ตอน 6
“ก็ได้เจ๊ นี่เห็นแก่ความสวยของเจ๊นะ” ธัญดาตอบรับแบบยานคาง ชีพจรชีวิตของเธอช่างเต็มเหยียดหาเวลาพักผ่อนยากเต็มที แค่แม่คนเดียวก็กินพลังชีวิตเธอไปเกินครึ่ง ไหนต้องวิ่งลอกหางานที่นำมาซึ่งเม็ดเงินเป็นก้อนดีกว่าการเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านมาดามริสา ไม่ว่างานไหนที่นำมาซึ่งเงิน ธัญดาทำทั้งนั้นยกเว้นขายตัว เพื่อบำบัดความใคร่ให้กับผู้ชาย ถ้าบำบัดทางสายตา ยังพอทำเนาดูแล้วเอาไปไม่ได้จึงถือว่าให้ทาน
“ตามนั้น” เจ๊หนูแดงตัดบทสนทนาง่ายๆ แต่ยังไม่ได้ตัดสายสนทนา นี่คือปกติของเจ๊หนูแดงแกไม่ชอบคุยงานที่มีเนื้อหามากมายผ่านโทรศัพท์ เพราะบางทีแกจำเนื้อหาไม่หมด อาจตกหล่นพลาดกันได้ แต่ถ้ามาเจอหน้าได้คุยกันเป็นการเป็นงานประกอบเอกสาร งานย่อมดูน่าเชื่อถือมากกว่า
“งานนี้มียายตราไหมคะเจ๊” งานไหนมีเธอก็อยากให้มีเพื่อนคนนี้ร่วมด้วยจะได้อุ่นใจ แต่ถึงแม้ตนจะถูกเลือกคนเดียว เธอต้องทำงานอยู่ดี
“เจ๊วางไว้ทั้งสองคนนั้นล่ะ รีบมาแล้วกัน เจ๊ไม่ชอบคุยงานผ่านโทรศัพท์ มันไม่เห็นหน้าสวยๆ หุ่นเซี๊ยะๆ ของแก”
“ได้ค่ะเจ๊ งั้นไว้เจอกัน หนูดาจะเอาหนังหน้างามๆ ไปให้เจ๊ดู พอเจ๊เห็นเท่านั้นล่ะขี้คร้านเจ๊จะไล่หนูดาไปนอน”
“เออ...เออ มาเถอะ”
สองสาวต่างวัยต่างสายพันธุ์ตัดสายจากกัน ธัญดามองไปทางแม่ซึ่งนั่งตักข้าวเข้าปาก รู้สึกแปลกอยู่สักหน่อยที่แม่ไม่แทรกเสียงตอนคุยกับเจ๊หนูแดง ปกติไม่เงียบขนาดนี้สงสัยจะสำนึก แล้วว่าลูกสาวลำบากหาเงิน
“กินข้าวไปนะแม่ หนูดาต้องออกไปคุยงานกับเจ๊หนูแดง”
“เออ...ระวังตัวล่ะ อย่าให้อีเจ๊ล้ำบึกนั่นหลอกได้”
“เป็นห่วงหนูดาเหรอแม่” ธัญดาหันมาเอ่ยถามแม่ขณะเดินคล้อยหลังไปแล้ว อย่างน้อยๆ การทะเลาะเบาะแว้งในทุกวันคือกิจวัตรประจำวันที่ต้องเกิดขึ้น เพราะเท่ากับว่าเธอมีแม่และแม่มีเธอ
“ไม่...ฉันแค่...ห่วงเงิน” วิยะดาปฏิเสธอึกอักรวมไปถึงความห่วงใยที่มีอยู่ในสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก “ไปๆ จะไปไหนก็ไปกินเสร็จฉันจะงีบซะหน่อย อ้อ...ก่อนออกไปอย่าลืมทิ้งเงินไว้ให้ด้วยล่ะ”
“เฮ้อ...ไม่เคยลืมเรื่องเงินเลยนะแม่ ตายไปจะเอาไปได้สักกี่สักกี่บาทเชียว”
“เอ๊ะ...อีนางลูกคนนี้พูดดีหน่อยลามปาม”
“ไปล่ะ เบื่อทะเลาะกับแม่” ร่างบางวิ่งขึ้นไปบนห้องเพื่อคว้าเสื้อผ้าชุดใหม่ วิ่งกลับลงมาอาบน้ำยังห้องน้ำด้านล่างข้างห้องครัว บ้านนี้มีห้องน้ำห้องเดียว ใช้ร่วมกันเหตุนี้ธัญดาจึงมีความฝันอยากมีบ้านใหม่ บ้านเดี่ยวหลังกะทัดรัดบนเนื้อที่กว้างขวาง สามห้องนอน สองห้องน้ำห้องนอนของเธอต้องมีห้องน้ำสวยๆ ใช้ส่วนตัว
“มึงมันลามเป็นขี้กรากนางลูกเวร” โครม !! แก้วน้ำพลาสติกที่อยู่ใกล้มือวิยะดาลอยไปตกลงหน้าบันได เฉียดศีรษะธัญดาไปนิดเดียว โชคดีที่เธอเป็นคนว่องไว ไม่อย่างนั้นคงหัวโนไปพบเจ๊หนูแดง อีแบบนี้คงไม่สวยและคงไม่ได้งาน
หลังจากอาบน้ำเสร็จธัญดาแต่งตัวในแบบเรียบง่ายตามเสื้อผ้าที่พอมีในตู้ กางเกงยีนเข้ารูปเน้นรูปร่างสมส่วน อรชรไปทุกกระเบียดนิ้ว ผมยาวสลวยดำขลับเงางามดั่งนิลเนื้อดี นัยน์ตาสีน้ำตาล แวววาวสุกใสรับกับจมูกโด่งมนพอดีกับดวงหน้าจิ้มลิ้ม เรียวปากรูปกระจับอิ่มเอิบสุขภาพดี พวงแก้มเนียนขาวอมชมพูน่าชังดั่งแก้มก้นเด็กทารก แม้ไม่แต่งเติมใดๆ องค์ประกอบทั่วดวงหน้าของธัญดาดียิ่งกว่าบรรดาสาวสวยเพราะการพึ่งพาศัลกรรมสมัยใหม่ คงเพราะองค์ประกอบวิยะดาให้มาดี
ร่างบางหย่อนก้นลงนั่งหน้าประตูเพื่อสวมรองเท้า หลังจากย่องไปดูแม่ที่นอนอยู่ในห้องอย่างสบายใจเพราะกินอิ่ม และหญิงสาวหวังไว้ว่าสิ่งที่เธอพูดกรอกหูแม่ไปท่านคงได้คิดบ้าง เพื่อสองชีวิตจะได้ก้าวไปสู่สิ่งดีๆ ทุกวันนี้จมปรักอยู่ในชุมชนแออัดแห่งนี้จนสลัดไม่หลุดอยู่แล้ว
“ไอ้เกลี้ยงมาพอดีไปส่งพี่ปากซอยหน่อย” ประจวบเหมาะกำลังเดินออกไปใช้บริการผู้ชายติดเบอร์เสื้อส้มหน้าปากซอย เกลี้ยงเสนอหน้ามาได้จังหวะเป็นเหยื่ออันโอชะไม่ต้องเดินตากแดดพาผิวสวยๆไปให้แดดเลีย
“โห...ลูกพี่หนูดาจะไปไหนแต่งตัวสวยเชียว” เกลี้ยงแซวทันทีที่จอดรถมอเตอร์ไซด์ตรงหน้าธัญดา
“แบบนี้สวยแล้วหรือ เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนนี่นะ” ยกแขนสองข้างกางให้เกลี้ยงชมความงาม ก้มลงสำรวจตัวเองในคำชมของเกลี้ยงเด็กแว้นที่นิสัยดีในสายตาเธอ หากแต่กับชาวบ้านเกลี้ยงคือหนุ่มน้อย ที่สร้างความรำคาญให้ชาวบ้านไปวันๆ
“สวยสิลูกพี่ของไอ้เกลี้ยงซะอย่าง สวยทุกมุมพอๆ กับทีวีสามร้อยหกสิบองศาเลยล่ะ” เกลี้ยงเอ่ยชมธัญดาแบบวัยรุ่น เกลี้ยงเรียนพาณิชย์สายช่าง ระดับ ปวส. ดีเหลือเกินชีวิตของเกลี้ยงผ่าน ปวช.มาพ่อแม่ของมันกลัวจะต้องไปเก็บศพลูกจากการโดนลูกหลงพวกนักเรียนช่างตีกัน ถึงเกลี้ยงบุคลิกกวนบาทาหากว่าเกลี้ยงไม่เคยไปพัวพันกับเกมไล่ล่าเอาหัวเข็มขัดพวกนั้นเลยสักครั้ง คติคือรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกไปเป็นหาง ดังนั้นเกลี้ยงจึงรอดถึงทุกวันนี้
“อย่าพูดมาก ไปส่งพี่หน้าปากซอยหน่อย” ขืนยืนฟังเกลี้ยงชื่นชมตนอยู่แบบนี้ คงไปพบเจ๊หนูแดงสายนึกภาพหน้าเจ๊แกออกเลยว่าจะบริภาษเธอยาวแค่ไหน
“ว่าแต่ จะไปไหนถามยังไม่ยอมตอบ” เกลี้ยงเย้าเอาคำตอบ “เผื่อน้าวิถามเกลี้ยงจะได้มีคำตอบไว้ให้แก”
“ไปคุยงานกับเจ๊หนูแดง อีกอย่างพี่บอกแม่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก แกคงไม่ถามเกลี้ยง ว่าแต่แกจะไปคุยงานกับพี่ไหม”
“ไม่เอาล่ะ เจ๊หนูดงหนูแดงอะไรนั่นน่ากลัว ชอบมองเกลี้ยงแล้วเลียปาก” เกลี้ยงแสดงท่าทางขนลุกแขยงสาวร่างใหญ่ร่างชายใจหญิง ชอบงาบผู้ชายเป็นอาหารว่าง
“ไม่คิดอยากเป็นผัวกะเทยมั่งเหรอ เผื่อรุ่งเจ๊แกรวยนะ” ธัญดาหยอกเย้าน้องชายนอกไส้ หลายครั้งที่เจ๊หนูแดงแวะมาหาเธอในชุมชนแห่งนี้ เวลาเจอเจ้าเกลี้ยงซึ่งกำลังโตเป็นหนุ่มแน่นเต็มที่แกมักมองและเย้ากระแซะเกลี้ยงเป็นกระศรัย แต่ไอ้หมอนี่มันกลัวเจ๊หนูแดงจริงๆ
“โอ้ย...ลูกพี่ ไม่ต้องพูดมากเดี๋ยวไปส่ง” เกลี้ยงโอดครวญพร้อมสะบัดศีรษะขยาดกับคำชวนของธัญดา
สารถีประจำตัวของธัญดาที่ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์กว่าจิรายุ บึ่งรถเครื่องที่ไปแต่งเบาะให้ลาดเอียง เพื่อจุดประสงค์เวลาสาวซ้อนท้ายตอนเบรคแรงๆ นมสาวกระแทกหลังให้ความรู้สึกอิ่มเอมใจในวัยแตกเนื้อหนุ่มของมัน
“ยังไม่ไปปรับเบาะอีกหรือเกลี้ยง อีหรอบนี้หลังแกไม่เป็นรูแย่เหรอ” จากเคยฟังจุดประสงค์ของการไปปรับแต่งเบาะของเกลี้ยงนึกขำ แถมท้ายด้วยสวดเกลี้ยงไปหลายตลบ แต่อย่างว่าวัยรุ่นกำลังคึกคะนองอยากทำอะไรห่ามๆ ตามฮอร์โมนที่วิ่งพล่าน
“นุ่มดีลูกพี่ขอเกลี้ยงเถอะ ท่อเกลี้ยงก็ไปเปลี่ยนตามใจลูกพี่แล้ว ยังจะให้ปรับเบาะอีกเหรอ ขอเถอะนะมันความสุขของเกลี้ยง” เกลี้ยงเอ่ยขอหน้าตาเฉย แต่พวกสาวๆ ต่างชอบมาซ้อนท้ายรถเครื่องของเกลี้ยง เวลานมกระแทกหลังเกลี้ยง สาวๆ พวกนั้นมักอารมณ์ดีหัวเราะคิกคักมากกว่าต่อว่าเกลี้ยง
“ยอม” คำสั้นๆ แต่เป็นการตัดบทสนทนาที่เยี่ยมยอด
“ว่าแต่ลูกพี่สนใจเอานมตูมๆ ของลูกพี่มากระแทกหลังเกลี้ยงเปล่า” เกลี้ยงเสนอโปรโมชั่นชั้นยอดแก่ธัญดา ผู้หญิงอะไรตัวบอบบาง แต่สรีระสุดยอดหานางแบบหรือดาราชื่อดังที่ไหนเปรียบปราน ไม่แปลกใจเลย เวลาธัญดาไปแคตฯ งานส่วนมากผ่านฉลุย
“สน” ธัญดาตอบสั้นๆ หากแต่แฝงเลศนัย