6.เผชิญหน้า
EP06.เผชิญหน้า
11.40 น.
@ห้องอาหาร
“สวัสดีค่ะคุณปกรณ์” ไผ่หลิวเอ่ยทักทายปกรณ์ดังเช่นทุกวัน
“สวัสดีครับคุณไผ่” ปกรณ์ตอบรับน้ำเสียงเรียบนิ่ง ในขณะที่สายตากำลังมองหาใครบางคน
“ลงมาสั่งอาหารเที่ยงให้คุณมาร์ตินเหรอคะ”
“เปล่าครับ ผมมาหาเด็กฝึกงานที่ชื่อลิษาครับ”
“คะ? อ๋อ นั่นไงคะเดินมาพอดี คุณปกรณ์มีปัญหาอะไรกับลิษาหรือเปล่าคะ ถามไผ่ได้นะคะ” เพราะไผ่หลิวถือเป็นหัวหน้างานของลิษาอีกที เธอถึงได้อยากออกโรงปกป้องกลัวเด็กฝึกงานจะมีปัญหา
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากจะคุยเรื่องเอกสารสมัครงานของเธอน่ะ ขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
ร่างสูงของปกรณ์รีบสาวเท้ายาวๆไปหาลิษาที่กำลังเดินอยู่บริเวณหน้าห้องอาหารทันที หญิงสาวได้แต่กระพริบตาปริบๆเมื่อเห็นว่าปกรณ์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
“เธอคือลิษาใช่ไหม มากับผมหน่อย”
“เอ่อ ค่ะ”
แม้เธอจะไม่รู้เรื่องอะไร แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม หญิงสาวทำได้เพียงเดินตามร่างสูงสวมแว่นของปกรณ์ไปอย่างเงียบเชียบ จนกระทั่งเมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟท์ร่างเล็กที่ทนความสงสัยไม่ไหว จึงตัดสินใจเอ่ยถามคนข้างๆออกไปด้วยความอยากรู้
“เอ่อ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะคุณปกรณ์ ทำไมจู่ๆถึงได้มาตามตัวลิษา” เธอเอ่ยถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะภายนอกปกรณ์ค่อนข้างดูเป็นผู้ชายนิ่งขรึม
“ผมไม่มีครับ แต่คุณมาร์ตินน่าจะมีปัญหากับคุณลิษานะ”
หญิงสาวหน้าชาวาบ หัวใจกระตุกวูบ เมื่อได้ยินชื่อของผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ทำให้เธอนอนจับไข้ทั้งคืน แถมตอนนี้ก็ยังรู้สึกเจ็บตรงกลางระหว่างขาอยู่ วันนี้ทั้งวัน ลิษาใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เธอไม่อยากเอาเปรียบคนอื่นจึงพยายามเดินให้เป๋นปกติที่สุด ถึงแม้จะยังคงเจ็บปวดตรงน้้นอยู่บ้างก็ตาม
“……” ร่างบางเงียบไปพักใหญ่ เธอกำลังคิดไม่ตก ไม่รู้ว่าเขาเรียกเธอไปทำไม ดูเหมือนว่าเรื่องเมื่อวานมันจะไม่จบง่ายๆเหมือนที่เธอคิด
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงอะไร”ปกรณ์เอ่ยปลอบหลังจากสังเกตุเห็นสีหน้ากังวลของคนข้างๆ
“ค่ะ” เธอตอบรับเพียงเท่านั้น เพียงไม่กี่นาทีทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าห้องทำงานของมาร์ติน
“เชิญคุณเข้าไปได้เลยครับ เจ้านายรออยู่ด้านใน”
“แล้วคุณปกรณ์ไม่เข้าไปด้วยกันเหรอคะ” เธอรีบหันไปถามปกรณ์ที่ทำท่าจะเดินออกไปอีกทาง
ลิษาเริ่มทำตัวไม่ถูก เธอรู้สึกเหมือนถูกสวรรค์กลั่นแกล้ง เธอไม่อยากเข้าไปพบผู้ชายคนนั้นสองต่อสอง หญิงสาวไม่รู้ว่าควรทำหน้ายังไงต่อหน้าเขา เพราะเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น เธอยังทำใจยอมรับมันไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอเสียตัวให้เขาเพราะความเข้าใจผิดของเขานะ จะให้ทำใจยอมรับได้ง่ายๆมันก็ไม่ใช่
“ไม่ครับ ผมต้องไปเคลียร์งานต่อ โชคดีนะครับ”ปกรณ์หันมามาบอกน้ำเสียงเอาใจช่วย ก่แนที่เขาจะสาวเท้าเดินออกไปอีกทาง
ลิษาได้แต่ยืนหัวใจเต้นรัวอยู่หน้าห้องทำงานของเจ้าของเกาะ เธอรู้สึกประหม่าขึ้นมาอีกแล้ว เพียงแค่ได้คิดว่าต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับเขา หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ต่อให้อะไรจะเกิดมันเกิดเกิดสินะ เธอจะขอให้เขาลืมเรื่องราวเลวร้ายเมื่อวานไปเสียให้หมด ต่อจากนี้เธอกับเขาจะได้ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรที่ต้องมาเจอหน้ากันอีก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เมื่อทำความเข้าใจกับตัวเองได้ในระดับนึง มือบางจึงเอื้อมไปเคาะประตูเพื่อขออนุญาตคนด้านใน
“เชิญ”
แอดด……
“สวัสดีค่ะคุณมาร์ติน เรียกลิษามาพบมีธุระอะไรเหรอคะ” หญิงสาวไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปด้านใน ก่อนจะเอ่ยถามเขาออกมาอย่างรวดเร็ว
เธอไม่อยากอยู่ในนี้นาน มันน่าอึดอัด มาร์ตินค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกตื่นเต้นปนดีใจอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุด….เขาก็ได้มีโอกาสคุยกับเธออย่างจริงจังเสียที
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงตีสีหน้าเงียบขรึมเอาไว้ก่อน พยายามสร้างมาดเจ้านายต่อหน้าเธอเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้ง่ายแก่การเจรจา
“นั่งรอก่อน ฉันกำลังอ่านเอกสารอยู่” เขาไม่พูดเปล่าแถมยังก้มลงไปสนใจเอกสารตรงหน้าตามเดิม
ลิษาไม่ตอบกลับอะไร เธอยอมเดินไปนั่งรอที่โซฟากลางห้องอย่างว่าง่าย เพราะไม่อยากมีปัญหาอะไรกับเขาเพิ่มเติม เพียงแค่เรื่องผิดพลาดเมื่อวานก็ทำให้เธอรู้สึกใช้ชีวิตลำบากขึ้นมามากพอแล้ว
สิบนาทีผ่านไป….
หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะขุ่นมัว ดูเหมือนอีกคนไม่มีท่าทีว่าจะละสายตาออกจากเอกสารของเขาเลย ลิษาเริ่มร้อนรนใจเพราะตอนนี้เธอกำลังอยู่ในเวลางาน หากหายไปนานคนอื่นๆอาจจะคิดว่าเธอกำลังเอาเปรียบอยู่ก็เป็นได้
“เอ่อ คุณมาร์ตินคะ ไม่ทราบว่าจะให้ษารออีกนานไหมคะ คือตอนนี้ษากำลังอยู่ในเวลางาน”
“……” เขาเลือกที่จะไม่ตอบ แต่กลับเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วต่อสายไปยังห้องอาหารด้านล่างทันที
หญิงสาวได้แต่มองตามการกระทำของเขาอย่างงงๆ ถึงจะไม่รู้ว่าเขากำลังโทรหาใครก็เถอะ แต่เธอก็ไม่กล้าเอ่ยถามหรอก
“คุณไผ่ ผมมีงานให้ลิษาช่วยทำ ผมขอเวลาสักสองชั่วโมงนะครับ คุณคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
มาร์ตินจงใจเอ่ยบอกปลายสายเสียงดัง ลิษาทำโตขึ้นมาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วเข้าหากัน เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ให้เธอนั่งรอเป็นสิบนาทีแถมยังขอตัวเธอไว้อีกสองชั่วโมงงั้นเหรอ
“ครับ ฝากทำอาหารเที่ยงมาให้สำหรับสองที่ด้วยนะครับ” เขาสั่งเสร็จก็วางโทรศัพท์ลงไปบนโต๊ะทำงาน
“คุณมาร์ตินจะให้ษาช่วยทำอะไรคะ” เธอทำใจกล้าเอ่ยถามออกไป
“จะเที่ยงแล้ว กินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
“คะ?” หญิงสาวยิ่งงุนงงไปกันใหญ่ เมื่อจู่ๆเขาก็สั่งให้เธอทานข้าวเป็นเพื่อน
ใบหน้าของเธอบัดนี้มีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด เธอนึกว่าเขาจะเรียกมาเพื่อสอบถามเรื่องเมื่อวานเสียอีก หญิงสาวรู้สึกประหม่าลดลงไปหน่อยนึงเมื่ออีกคนทำท่าเหมือนจะลืมเรื่องนั้นไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาถึงต้องสั่งให้เธอทานข้าวเป็นเพื่อนด้วย
“เธอกินข้าวแล้วเหรอ”
“ยะยังค่ะ”
“ดี งั้นก็รอ” มาร์ตินยังคงทำตัวนิ่งเฉยเหมือนเดิม ทั้งๆที่ในใจกลับตรงกันข้าม ตอนนี้เขาเพียงอยากถ่วงเวลาให้นานที่สุด เขาอยากอยู่กับเธอนานๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เพียงแค่ได้เจอหน้าลิษาหัวใจของเขาก็เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก รวมถึงรู้สึกดีใจที่ไม่โดนเมินเหมือนเมื่อเช้า
สิบห้านาทีผ่านไป….
อาหารมากมายถูกยกมาส่ง ลิษาช่วยปกรณ์จัดโต๊ะอาหารกลางวันอยู่เกือบห้านาที เข้ามาเพียงครู่เดียวร่างสูงใส่แว่นของปกรณ์ก็เดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้เธอต้องตกอยู่ในห้องอันเงียบเชียบกับมาร์ตินสองต่อสองอีกครั้ง
“มากินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานตรงดิ่งมานั่งลงยังโต๊ะอาหารที่มีร่างบางยืนอึกอักอยู่บริเวณนั้น
“นั่งลง” เมื่อเห็นว่าเธอไม่นั่งลงสักทีเขาจึงหันมาสั่งเสียงเข้ม
“เอ่อ ค่ะ” ลิษายอมนั่งลง เธอนั่งเขี่ยข้าวในจานไปมา สมองพลันตั้งคำถามหลายอย่าง ตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่! มันสมควรแล้วเหรอที่จะมานั่งกินข้าวกับเจ้านายแบบสบายอารมณ์อย่างนี้
“ทำไมไม่กิน” มาร์ตินเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เขานั่งมองเธอมานานหลายนาทีแล้ว
“คุณมาร์ตินกรุณาพูดถึงเหตุผลที่เรียกตัวลิษามาพบหน่อยได้ไหมคะ ลิษาอยากรีบคุยรีบจบค่ะ” เธอตัดสินใจรวบช้อนส้อม ก่อนจะเอ่ยถามเขาออกไปอย่างเถรตรง เธอไม่อาจทนอยู่กับความอึดอัดใจของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
“……” ร่างสูงได้ยินดังนั้นก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยไม่บอกกล่าว เขาเดินไปหยิบถุงยาออกมาจากในลิ้นชัก ก่อนจะเอามาวางให้เธอบนโต๊ะกินข้าว
“อะไรคะ”
“ยาคุมฉุกเฉิน เมื่อวานเธอคงไม่ได้กินใช่ไหม ฉันแตกในนะ”
เขามั่นใจว่าเธอไม่มีทางหาซื้อยาแบบนี้บนเกาะได้แน่ ชายหนุ่มจึงสั่งให้ปกรณ์วานคนในเกาะนี้ออกไปซื้อมาให้ ลิษาเมื่อได้ยินคำพูดอันตรงแสนตรงของเขาก็เกิดอาการหน้าแดง ทำไมเขาถึงพูดเรื่องพวกนั้นออกมาได้อย่างหน้าไม่อาย ทั้งทั้งที่เธออายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว
“ค่ะ มีแค่นี้ใช่ไหมคะที่คุณจะคุยกับลิษา” ลิษายอมลืมความเขินอายพวกนั้นไป เธอเลือกที่จะหยิบถุงยามาไว้ในมือ ก็ดีเหมือนกันที่รู้จักเตรียมมาให้เธอ ถึงแม้เธอจะต้องตกอยู่ในความเสี่ยงก็เพราะเขา
ลิษาอยากให้เรื่องนี้มันจบๆไป เธอคงไม่โชคร้ายท้องกับคนอย่างมาร์ตินหรอกจริงไหม?
“เธอกินเป็นใช่ไหม”
“ค่ะ พอรู้อยู่”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วลิษาขอตัวนะคะ” ว่าแล้วเธอก็ทำท่าจะลุกจากไป
“เดี๋ยวก่อน! ฉันยังพูดไม่จบ”
“คะ? คุณมาร์ตินมีอะไรอีกคะ”
“อย่าเอาเรื่องเมื่อวานไปบอกใคร มันอาจจะไม่ส่งผลดีต่อตัวเธอ” ที่เขาพูดไปเพราะแอบเป็นห่วงลิษา หากเรื่องนี้ถึงหูคนอื่น เธออาจจะตกที่นั่งลำบากในการทำงานได้
ซึ่งลิษาเองก็ไม่เคยคิดที่จะบอกเรื่องนี้กับใครอยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไรเลยสักนิดสำหรับเธอ!
“ค่ะ ลิษาก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว”
“แต่มีอีกเรื่องที่ฉันอยากลองให้เธอกลับไปคิดดู”