกเพียงแต่หนึ่งในนั้นดันมีดาวมหาลัยอย่างกรกาญจ์ด้วยนี่สิ คิ้วขมวดความสงสัยเริ่มทักทาย เมื่อครู่เตชิษฏ์ยืนทำอะไรตรงนี้กันแน่
ดารณีสาวเท้าอยู่นอกรั้วบ้านหลังกลับจากตลาดเพื่อซื้อกับข้าวไว้ให้บุตรสาวสองคน มองเห็นหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังนั่งกุมท้องสีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดอยู่เยื้องหน้าบ้าน แม้ผู้คนจะผ่านไปมาแต่ไม่มีใครสนใจให้ความช่วยเหลือเลยสักคน เธอรีบเข้าประคองด้วยความกังวล
“คุณ! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวฉันจะเรียกรถพยาบาลให้นะคะ”ดารณีบอกแล้วรีบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลให้กับหนุ่มใหญ่แปลกหน้าทันที
เพียงไม่นานรถพยาบาลก็แล่นเข้ามารับหนุ่มใหญ่ ดารณีต้องตามเขาไปเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครเธอจำต้องไปเซ็นเอกสาร สิ่งที่เธอทำเป็นเพราะเธอเห็นแก่เพื่อนมนุษย์เท่านั้น
“เขาเป็นอะไรเหรอคะคุณหมอ?”
“ไส้ติ่งอักเสบครับ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วละครับ”หมอตอบคำถาม
หมอที่ทำการผ่าตัดให้กับชายแปลกหน้าเดินออกมา ดารณีเหลือบมองไปกลับเห็นหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมคาย คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็น สันดวงตาเรียวและคม ผิวขาวภายในชุดสูทแบรนด์เนมราคาแพง เธอนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมแต่หนุ่มคนนั้นกลับเดินมาหาเธอ
“คุณพาพ่อผมมาส่งใช่ไหมครับ?”เขาถาม
ดารณีชะงักด้วยมองด้วยความแปลกใจ เธอไม่รู้จักเขามาก่อน แล้วพ่อของเขาคือใครกันล่ะ หรือว่าจะเป็นผู้ชายคนนั้น
“ผู้ชายที่หมอวินิจฉัยว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบน่ะครับ”เขาไขความสงสัย
“อ๋อ ใช่ค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับ”เขาบอก
ดารณีลอบพิจารณาใบหน้า และท่าทาง ชายคนนี้ดูสุภาพ หน้าตาดี การงานคงจะมั่นคงไม่น้อย เธอขยับกายลุกยืนในเมื่อบุตรชายของเขามาก็คงหมดหน้าที่ของเธอแล้ว
“ป้าขอตัวกลับก่อนนะพ่อหนุ่ม ป้ามีเรื่องต้องไปทำ”ดารณีบอก
ตินสูรณ์รีบควักนามบัตรให้เธอแล้วกล่าวขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้อีกครั้ง ร่างสูงรีบเดินเข้าไปในห้องพักฟื้นของบิดาหลังจากทางโรงพยาบาลจัดการห้องวีไอพีไว้ให้ เปิดประตูก้าวเข้าห้องเห็นบิดาตื่นอยู่แล้ว
“เป็นไงบ้างครับพ่อ?”ตินสูรณ์เอ่ยถามทันที
“เจ็บนิดหน่อย แล้วเจ้าเตละ”
“ผมโทรไปบอกแล้วละครับ เดี๋ยวก็คงมา”
“แล้วผู้หญิงคนที่ช่วยพ่อละไปไหนแล้ว?”ตรัยคุณถามบุตรชาย กวาดตามองรอบห้อง
“เธอกลับไปแล้วครับ แต่ผมให้นามบัตรไว้มีอะไรคงติดต่อเรามาเอง”ตินสูรณ์ตอบเสียงเรียบ
ตรัยคุณรู้สึกถูกชะตาผู้หญิงคนนั้นไม่น้อย เธอเป็นคนเดียวที่เข้าช่วยเหลือเขาเพียงเพราะเขาต้องการไปเยี่ยมภรรยาที่ตายจากไปเท่านั้น เลยทำให้เขาไปที่วัดเพียงคนเดียวไม่ได้เอาบอดี้การ์ดไปด้วย ใครจะรู้ว่าอาการปวดท้องมันจะกำเริบแทนที่จะมีใครช่วยกลับมองว่าเขาแปลกแล้วเดินผ่านไป หากเธอไม่ผ่านมาเขาคงต้องทรมานอยู่ตรงนั้นอีกนานแน่
บทสนทนาของพ่อลูกยังคงดำเนิน จนกระทั่งมือถือของตินสูรณ์ดังขึ้นเจ้าของเครื่องล้วงกระเป๋าสูทหยิบออกมา มองเบอร์หน้าจอแล้วกดรับสาย
“อะไรนะ!”เสียงเข้มกดต่ำดุดัน แววตาเริ่มแข็งกร้าว “ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ถ้าหากกำหนดฉายไม่ทันผมจะฟ้องพวกคุณก็แค่นั้นเอง!”เขากดตัดสายทันที นึกโมโหนางแบบที่บังอาจเบี้ยวงานค่าตัวก็อย่างงาม ยังหนีไปไม่บอกกล่าวใคร
“เรื่องงานมีอะไรเหรอติน”ตรัยคุณถาม เห็นสีหน้าบุตรชายไม่สู้ดี
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปจัดการเรื่องงานก่อนนะครับพ่อ”
“ได้สิ ไปเถอะ”
ร่างสูงลุกยืนเปิดประตูออกจากห้อง คนเป็นพ่อถอนหายใจแววตาหม่นลง ยิ่งนานบุตรชายยิ่งมีหน้าที่การงานรัดตัวเสียจนหลงลืมพ่อแก่ๆ เช่นเขาไปเสียแล้ว