บทที่ 2 (2)
อาคิราสะบัดศีรษะไปมา เพื่อไล่ความมึนเมาออกจากร่างกาย แม้หญิงสาวจะจิบเครื่อง
ดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ไม่มากนัก ทว่าการนั่งดื่มเกือบสามชั่วโมง ทำเอาหญิงสาวถึงกับมึนได้เหมือนกัน และนอกจากจะปวดหัวจากเครื่องดื่มที่ดื่มไปแล้ว หญิงสาวยังปวดหัวกับเสียงคุยกัน เสียงหัวเราะของชายและหญิง ที่ต่างก็ส่งเสียงกรีดหวีดร้องดังเซ็งแซ่แข่งกับเสียงเพลงที่เปิดดังกระหึ่มอยู่ภายในผับด้วย
“คิดถูกหรือคิดผิดนะเรา ที่มาหาทางออกของชีวิตในผับที่เสียงดังยังกับป่าช้าแตก”
อาคิราประชดตัวเอง เพราะแทนที่จะไปหาสถานที่สงบๆ ใช้สมาธิได้อย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหา หญิงสาวกลับเลือกมาในผับแห่งนี้แทน และก็ทำให้เธอปวดหัวอย่างหนักกับเสียงสนทนากันที่เธอฟังไม่รู้เรื่องแม้แต่คำเดียว
“พวกเขาเป็นชาวตะวันออกกลางหรือยังไง ใช้ภาษาอะไรพูดกัน ทำไมเราฟังไม่ออกเลย”
อาคิรางึมงำถามตนเอง ขณะเดินผ่านผู้คนเหล่านี้ เพื่อไปเข้าห้องน้ำ และเผอิญได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขา แต่ไม่ว่าจะตั้งคำถามด้วยประโยคใด หญิงสาวก็ไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี
ร่างบางระหงเซเล็กน้อย ขณะเดินตามทางเดินตรงไปยังห้องน้ำ ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่า ทันทีที่เธอลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อทำธุระส่วนตัว เจ้าแห่งทะเลทรายก็ผละออกจากบรรดาสาวๆ และสหายทั้งหลาย เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะจัดการสั่งสอนเธอแล้ว
อาคิราเต็มไปด้วยความงุนงง เมื่อกลับมาจากห้องน้ำแล้วเห็นมีผู้ชายเรือนร่างใหญ่โตมานั่งลงบนเก้าอี้ที่เธอนั่งในก่อนหน้านี้ แต่เธอเห็นแค่เพียงแผ่นหลังของเขาเท่านั้น เพราะอีกฝ่ายจงใจเลือกนั่งหันหลังให้กับทางเดิน
และเมื่อมีคนมานั่งเก้าอี้ของเธอ มาร่วมวงจิบเหล้าโดยที่เธอไม่ได้เชื้อเชิญ ก็ทำให้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะนาทีนี้เธอไม่มีอารมณ์จะเสวนากับใครทั้งนั้น
“ขอโทษนะคะ คุณกำลังมานั่งที่โต๊ะของฉัน โดยฉันไม่เต็มใจให้มานั่งด้วย”
เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว อาคิราก็ต่อว่าชายหนุ่มผู้นี้ในทันที พออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นสบตาให้เห็นใบหน้าของเขาชัดๆ ถึงกับตกใจ อาการสั่นสะเทิ้มแล่นจู่โจมเข้าสู่ตัวเธอ แค่เพียงจ้องสบตากับดวงตาคมกริบไม่ต่างจากดวงตาของพญาอินทรี
และใช่ว่าจะมีแค่เพียงอาคิรา ที่ตกอยู่ในความตะลึงงัน ชีคอัลมัสเกิดอาการตัวชา มึนงงไปชั่วขณะ ราวกับถูก
น็อคด้วยหมัดหนักๆ เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่ยืนด่าพระองค์ฉอดๆ หัวสมองของพระองค์หยุดสั่งการไปชั่วขณะ ไม่นึกว่าหญิงสาวผู้นี้จะสามารถทำให้หัวใจของพระองค์สั่นคลอนได้
ซึ่งไม่ใช่ความงดงามของเธอที่ทำให้พระองค์ตกตะลึง ใจสั่นรัว ตัวชา แทบหยุดหายใจ ทว่าเป็นเพราะมีกระแสบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวเธอ ซึ่งพระองค์ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
แต่ที่แน่ๆ พระองค์รู้ว่าดวงตากลมโตที่กำลังจ้องมองเขม็ง เรียวปากอิ่มแดงระเรื่อที่เจ้าตัวกัดเม้มไว้แน่น ทำให้พระองค์อยากดึงร่างบางระหงให้มาทรุดลงบนตัก แล้วกระหน่ำจูบให้สาแก่ใจ พิสูจน์ว่าเรียวปากอิ่มคู่นี้จะหวานฉ่ำมากปานใด และแค่นึกคิดอยู่ในใจ เลือดอุ่นๆ ในกายของพระองค์ก็เริ่มร้อนระอุขึ้นมาทีละองศาแล้ว
เมื่อบุรุษนัยน์ตาคมยังคงจ้องมองเขม็ง โดยไม่พูดอะไรออกมา อาคิราก็ยิ่งโมโหเค้นเสียงตอกหน้าอีกฝ่ายโดยไม่สนใจว่าชายผู้นี้จะยิ่งใหญ่มาจากไหน
“จะจ้องหน้าฉันอีกนานไหม ฉันจะได้คิดค่ามองหน้าให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย”
น้ำเสียงที่เค้นถามห้วนๆ ฉุดให้ชีคอัลมัสหลุดออกมาจากภวังค์ที่พระองค์ต้องมนต์ไปชั่วขณะ จากนั้นก็ออกคำสั่งกับคนตรงหน้าบ้าง
“นั่งลง เราไม่ชอบให้ใครมายืนค้ำหัวเรา”
มีหรือที่อาคิราจะเชื่อฟังคนแปลกหน้า พอถูกออกคำสั่งเสียงห้วน หญิงสาวก็ปฏิเสธทันควัน
“ไม่! ฉันไม่นั่ง เพราะที่นั่งของฉันถูกคุณยึดไปแล้ว”
ไม่เคยมีหญิงใดกล้าปฏิเสธและท้าทายอำนาจของชีคอัลมัสมาก่อน พอถูกอาคิราปฏิเสธ ความโกรธกริ้วก็แล่นเข้าจู่โจมพระองค์ในทันที
พระหัตถ์ใหญ่คว้าหมับไปตรงข้อมือเล็กกระชากทีเดียวร่างบางระหงก็ถลามานั่งอยู่บนหน้าตักของพระองค์อย่างรวดเร็วเกินกว่าอาคิราจะทันตั้งตัว
อาคิราไม่ทันระวัง อีกทั้งคิดไม่ถึงว่าชายผู้นี้จะหยาบคายกับเธอ พอถูกกระชากข้อมือเต็มแรง ก็เสียหลักร่างบางทรุดไปอยู่บนตักของอีกฝ่าย พร้อมกับหวีดเสียงตะโกนพรุสวาทดังลั่น
“กรี๊ดด!!! ไอ้บ้า ไอ้กักขฬะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
เสียงร้องตะโกนลั่นของอาคิรา สะกดให้ทุกคนในผับหันมามองเธอกับชีคอัลมัส เป็นสายตาเดียวกัน ต่างก็ตกตะลึงไปกับคำด่า ที่หญิงสาวพ่นใส่เจ้าแห่งทะเลทราย
ทางด้านขององครักษ์มาริสส์ พอเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็รีบเดินเร็วๆ เกือบเป็นวิ่งเข้ามาหาเจ้าเหนือหัวของตนเอง แต่ไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกมา ก็ถูกตวาดไล่ซะก่อน
“ไม่ต้องมายุ่ง มาริสส์ เราจัดการเองได้”
ตรัสห้ามองครักษ์มาริสส์ไปแล้ว ชีคอัลมัสก็ถลึงดวงเนตรจ้องมองสหายของพระองค์ รวมทั้งบรรดาสาวๆ ที่ต่างก็จ้องมองอาคิราเพราะความอิจฉา ด้วยแววตาเขม็งแข็งกร้าว ทำเอาคนเหล่านี้ต้องรีบสลายตัวอย่างรวดเร็ว
อาคิราไม่รู้ว่าชายผู้นี้คือใคร มีอำนาจมากเพียงใด แต่ที่แน่ๆ เขาสามารถทำให้ทุกคนหวาดกลัว รีบเดินหนี โดยไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งแม้แต่คนเดียว
“ไอ้บ้า! ปล่อยฉัน!”
อาคิราขยับกายดิ้นรนให้เป็นอิสระ พยายามลงจากตักของอีกฝ่ายให้ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ เพราะร่างอรชรถูกพันธนาการไว้แน่นด้วยต้นแขนแข็งแกร่ง
ในขณะอาคิราพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการจองจำ ชีคอัลมัสก็ต้องกัดฟันแน่น สูดโอษฐ์เบาๆ เมื่อคลื่นเปลวสวาทแล่นพล่านทั่วกาย ปลุกอารมณ์รักของพระองค์ให้ร้อนฉ่าทุกครั้งที่สะโพกผายมนขยับเสียดสีไปมาอยู่บนหน้าตักของพระองค์ ยิ่งหญิงสาวดิ้นเร้ามากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการปลุกเรือนกายแข็งขึงของพระองค์ให้ประกาศความใหญ่โตมากเท่านั้น
“ดิ้นเข้าสาวน้อย เจ้ารู้ไหมว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา”
ทรงกระซิบชิดกับซอกคอ พอได้กลิ่นหอมรวยระรินของกายสาว ก็ทำตัวเป็นหัวขโมยกดจูบลงไปตรงซอกคอ ก่อนจะขบเม้มติ่งหูเล็กให้ผู้เป็นเจ้าของต้องขนลุกซู่ไปทั้งตัว
กลิ่นหอมละมุนรัญจวนใจที่ได้รับจากคนในอ้อมแขน ทำให้ชีคอัลมัสไม่อาจผละโอษฐ์ออกมาได้ โอษฐ์ร้อนรุ่มยังกดคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอ และเมื่อรู้ว่าพระองค์กำลังขโมยจูบจากอิสตรีเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ถึงกับหัวเราะฮึๆ พร้อมกับสบถอยู่ในใจ
‘ให้ตายเถอะ ตั้งแต่เกิดมา ชีคอัลมัสริทำตัวเป็นหัวขโมยก็คราวนี้นี่เอง’
อาคิราสั่นสะท้าน ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ขณะรับรู้ได้ถึงริมฝีปากร้อนๆ ที่กดแนบมาตรงซอกคอของเธอ หญิงสาวรู้สึกราวกับเกิดเปลวไฟลามลวกตรงบริเวณที่ถูกกดจูบ อาการวาบหวิววิ่งวนอยู่ทั่วเรือนร่าง แต่กระนั้นก็ไม่ยอมให้บุรุษผู้นี้ทำตามอำเภอใจได้อีกต่อไป
“ฉันบอกให้ปล่อยฉัน ไม่ได้ยินหรือยังไง ไอ้บ้า!” หญิงสาวตะคอกออกคำสั่งอีกครั้ง
และชีคอัลมัสก็ปฏิเสธสุรเสียงดังในทันทีเช่นเดียวกัน “ไม่ เราไม่ปล่อยเจ้า เพราะเจ้าควรได้รับการสั่งสอนที่ละทิ้งหน้าที่ของตัวเอง”
“หน้าที่บ้าบออะไรของคุณ แล้วพูดเรา พูดเจ้า เป็นลิเกหลงโรงหรือยังไงกัน”
อาคิราตราดกลับด้วยความโมโห ไม่เข้าใจว่าชายผู้นี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน อีกทั้งยังงุนงงไม่หายกับสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้พูดกับเธอ
ชีคอัลมัสทรงขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง กำลังสงสัยว่าหญิงสาวผู้นี้ ยังไม่รู้หรืออย่างไรว่าพระองค์เป็นใคร แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระองค์จะให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะพระองค์ให้ความสนใจเรื่องที่หญิงสาวไม่ยอมทำหน้าที่บริการพระองค์มากกว่า
“เราจะเป็นใครมาจากไหน เจ้าไม่ต้องสนใจ แต่เราอยากรู้ว่าเจ้ารับเงินจากเราไปแล้ว แต่ทำไมไม่มาบริการเอาใจเรา”
ใบหน้างามเต็มไปด้วยริ้วรอยของความงุนงง เธอแค่มานั่งจิบเหล้าในผับของเพื่อนรัก แล้วทำไมเธอต้องไปทำหน้าที่ของเด็กเสิร์ฟด้วย
“ฉันไม่ใช่เด็กเสิร์ฟ แล้วทำไมฉันต้องไปบริการคุณด้วย”
อาคิราเข้าใจผิด คิดว่าชายผู้นี้กำลังยัดเหยียดหน้าที่ของเด็กเสิรฟ์ให้กับเธอ
“แน่นอน เจ้าไม่ใช่เด็กเสิร์ฟ เพราะเราจ่ายค่าตัวให้กับเจ้าแพงโข หากให้เจ้ามาคอยเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟเหล้า ก็เสียดายเงินแย่”
“คุณพูดเรื่องอะไร ฉันงงไปหมดแล้ว และกรุณาปล่อยฉันด้วย จะมาจับฉันไว้ทำไม”
อาคิรากระชากเสียงถาม พร้อมกันนั้นก็พยายามดิ้นรนหาอิสระ แต่ยิ่งดิ้นมากเท่าไร ก็ยิ่งถูกกอดรัดไว้แน่นมากเท่านั้น
“เจ้าแกล้งทำเป็นลืมหน้าที่ของตัวเอง เพื่อจะเรียกค่าตัวเพิ่มใช่ไหม”
ชีคอัลมัสคิดว่าเป็นเช่นดั่งที่พระองค์ตรัสถามไป เพราะไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา พระองค์เจอเล่ห์เหลี่ยมของสาวๆ ภายในผับแห่งนี้มาหลายรูปแบบแล้ว และคิดว่าหญิงสาวในอ้อมแขนก็กำลังทำไม่ต่างจากพวกเธอเหล่านั้น
“ค่าตัว?”
อาคิราทวนคำเสียงสูง คิ้วโก่งงามขมวดเข้าหากัน ในตอนแรกไม่เข้าใจว่าชายผู้นี้หมายความว่าอย่างไรกัน แต่นาทีต่อมา ก็เข้าใจอย่างท่องแท้ว่าเขามองเธอเป็นหญิงบริการ
เหมือนสาวๆ หลายคนในผับแห่งนี้
“คุณกำลังคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงขายบริการ?” อาคิราเค้นถามเสียงห้วนลึกอยู่ในลำคอ
และชีคอัลมัสก็รับคำด้วยสุรเสียงอันเต็มไปด้วยความเยาะหยัน “ไม่ใช่แค่คิด แต่เรารู้ว่าเจ้าคือหญิงขายบริการที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง”
เผียะ!!!
แม้เสียงฝ่ามือเล็กกระทบกับพระพักตร์คมเข้มจะไม่ดังมากจนสามารถกลบเสียงดนตรีที่กำลังเปิดดังกระหึ่มทั่วผับ ทว่าสหายบางคนที่แอบจับตามองเหตุการณ์ปะทะคารมระหว่างเจ้าแห่งทะเลทรายผู้ยิ่งใหญ่กับหญิงสาวแสนสวย ถึงกับอ้าปากค้าง เบิกตากว้างไปตามๆ กัน บางคนถึงกับปล่อยแก้วเหล้าในมือตกลงพื้นเพราะความตกใจ
“ท่านชีค!”
ถึงแม้จะถูกไล่ไม่ให้เข้ามายุ่ง แต่กระนั้นองครักษ์มาริสส์ก็คอยเฝ้าดูเจ้าเหนือหัวตนเองอยู่ไม่ไกลสักเท่าไร และเมื่อเห็นพระองค์ถูกตบจากหญิงสาวที่นั่งอยู่บนตัก ก็วิ่งเข้ามากระชาก
อาคิราออกจากตัวท่านชีค โยนหญิงสาวไปกองอยู่กับพื้น
“ท่านชีค เป็นยังไงบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์มาริสส์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง พอมองเห็นรอยนิ้วมือที่ปรากฏอยู่บนพระพักตร์ของเจ้าเหนือหัว ก็กัดฟันกรอด ถลาเข้าไปหาอาคิราในทันที
“เธอ! บังอาจมากที่ทำร้ายท่านชีค”
มือใหญ่ขององครักษ์มาริสส์เงื้อมขึ้น กำลังจะซัดลงไปบนใบหน้าของอาคิรา แต่ก็มีสุรเสียงห้วนตรัสห้ามไว้เสียก่อน
“หยุด! มาริสส์!” ชีคอัลมัสตรัสห้ามเสียงดัง พร้อมกับจับมือขององครักษ์มาริสส์ไว้ด้วย
องครักษ์มาริสส์หันมามองเจ้าเหนือหัว ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความงุนงงกับการตรัสห้ามลงโทษคนที่ทำร้ายพระองค์
“ทำไมพ่ะย่ะค่ะ ทำไมไม่ให้กระหม่อมลงโทษผู้หญิงคนนี้ เธอบังอาจมากที่กล้าตบพระพักตร์ของท่านชีค”
“เราบอกว่าเจ้าแล้วว่าไม่ต้องมายุ่งกับผู้หญิงคนนี้ เราจะจัดการสั่งสอนเธอเอง”
ในก่อนหน้านี้อาคิราตกใจที่จู่ๆ ตนเองก็ถูกจับโยนตัวปลิวลงไปนั่งจุกอยู่กับพื้น และยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้น เมื่อชายร่างยักษ์ที่จับเธอโยนออกมาจากตักของคนที่เป็นเจ้านายของเขา ถลาเข้ามาทำท่าจะตบเธอให้ได้ แต่พอเกิดการปะทะคารมระหว่างลูกน้องกับผู้เป็นนาย ซึ่งดูท่าจะรุนแรงขึ้นทุกขณะ หญิงสาวก็อาศัยจังหวะนี้ รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกจากผับอย่างรวด เร็วเกินกว่าชีคอัลมัสจะตามตะครุบตัวไว้ได้ทัน
“บ้าชะมัด! หนีไปจนได้”
ชีคอัลมัสสบถลั่น ทรงกริ้วองครักษ์มาริสส์ และโมโหตัวพระองค์เองที่มัวแต่สั่งห้ามองครักษ์เอก จนเปิดโอกาสให้นกน้อยโผบินออกไปจากกรงเล็บของพระองค์ได้
ทางด้านขององครักษ์มาริสส์เริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองทำผิดมหันต์ เพราะเมื่อมองเข้าไปในดวงเนตรคมกริบแล้ว ก็เห็นได้ว่าเจ้าเหนือหัวกำลังให้ความสนใจกับหญิงสาวผู้นี้เป็นอย่างมาก ซึ่งพระองค์อาจจะสนใจจนเข้าขั้นที่เรียกว่าชื่นชอบ และตั้งแต่อยู่รับใช้ชีคอัลมัสมานาน เขาไม่เคยเห็นพระองค์แสดงท่าทีเช่นนี้กับหญิงใดมาก่อน
“กระหม่อมขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ ที่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นหนีไปได้”
“ไปหาประวัติของเธอมาให้เราภายในสองชั่วโมง”
และนี่คือคำสั่งเด็ดขาดที่ชีคอัลมัสสั่งกับองครักษ์เอก พระองค์ไม่ตรัสให้อภัย ขณะเดียว
กันก็ไม่ตรัสลงโทษองครักษ์มาริสส์ เพราะตอนนี้พระองค์กำลังต้องการตัวนกน้อยแสนสวย ที่พระองค์ทำหลุดมือไปอย่างน่าเสีย
“กระหม่อมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ชีคอัลมัสพยักพระพักตร์รับรู้ ดวงเนตรคมกริบจ้องมองไปตามทิศทางที่หญิงสาววิ่งให้ไป ให้ตายเถอะ! พระองค์กำลังหลงเสน่ห์ อยากเมคเลิฟกับกับผู้หญิงที่เพิ่งพบหน้ากันไม่ถึงครึ่งคืน และที่สำคัญ พระองค์ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเธอด้วยซ้ำไป
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะนับต่อไปนี้ไม่เกินสองชั่วโมง พระองค์ก็จะรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับหญิงสาวคนนี้ ซึ่งทำให้เลือดในกายของพระองค์ร้อนระอุโดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรเลย
“ต่อให้เจ้ามีปีก เจ้าก็บินหนีชีคอัลมัส อัลซิดส์ คาลาห์ ไม่พ้น”