ตอนที่ 2
ฟางข้าวส่งยิ้มหวานให้เขตต์ตะวัน แอบชำเลืองมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วเอ่ยถามเจ้าตัวเป็นเชิงขอความเห็น
“จะเรียกยังไงก็ได้ เอาที่สบายใจก็แล้วกันนะ”
เขตต์ตะวันไหวไหล่ด้วยความเคยชิน
“ค่ะ... พ่อเลี้ยง”
ฟางข้าวตอบยิ้มๆ แอบมองหน้าเขตต์ตะวันแบบกลัวๆ ด้วยรูปร่างของเขาสูงใหญ่มาก อีกทั้งแววตาก็ยังมีประกายดุกร้าว หนวดเครารกครึ้มเต็มใบหน้ายิ่งทำให้เขาแลดูดุขึ้นไปอีก
“ถ้าหมดธุระสำคัญของป๋าแล้วเห็นทีว่าผมคงต้องขอตัวนะครับ”
เขตต์ตะวันพยายามจะบอกให้รู้ว่าเขามีงานอื่นซึ่งสำคัญกว่ารออยู่
“อ้าว... จะรีบไปไหนวะ ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลยนี่นา นั่งคุยกันก่อนสิ”
นายบัญชาทำหน้าสงสัย
“ผมไม่อยากเสียเวลาครับ มีงานในไร่รออยู่”
บอกเพียงเท่านั้นเขตต์ตะวันก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ อึดใจต่อมาก็ขับรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อสีส้มคันใหญ่ออกมาจากลานหญ้าหน้าบ้าน ตรงไปยังทางดินเล็กๆ ที่มุ่งไปสู่ไร่ส้ม ท่ามกลางประกายแสงแดดสีทองของยามสายโรยตัวอยู่เหนือไร่ส้มเขียวขจี
ฟางข้าวมองตามร่างสูงใหญ่ของเขตต์ตะวันตาละห้อย รู้สึกน้อยใจที่ได้ยินเขาบอกว่าไม่อยากเสียเวลาอยู่คุยกับเธอ
“คุณวิไลอย่าถือสาเจ้าเขตต์ตะวันลูกชายผมเลยนะครับ ที่มันพูดเหมือนไม่ให้เกียรติคุณกับลูกสาว... เจ้าเขตต์มันก็เป็นแบบนี้”
นายบัญชาเอ่ยกับสองแม่ลูกซึ่งเขารู้ว่าคงต้องใช้เวลาสักพัก กว่าจะเคยชินกับนิสัยของพ่อเลี้ยงเขตต์ตะวันคนนี้
“ไม่เป็นไรค่ะ... ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณเขตต์ดีค่ะ เขาคงรู้สึกแปลกๆ ที่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงสองคนเข้ามาเป็นส่วนเกินอยู่ร่วมบ้าน”
วิไลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเจียมเนื้อเจียมตัว
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับวิไล ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นส่วนเกิน... เพราะว่าคุณคือ ‘ส่วนสำคัญ’ ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มสิ่งที่ ‘ขาดหาย’ ไปจากชีวิตของผม”
นายบัญชาหยอดคารมหวานเอาใจ เอื้อมไปกุมมือบอบบางของนางวิไลแล้วบีบเบาๆ
“ขอบคุณที่เมตตาเอ็นดูวิไลกับลูกสาวค่ะ”
วิไลขยับเข้าใกล้พลางยกมือไหว้แนบอกของนายบัญชาที่เอื้อมแขนออกมาโอบกอดหล่อนด้วยความรัก
ตอนเย็นของวันเดียวกันนั้น
ขณะกำลังจัดข้าวของอยู่ภายในห้องนอนซึ่งอยู่ติดกับห้องของนางวิไลผู้เป็นมารดา จู่ๆ หญิงสาวก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางปานจะขาดใจ ดังแว่วออกมาจากห้องของนางวิไล จึงตัดสินใจแนบดวงตาเข้ากับรอยแยกของผนังห้องซึ่งทำด้วยไม้ ก่อนจะตกใจจนมือไม้สั่น ใบหน้าแดงก่ำ ทำอะไรไม่ถูกกับภาพที่เห็น
“อุตะ... ”
ฟางข้าวยกมือขึ้นปิดปากเพื่อห้ามเสียงอุทานที่เกือบจะเล็ดลอดออกมาด้วยความลืมตัว ขณะสายตายังคงจับจ้องอยู่กับภาพที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้า
นายบัญชากับมารดาของเธออยู่ในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อนด้วยกันทั้งคู่ ขาทั้งสองข้างของนางวิไลขัดล็อคอยู่รอบเอวหนาของนายบัญชาเอาไว้แน่น ขณะหันหน้าคร่อมเข้าหาลำตัวของเขา ในสภาพที่แก่นกายของนายบัญชากำลังอัดกระแทกเข้าใส่หว่างขาของนางวิไลไม่ยั้ง เสียงดังบลั่บๆ ชัดเจนเต็มสองหูของเธอที่จ้องมองภาพตรงหน้าอย่างไม่ตั้งใจนัก
“อ๊า... มันส์เหลือเกินวิไลจ๋า เธอไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลยสักครั้ง”
นายบัญชาละล่ำละลักออกมาขณะมือทั้งสองข้างของเขาช้อนสะโพกของหล่อนให้ร่อนขึ้นรับแรงอัดกระแทกจากบั้นท้ายหนา กระหน่ำดุ้นเนื้อขนาดไม่ธรรมดาเข้าใส่ร่องสวาทแฉะฉ่ำของนางวิไลเสียงดังบลั่กๆ จนเตียงนอนสั่นคลอน เคลื่อนไปกระแทกเข้ากับผนังด้านหนึ่งของห้องเสียงดังกึกๆ กักๆ อยู่นานเป็นครู่
“อูย... เสียวเหลือเกินค่ะคุณพี่ แรงๆ แบบนั้นแหละค่ะ วิไลจะถึงแล้วค่ะ... คุณพี่เรี่ยวแรงดีเหลือเกิน อร๊ายย เสียวจวนจะขาดใจอยู่แล้วค่ะ”
ได้ยินที่นางวิไลร้องขอ นายบัญชาไม่รอรี รีบทาบฝ่ามือเข้ากอบกุมทรวงอกอวบใหญ่ของหล่อนแล้วบีบขยำสลับก้มหน้าลงดูดเลียปลายถันอย่างเร่าร้อนลนลานจนนางวิไลแอ่นกายสะท้าน ปลายหัวนมแดงปลั่งขยับยกขึ้นเป็นตุ่มไตรับริมฝีปากที่ครอบดูดลงมาจนลึกสุดวงป้านสีเนื้อ
“เสียวเหลือเกินค่ะคุณพี่... อร๊ายยย”
นางวิไลส่ายหน้าอกอวบใหญ่ให้นายบัญชาดูดเลียด้วยความลุ่มหลง ท่าทางของหล่อนบอกให้รู้ว่าเป็นหญิงเร่าร้อนในเชิงโลกีย์