2.ฉันไม่ใช่
EP02.ฉันไม่ใช่….
“จะอะไรกันนักหนาก็แค่ลูกครึ่ง” ฟ้าใสจีบปากจีบคอบ่นออกมาในขณะกำลังล้างมืออยู่ในห้องน้ำ
เธอรู้สึกไม่ชอบลิษาตั้งแต่แรกเจอ ยัยนั่นดูหยิ่งๆไม่ถูกจริตเธอเอาเสียเลย แถมที่สำคัญลิษาเป็นคนเดียวที่ดูจะสวยสูสีกับเธอ ซึ่งฟ้าใสไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เธอต้องการเป็นดาวเด่นของที่นี่ เหตุผลที่ผู้หญิงสวยราวกับนางแบบอย่างเธอเขือกมาฝึกงานที่เกาะอันดาราก็เพราะว่าเธอได้ล็อคเป้าหมายเอาไว้แล้ว
“คุณมาร์ติน เมื่อไหร่จะได้เจอนะ” ฟ้าใสแสยะยิ้มออกมาทันทีเมื่อนึกถึงชื่อเจ้าของเกาะอันดาราผู้หล่อเหลาคนนั้น
เธอเองก็เป็นผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่อยากวิ่งไล่ตามจับเขาบ้าง ท้้งหล่อทั้งรวยหากใครได้ไปครองคงจะสบายไปทั้งชาติแน่ ว่าเเล้วร่างสูงเพรียวก็หมุนตัวเดินออกจากห้องน้ำไป พยายามลืมเรื่องของลิษาที่ทำให้ตัวเองขุ่นเคืองใจออกไปให้หมด
อีกด้าน
“นี่เด็กๆ วันนี้ทางห้องอาหารของเราทำเมนูใหม่ขึ้นมาอยากให้ลองชิมให้หน่อยจ้า ว่ารสชาติเป็นยังไง” จินดาเป็หนึ่งในเชฟของที่นี่ เเถมทำงานมาตั้งแต่เกาะอันดาราเริ่มเปิดตัวใหม่ๆเลยด้วย
สาวอบอุ่นวันสามสิบปลายๆเดินถือขันสีเงินมาวางไว้หน้าเด็กฝึกงานท้้งสามคนด้วยรอยยิ้มใจดี ลิษามองตามสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันคือขันที่มีน้ำอยู่ในนั้น แถมยังมีดอกมะลิลอยอยู่ในนั้นด้วย
กลิ่นหอมมากเลย…
ต้องสดชื่นมากแน่ๆ
“มันคืออะไรเหรอคะ” มิ้นเอ่ยถามด้วยความสนใจ
“มันคือน้ำมะลิสด พี่อยากเสนอให้ขึ้นเป็นเมนูต้อนรับแขกอะ ยิ่งแขกฝรั่งนะ ถ้าเราเสิร์ฟใส่ขันไปแบบนี้ มันต้องดูอเมซิ่งมากเลยว่าไหม”
พีพี มิ้นและลิษาพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดอันแสนสร้างสรรค์ของคนตรงหน้า หลังจากนั้นทุกคนก็ได้ชิมน้ำมะลิสดสูตรพิเศษจากเชฟจินดา ซึ่งมันอร่อยมากแถมสดชื่นอย่างที่เธอคิดเอาไว้เลย
“เป็นไงบ้างจ้ะเด็กๆ พอใช้ได้ไหม”
“อร่อยครับ” พีพีฟันธง
“ค่ะ อร่อย สดชื่นมากๆ”
“มิ้นคอนเฟิร์มอีกเสียงค่ะ”
“เยี่ยมเลยเด็กๆ งั้น….หนูชื่อลิษาใช่ไหมจ๊ะ” จินดามองเด็กๆทั้งสามคนสลับกันก่อนจะหันเหความสนใจไปหาลิษาที่หน้าตาน่ารักราวตุ๊กตาญี่ปุ่น
“ค่ะ เรียกว่าษาเฉยๆก็ได้ค่ะ”
“ตามเชฟมานี่หน่อยสิจ๊ะ เชฟว่าจะวานอะไรหน่อย” จินดาเอ่ยยิ้มๆ ซึ่งลิษาก็ยอมทำตามแต่โดยดีเพราะเธอไม่ใช่คนไร้น้ำใจอะไร
“ค่ะ”
ลิษาลุกขึ้นเดินตามเชฟจินดาไปหยุดอยู่ในห้องอาหารที่ตอนนี้กำลังมีเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้น หญิงสาวมองเชฟและพนักงานหลายคนกำลังวิ่งให้ควักในครัวด้วยแววตาอึ้งๆ พวกเขาดูว่องไวกันมากเลย แถมยังดูเป็นมืออาชีพสุดๆ
พอได้เห็นภาพนี้เธอเองก็เริ่มตื่นเต้นที่จะเริ่มทำงานในว้นพรุ่งนี้แล้วอะ ไม่รู้ว่ามันจะสนุกหรือเหนื่อยกันแน่!
“อย่างที่หนูเห็นว่าตอนนี้ในครัวยุ่งกันมากเลย เชฟเลยอยากจะวานให้หนูเอาน้ำมะลิสดไปให้คุณมาร์ตินที่ห้องหน่อยจ้ะ”จินดาจัดการเตรียมน้ำมะลิสดที่ตัวเองทำหวังนำไปเสนอให้เจ้าของเกาะอย่างมาร์ตินได้ชิม
หากเขาชิมแล้วมันอร่อย น้ำมะลิแบบนี้ก็จะถูกเพิ่มเข้าไปในเมนู Welcome Drinks ของทางโรมแรม แต่ปัญหาคือตอนนี้แขกมากมายต่างทยอยเข้ามาในห้องอาหาร ทำให้พนักงานไม่มีใครว่าง จินดาจึงอยากไหว้วานเด็กฝึกสักคนให้นำน้ำมะลิไปให้มาร์ติน ซึ่งหน้าตาของลิษาดูน่ารักสมวัยเหมาะเเก่การเป็นพนักงานเสิร์ฟอย่างมาก
“ค่ะ เดี๋ยวษาเอาไปเสิร์ฟให้ค่ะ” ลิษาตอบรับด้วยรอยยิ้ม เรื่องแค่นี้เอง เธอทำให้ได้อยู่แล้ว
ลิษาพอจะรู้จักมาร์ตินอยู่บ้าง เธอเคยเห็นชื่อเขาผ่านทางสื่อบ่อยๆ แต่เอาเข้าจริงๆพอถึงตอนนี้เธอเองก็จำหน้าของเขาไม่ค่อยได้แล้ว หญิงสาวรู้สึกเกร็งเล็กน้อยที่จะได้เจอกับเจ้าของเกาะนี้ มาร์ตินถือเป็นเจ้านายของเธอโดยตรง ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยชอบที่ส่วนใหญ่ข่าวของเขาจะมีเเต่เรื่องผู้หญิง แต่เรื่องนั้นมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ตอนนี้เขาเป็นเจ้านาย เธอไม่ควรทำอะไรที่ไม่ดีให้เขารู้สึกไม่ชอบขี้หน้า
เธอไม่อยากซวย….เพราะงั้นถ้าเจอหน้าเขาคงตั้งปั้นยิ้มที่สวยที่สุดส่งไปให้
ลิษาเดินออกมาตามทางเดิน หญิงสาวเดินเลี่ยงไปในเส้นทางที่เชฟจินดาบอก มาร์ตินพักอยู่ที่รีสอร์ทห้องหลังสุด นั่นเป็นห้องที่เขามักจะใช้พักผ่อนร่างกายอยู่เป็นประจำเพราะวิวทะเลเบื้องล่างนั้นสวยสุดยอด
“ห้องนี้เหรอ” ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีเธอก็เดินทางมาถึงห้องสุดท้ายของรีสอร์ท
“A101 เอาว่ะ เลิกประหม่าสักที” ลิษาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะเอื้อมมือไปเคาะประตูไม้บานใหญ่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แกร๊ก!
“มาแล้วเหรอ” สิ้นเสียงทุ่มลึก ทั้งสองคนก็สบตากันราวกับหลงอยู่ในภวังค์แห่งความเสน่หา
มาร์ตินมองเห็นเพียงใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มของอีกคนโดยไม่ได้สนใจอย่างอื่น เธอสวย….แบบมองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ
ส่วนลิษาก็ชะงักค้าง เพราะความหล่อของอีกคน แต่สิ่งที่ทำให้เธอได้สติก็คือกล้ามเป็นมัดๆกับซิกแพคของเขาที่ขึ้นเป็นริ้วๆอยู่บนหน้าท้องแกร่ง….
ดะเดี๋ยวนะ! ทำไมเขาแต่งตัวแบบนี้!
หัวใจดวงเล็กเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าระห่ำ เมื่อก้มต่ำลงไปแล้วพบว่าคนตรงหน้ากำลังนุ่งแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวเอาไว้หมิ่นเหม่ ทำไมเขาถึงได้แต่งตัวล่อแหลมแบบนี้ออกมาเปิดประตู
ฉันพยายามบังคับจิตใจตัวเองให้เลิกสนใจบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในผ้าสีขาวนั้น นานนับนาทีที่ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา
ตั้งสติ! ยัยษา!
“อะเอ่อ คือ…เอาน้ำมะลิมาเสิร์ฟค่ะ” ฉันพูดออกไปน้ำเสียงสั่นๆไม่ค่อยกล้าสบตาอีกคนเท่าไหร่เลยอะ
เขาหล่อ….แบบหล่อจริงๆ ไม่ใช่แค่หน้าตาที่เหมือนสวรรค์สร้าง แต่หุ่นนั่นอีก! โอ้ยช่างแม่มเหอะ รีบเสิร์ฟให้เสร็จจะได้รีบไป ทำไมฉันรู้สึกว่าไอ้คุณมาร์ตินนี่กำลังมองฉันด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย!
“เข้ามา”
“…..ค่ะ” ฉันเดินตามหลังแกร่งเข้าไปในห้องอย่างว่าง่าย ไม่กล้าขัดคำสั่งเขาแม้แต่นิดเดียว
ก็แหง๋ล่ะ!
เขาเป็นเจ้าของเกาะนี้นะโว้ย!
ใครจะไปกล้าขัด
ปึก!
ฉันวางขันน้ำที่มีดอกมะลิลอยหอมฟุ้งอยู่ในนั้นลงบนโต๊ะอย่างเบามือ ในขณะที่ฉันกำลังจะหมุนตัวออกไปจจากห้อง ฉันกลับต้องชะงักอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาคมกริบของเขากำลังยืนจ้องมองมายังฉันราวกับว่ากำลังสำรวจอะไรบางอย่าง
“เอ่อ…มะมีอะไรหรือเปล่าคะ” ทำไมต้องจ้องขนาดน้้นด้วย ฉันทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ?
“เปล่า แค่ไม่คิดว่าเธอจะเเต่งตัวธรรมดาแบบนี้”
ฮะ?
ฉันก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเองทันทีที่อีกคนพูดจบ กางเกงยีนส์รัดรูปขายาวกับเสื้อครอปแขนยาวสีดำ มันก็ธรรมดาจริงแหละ ก็ฉันมาเรียนรู้งานนี่นาจะให้แต่งตัวอลังการไปไหน หรือว่า….เขาอยากให้ฉันใส่ชุดพนักงานงั้นเหรอ…
“ขอโทษค่ะ พอดีฉันเพิ่ง….”
“ช่างมัน ไม่ต้องขอโทษ ฉันแค่พูดเฉยๆ”อีกคนโบกมือโบกไม้ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
ให้ตาย! สายตาของเขาทำฉันอึดอัดชะมัด
“อ่อ ค่ะ งั้น…”
“มานั่งตรงนี้”
ฉันได้แต่ยืนทำหน้างง ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียงในขณะที่สมองมีแต่ความสงสัยว่าเขาให้ฉันไปนั่งตรงนั้นเพื่อ!! แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรออกไป เขาเป็นเจ้านายนะ บอกให้ทำอะไรฉันก็ต้องทำหรือเปล่า
ฟึ่บ!
เมื่อฉันนั่งลงบนเตียงใหญ่ ร่างสูงสมส่วนของเขาก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาฉันด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกเลยสักนิด สองแขนแกร่งค่อยๆวางขนาบข้างตัวฉันก่อนที่ใบหน้าหล่อๆของเขาจะค่อยๆโน้มลงมาหาฉันใกล้ๆ
ตึกตัก ตึกตัก
กูว่า….แบบนี้แม่งไม่ใช่แน่!
นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี้ย! ฉันแค่มาเสิร์ฟน้ำแต่ทำไมเขาถึง….
ไม่นะ! อย่า อย่าเข้ามา อื้ออออ
“อื้อออ อ่อยอะ อื้ม”
ตุบ! ตุบ!
ฉันตกใจสุดขีด จู่ๆคนตรงหน้าก็จู่โจมเข้ามาป้อนรสจูบแสนวาบหวามให้กับฉัน นี่มันจูบแรกของฉันเลยนะเว้ย! เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า! จะข่มขืนฉันเรอะ!
หลังจากที่ฉันเปล่งเสียงร้องอู้อี้อยู่ในลำคออยู่นาน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นผลเลย เพราะเมื่อฉันร้องดังขึ้น คุณมาร์ตินก็ยิ่งสอดแทรกลิ้นมาข้างในก่อนจะตวัดรัดเกี่ยวลิ้นของฉันไปมา ส่งผลให้ฉันพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไปแล้ว
ฉันก็เลยใช้สองมือระดมทุบตีไปที่อกแกร่งของเขาอย่างแรงแทน เท่านั้นแหละ! ดูเหมือนมันจะได้ผล…เขาเริ่มรำคาญที่ฉันเอาแต่ทุบตีเขาไม่ยอมหยุด!
“แฮ่ก…..แฮ่ก” ฉันรีบสูดเอาลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพราะจูบเมื่อกี้เหมือนมันจะกระชากวิญญาณฉันไปเลย
แต่ใครจะไปคิดว่าฉันยังไม่ทันจะอธิบายหรือถามไถ่อะไรคนตรงหน้าออกไป เขากลับผลักฉันให้ล้มลงไปนอนบนเตียงสีขาวสะอาด ก่อนที่เขาจะตามมาคร่อมร่างของฉันเอาไว้อย่างรวดเร็ว…
นะนี่….มะมันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ
“เธอชอบเล่นบทขัดขืนเหรอ?” เขาถามฉันออกมาก่อนจะยิ้มแพรวพราวประกอบ ซึ่งไอ้รอยยิ้มของเขานั่นน่ะทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงมากขึ้นกว่าเดิมอีก
อ้าก! ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ!
“มะไม่ใช่นะคะ ฉันว่าคุณน่าจะกำลังเข้าใจผิด”
“หื้ม? ทำไมฉันต้องเข้าใจผิดในเมื่อฉันกำลังรอเธออยู่” ร่างสูงขมวดคิ้วถามฉัน ฉันไม่รู้นี่มันคือเรื่องบ้าอะไรกันแน่!
“คะ….ฉันแค่เอาน้ำมาสะ”
“มีคนส่งเธอมาใช่ไหม”
ฉันทำท่าครุ่นคิด เชฟจินดาส่งฉันมาจริงๆนี่ ฉันเลยพยักหน้าตอบกลับเขาไป เท่านั้นแหละ! เขาก็แสยะยิ้มออกมาอีกรอบ ราวกับกำลังพึงพอใจในอะไรบางอย่าง
“งั้นก็แปลว่าเธอนี่แหละที่ฉันรออยู่”
“ดะเดี๋ยวค่ะคุณ เชฟจะ อื้ออ อื้ม”
โว้ย! ทำไมไม่รอฟังฉันพูดให้จบก่อนเนี้ย!
เขาก้มลงมาปิดปากของฉันอย่างรวดเร็วและรอบนี้ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเสียงประท้วงใดๆจากฉันทั้งนั้น อันตราย! ฉันเริ่มรู้สึกถึงอันตรายของจริงแล้ว
ไม่นะ! มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ให้ตายเถอะ ตายอดตายอยากมาจากไหน ตั้งท่าจะจูบฉันอย่างเดียวไม่ฟังอะไรเลย
อิตาบ้า!