บทที่ 4
และในขณะชาครียาวางแผนเตรียมทำให้พ่อเลี้ยงกฤตย์ขายหน้าคนทั้งจังหวัด ตัวพ่อเลี้ยงกฤตย์เองก็เตรียมลงทัณฑ์ว่าที่เจ้าสาวกลัวฝนเช่นเดียวกัน!
“งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เจ้าสาวแต่งตัวยังไม่เสร็จอีกหรือคะพ่อเลี้ยงกฤตย์”
“เมื่อไรเจ้าสาวจะออกมารับแขกสักทีล่ะคะ พวกเรารอนานแล้วนะคะ”
“เจ้าสาวไม่สบายหรือเปล่าครับ ถึงไม่ออกมาต้อนรับแขกเลย”
“เอ๋...เจ้าสาวเบี้ยวงานแต่งงานหรือเปล่าคะพ่อเลี้ยง”
หลายเสียงของแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงแต่งงาน ต่างก็แข่งกันถามพ่อเลี้ยงกฤตย์และพ่อเลี้ยงภพธรรม ถึงเจ้าสาวจากเมืองกรุงซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะออกมาปรากฏโฉมเดินเคียงคู่กับเจ้าบ่าวสุดหล่อ
ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างพ่อเลี้ยงกฤตย์ คาดเดาอยู่แล้วว่าสถานการณ์ต้องออกมาในรูปนี้ จึงพยายามสะกดความโกรธไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย ผิดกับผู้เป็นบิดาที่หน้าซีดเผือดทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่นึกว่าจะถูกเพื่อนรักและว่าที่ลูกสะใภ้หักหลังเอา
“ฤกตย์ เอายังไงดีลูก ป่านนี้แล้วหนูครีมยังเดินทางมาไม่ถึงงานเลี้ยงเลย”
พ่อเลี้ยงภพธรรมเอ่ยถามเสียงร้อนรน สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มใจ สายตาจับจ้องมองไปยังทางเข้าฟาร์ม เผื่อว่าจะเห็นชาครียาเดินทางมาถึงในนาทีใดนาทีหนึ่ง
ในขณะผู้เป็นบิดาเป็นเดือดเป็นร้อนที่งานแต่งงานไม่ปรากฏเจ้าสาว ผู้เป็นเจ้าบ่าวกลับนิ่งเฉย ไม่แสดงอาการใดๆ ให้แขกเหรื่อได้เห็น คงมีแค่เพียงเสียงกัดฟันดังกรอดๆ เท่านั้นที่บอกให้รู้ว่าพ่อเลี้ยงกฤตย์กำลังโกรธจวนคลั่ง
“ไม่มีเจ้าสาว ก็ล้มโต๊ะ ยกเลิกงานแต่งงานสิครับ ไม่เห็นจะยาก”
ว่าแล้วพ่อเลี้ยงกฤตย์ก็เดินขึ้นไปบนเวที หยิบไมค์มาประกาศให้แขกเหรื่อทุกคนทราบพร้อมกับเอ่ยขอโทษผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทำให้ทุกคนต้องเสียเวลา
“สวัสดีครับ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ทุกท่านเสียเวลาในวันนี้ เผอิญว่าที่เจ้าสาวของผมกำลังทำตัวเป็นเจ้าสาวกลัวฝน หนีการแต่งงาน เลยทำให้ผมไม่มีเจ้าสาวมาร่วมงานแต่งงานในคืนนี้ด้วย ถ้ายังไงผมต้องกราบขอโทษทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ”
ในเมื่อชาครียาไม่รักษาหน้าของคนที่จะเป็นสามีในอนาคตของเธอ พ่อเลี้ยง
กฤตย์เองก็ไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าชาครียาเช่นเดียวกัน เขาจงใจบอกให้แขกเหรื่อทุกคนรู้ว่าเพราะเหตุใดงานแต่งงานถึงล่มไม่เป็นท่า
พอสิ้นคำกล่าวขอโทษของพ่อเลี้ยงกฤตย์ ก็เกิดเสียงวิจารณ์จากแขกเหรื่อทุกคนที่ต่างก็ตกใจอยู่ไม่น้อย
ส่วนตัวพ่อเลี้ยงกฤตย์เอง พอลงมาจากเวทีแล้วก็เข้าไปกราบขอโทษผู้หลักผู้ใหญ่อีกครั้ง จากนั้นก็เดินดุ่มๆ ตรงไปยังบ้านพักโดยไม่ฟังเสียงใครทั้งนั้น
โครม!!! เพล้ง!!!
“นรก!”
เสียงเก้าอี้ล้มระเนระนาดตามแรงถีบเต็มแรงของเท้าใหญ่ เสียงแจกันและเครื่องเรือนชิ้นอื่นๆ ที่อยู่ใกล้มือถูกปัดตกแตกไม่เหลือชิ้นดีตามแรงอารมณ์โกรธจัดของพ่อเลี้ยงกฤตย์
“เธอกล้าดีมากชาครียา เธอกล้ามาก กล้ากระตุกหนวดเสืออย่างผม แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
พ่อเลี้ยงกฤตย์สบถคำรามลั่น ดวงตาแดงก่ำวาวโรจน์ หากว่าที่เจ้าสาวอยู่ตรงฃหน้า เขาคงจับเธอหักคอจิ้มน้ำพริกได้
มือใหญ่หยิบโทรศัพท์ออกมาหมายจะโทรหาเพื่อนรักของบิดาเพื่อถามถึงเจ้าสาวกลัวฝน แต่อีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายโทรมาหาเขาก่อน
พอกดรับสาย พ่อเลี้ยงหนุ่มก็ได้ยินคำตอแหลที่พ่นออกมมาจากปากของคุณวรวิช
“พ่อเลี้ยงกฤตย์ใช่ไหมครับ”
“ใช่!” พ่อเลี้ยงกฤตย์ตอบสั้นๆ ก่อนจะถามอีกฝ่ายต่อด้วยน้ำเสียงห้วนจัด “ทำไมลูกสาวของคุณอาวรวิชไม่มาแต่งานล้างหนี้”
ประโยคท้ายที่เน้นหนักดังมาพร้อมกับเสียงกัดฟันดังกรอดๆ ทำเอาต้นทางที่โทรมาถึงกับสะดุ้งตกใจ และหากมองเห็นหน้ากันได้ พ่อเลี้ยงกฤตย์จะเห็นว่าตอนนี้คุณวรวิชหน้าถอดสีเผือดขณะกำลังจะปั้นเมฆเป็นตัว
“อาขอโทษด้วยที่ไม่ได้โทรมาบอกพ่อเลี้ยงตั้งแต่ต้น คือหนูครีมไม่สบายมาก”
“เธอเป็นอะไร”
คำถามสั้นๆ แถมยังห้วนจัดที่หลุดมาจากปากพ่อเลี้ยงกฤตย์ ทำเอาคุณวรวิชแทบลืมคำโกหกที่ลูกสาวเตรียมไว้ให้หลอกคนเหล่านี้
“คือก่อนจะเดินทางไปสระบุรี ครีมปวดท้องมาก อาพาครีมไปโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าไส้ติ่งอักเสบต้องผ่าตัดโดยด่วน แต่พ่อเลี้ยงไม่ต้องเป็นห่วงนะ เพราะคุณหมอผ่าตัดเสร็จแล้ว ครีมปลอดภัยแล้ว แต่ต้องนอนพักรักษาตัวอีกหลายคืน พอครีมปลอดภัย อาก็โล่งอกและเพิ่งมีเวลาโทรมาบอกพ่อเลี้ยงให้ทราบ”
พอได้โกหก ก็ไหลลื่นไปตามน้ำ โกหกได้โดยไม่มีติดขัด และคิดว่าพ่อเลี้ยงกฤตย์คงโง่เขลาตามที่ลูกสาวบอก หลงเชื่อคำพูดของเขาทุกอย่าง
แต่! เมื่อได้ยินคำถามของพ่อเลี้ยงกฤตย์ คุณวรวิชก็สะดุ้งโหย่งแทบทำโทรศัพท์หลุดมือ
“ลูกสาวคุณเข้าโรงพยาบาลที่ไหน ผมจะไปเยี่ยมเธอเดี๋ยวนี้”
พ่อเลี้ยงกฤตย์ถามเสียงเย็น ยิ้มเยาะตรงมุมปาก มั่นใจเกินร้อยว่าจะได้ยินคำโกหกอีกชุดใหญ่
“เอ่อ...ไม่ต้องก็ได้ครับ อย่ารบกวนพ่อเลี้ยงเลยครับ”
“ไม่เป็นไร ผมไปได้ ครีมอยู่โรงพยาบาลไหน”
พ่อเลี้ยงกฤตย์ออกคำสั่งเสียงห้วน ดวงตาไหววาบกับเกมที่เขากำลังจะจัดการกับเจ้าสาวกลัวฝน
“จากสระบุรีมากรุงเทพฯ ก็ไกลเอาการเหมือนกัน ผมกับครีมไม่อยากรบกวนพ่อเลี้ยง อีกอย่างครีมก็ปลอดภัยแล้ว ขอบคุณพ่อเลี้ยงที่เป็นห่วงครีม”
“ผมถามว่าลูกสาวคุณนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลไหน”
คราวนี้พ่อเลี้ยงตะคอกถาม พร้อมกับทุบมือลงไปบนโต๊ะเกิดเสียงดังลั่นไปทั่วห้อง ซึ่งแน่นอนว่าต้นทางที่โทรมาต้องได้ยินเช่นเดียวกัน
“ครีม...อยู่โรงพยาบาล...เอ่อ...”
คุณวรวิชอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยบอกชื่อโรงพยาบาลไปมั่วๆ ภาวนาว่าอย่าให้พ่อเลี้ยงกฤตย์เคยได้ยินชื่อโรงพยาบาลที่ตัวเองโกหกไป
“โอเค ผมจะไปเยี่ยมหนูครีมเดี๋ยวนี้ และจะซื้อรังนกไปฝากเธอสักสองกระเช้าใหญ่”
พ่อเลี้ยงกฤตย์ปล่อยระเบิดเวลาให้สองพ่อลูกได้ขนหัวลุกพองเล่น จากนั้นก็กดวางสาย แล้วหาเบอร์โทรศัพท์โรงพยาบาลที่คุณวรวิชบอกมา
ไม่ถึงห้านาที เขาก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีคนไข้ชื่อชาคริยา บุษกร เข้าพักรักษาตัวที่นี่
“ไม่ฉลาดเลยนะหนูครีม ที่คิดจะเล่นตลกกับพ่อเลี้ยงกฤตย์”
พ่อเลี้ยงกฤตย์ยิ้มเย็นกับคำโกหกปั้นน้ำเป็นตัวของสองพ่อลูกคู่นี้ เมื่อชาครียาไม่ได้นอนแซ่วอยู่ในโรงพยาบาล และตั้งใจหลอกเขา ทำให้เขาขายหน้าคนทั้งจังหวัด เขาก็จะควานหาตัวเธอจนพบ
พ่อเลี้ยงหนุ่ม เริ่มโทรหาบรรดาเพื่อนๆ ในสังคมไฮโซ ให้ช่วยตามหาเจ้าสาวกลัวฝนของเขา ซึ่งเขามั่นใจว่าบรรดาเพื่อนๆ ของเขา คงมีใครสักคนที่เคยเห็นหรือรู้จักกับชาครียา
สิบนาทีต่อมา พ่อเลี้ยงกฤตย์ก็ยิ้มเย็น เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่งรายงานให้รู้ว่าชาครียากำลังเริงร่าอยู่ที่ใด