บทย่อ
เรื่องราวของเทพอัคคีเยี่ยจวิ้นที่ลงมาเกิดยังโลกมนุย์ เพื่อหวังได้ครองคู่กับคนที่ตนเองหมายปอง แต่ไฉนเทพชะตาถึงได้ผูกด้ายแดงของเขากับบุรุษผู้นี้ได้เล่า?
บทนำ
สายฝนพร่างพรำลม เหมันต์พัดผ่านมานานร่วมห้าปี บุรุษร่างสูงโปร่งเพรียวบางราวอิสตรีผู้ผ่านร้อนหนาวมายี่สิบหกปี ยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ทอดสายมองไปยังทิวทัศน์ขาวโพลนเบื้องหน้า ด้วยสายตาโศกเศร้าอยู่เป็นนิตย์
นานแค่ไหนแล้วที่เขาพาตัวเองมาอยู่ในที่ปลีกวิเวกเช่นภูเขาลูกนี้…
ห้าปีแล้วกับการมีชีวิตอยู่เพียงลำพัง เขานำความเจ็บช้ำ โศกเศร้า เสียใจ โกรธแค้น อาฆาตและความรู้สึกอีกทั้งหลายทั้งปวงมาทิ้งไว้ที่นี่
เขาหันหลังให้กับครอบครัว เพื่อนฝูง ละทิ้งวิชาแพทย์ พลังปราณธาตุโอสถที่ใต้หล้าต่างกล่าวขานว่าพบได้ยากนักหนา เขาก็ละทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ไม่ฝึกฝนต่อ มีเพียงวรยุทธที่ไม่นับว่าเป็นยอดฝีมือเท่านั้น ที่ยังเหลือไว้เพื่อประทังชีวิตในป่าลึก บนยอดเขาสูงระหว่างสามแคว้น
ร่างสูงถอนหายใจหนักๆ ทิ้ง ก่อนจะหมุนกายกลับเข้าเรือนหลังน้อยที่ทำจากไม้ไผ่ ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง เรือนหลังนี้เขาใช้เวลาสร้างมันอยู่หลายเดือน แล้วก็เป็นสิ่งเดียวที่ช่วยกันร้อนหนาวและเม็ดฝนยามฟ้าคลั่งได้
“อาหลิ่ง!”
เสียงร้องเรียกจากด้านหลังทำเอาปลายเท้าที่กำลังจะก้าวเหยียบลงพื้นชะงัก ซ่งหานหลิ่งยืนนิ่งอยู่หลายอึดใจ
เสียงที่ได้ยินเมื่อครู่นี้เป็นเขาหูฟาดไปใช่หรือไม่?
ท่ามกลางป่าลึกและเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายเช่นนี้ ใครที่ไหนจะมาเอ่ยเรียกชื่อเขากัน ขนาดพรานป่าที่เข้ามาล่าสัตว์ยังนานๆ เจอสักครั้ง
ชายหนุ่มส่ายหน้าให้ตัวเองก่อนจะก้าวขาเดินต่อ
“อาหลิ่ง! อาหลิ่ง!”
“...?” เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นซ้ำกันถึงสองครั้ง อย่างนี้หูของเขาคงไม่ได้ฟาดแล้วกระมัง?
“อาหลิ่ง! ไยเจ้าจึงใจดำนัก ข้าเรียกเจ้าตั้งหลายครั้ง แต่เจ้าก็ไม่หัน ทั้งๆ ที่ข้ากำลังจะตายลงต่อหน้าเจ้าแท้ๆ!”
ซ่งหานหลิ่งค่อยๆ หมุนกายที่แข็งทื่อกลับไป คนที่กำลังต่อว่าเขาอยู่ตอนนี้คงไม่ใช่...เหอเจ่อฮั่นหรอกนะ?