บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

จนกระทั่งถึงเวลาสายของวันรุ่งขึ้นแล้ว มิสซิสเลอบลังซ์ จึงได้พอใจกับการดูแลให้โจลี่ได้รับประทานอาหาร จากนั้นก็จัดทั้งอาหารเครื่องดื่ม ใส่ตะกร้าปิกนิก รวมทั้งแผนที่กับรายละเอียดในการเดินทาง เพื่อให้เธอสามารถเดินทางเที่ยวชมสถานที่ต่างๆได้ตามลำพัง

และแล้ว ก็ถึงเวลาที่โจลี่ขึ้นนั่งหลังพวงมาลัยรถโฟล์กสวาเก้นสีแดงเข้มและขับออกสู่ถนนหลวง ซึ่งนอกเหนือจากสถานที่ต่างๆที่ได้เขียนเป็นรายการไว้ เพื่อให้เธอได้เที่ยวชมโดยสะดวกแล้ว โจลี่ก็แทบไม่มีความรู้เลยว่าเธอควรจะไปที่ไหนต่อ

สภาพอากาศในวันนั้น บ่งบอกว่าจะเป็นวันที่มีอากาศร้อนอบอ้าวอยู่มาก ดังนั้น เธอจึงไม่สนใจที่จะเดินชมพิพิธภัณฑ์ ยิ่งกว่านั้นเธอยังไม่คิดว่า กางเกงขายาวผ้าฝ้ายสีเขียวหยกซึ่งเป็นชุดเข้ากันกับเสื้อตัวสั้นไม่มีแขนและคอค่อนข้างกว้าง จะเหมาะสมกับการเข้าไปเดินอยู่ในสถานที่เช่นนั้น แม้จะเป็นชุดที่ได้รับการยอมรับก็ตามที

ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจที่จะขับรถไปตามถนนวงแหวนสายที่โอบล้อม เซ้นท์ มาร์ตินวิลล์ทางด้านหลัง เพื่อที่จะได้ชมทัศนียภาพอันแปลกตาของเมืองชนบทในอีกรูปแบบหนึ่ง แทนที่จะใช้เพียงเส้นทางหลวง และในยามบ่ายคล้อย เมื่ออากาศค่อยเย็นลง เธอก็จะสามารถจอดรถพักผ่อนที่สวนสาธารณะ ซึ่งมีต้นโอ๊กของอีแวนเจลีนยืนต้นตระหง่านอยู่ได้

เซนท์ มาร์ตินวิลล์ ถูกทิ้งไว้ทางเบื้องหลังอย่างรวดเร็ว เมื่อโจลี่เลือกใช้เส้นทางหลวงสายที่สอง ที่ตัดจากตัวเมืองมุ่งหน้าไปทางฟากตะวันออก การจราจรบนเส้นทางนี้ไม่คับคั่งเท่าใดนัก เธอจึงสามารถขับรถไปได้เรื่อยๆตามสบาย บางครั้งก็ชะลอความเร็วลงเมื่อพบความงามของธรรมชาติที่น่าหยุดชม ซึ่งก็ออกจะมีอยู่บ่อยครั้ง แต่บางครั้งก็ต้องเร่งเครื่องเร็วขึ้น จนลมแรงปะทะอยู่กับใบหน้า

ไร่อ้อยแผ่ตัวกว้างอยู่บนพื้นแผ่นดินเบื้องหน้า บางแปลงสูงกว่าหลังคารถ ในขณะที่อีกฟากหนึ่งเพิ่งเจริญเติบโต ทอดใบระอยู่กับหน้าต่างรถ มีบ้านเรือนตั้งกระจัดกระจายอยู่สองฟากฝั่งของไร่ บ้านเรือนเหล่านี้มีลักษณะที่ไม่ใคร่แตกต่างไปกว่าบ้านในตำบลชนบทที่เธออยู่เท่าใดนัก แต่กระนั้น ในบางครั้ง โจลี่ก็ยังสังเกตเห็นบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในถนน มีสนามหน้าบ้านที่ปูด้วยหญ้าเขียวขจีและรายล้อมอยู่ด้วยต้นโอ๊กขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อเห็นบ้านลักษณะนี้ โจลี่จะชะลอรถลง พยายามเพ่งสายตามอง ว่าจะมีสัญลักษณ์อะไรที่จะบอกว่า มันคือคาเมรอน ฮอลล์บ้าง แต่เธอก็ต้องผิดหวัง

ด้วยความรู้สึกที่อยากผจญภัย โจลี่จึงเลี้ยวรถลงจากถนนใหญ่ เข้าสู่ถนนดินลูกรังที่มีก้อนกรวดสีขาวผสมอยู่ อย่างน้อยในตอนแรกเธอก็คิดว่ามันเป็นก้อนหินสีขาว...แต่แล้วก็ได้พบว่า แท้ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ก้อนหินหรือก้อนกรวดสีขาวที่ฝังตัวอยู่ในดิน แต่กลับเป็นเปลือกหอยสีขาวที่เกาะตัวกันอยู่

เมื่อเลี้ยวรถเข้าสู่เส้นทางสายนี้ เธอก็ได้พบว่า รถคันเล็กๆของเธอถูกกลืนเข้าไปในดงอ้อย ซึ่งทอดตัวไปไกลจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย จะมีก็แต่เพียงกิ่งก้านของต้นไม้เบื้องหน้าเท่านั้นที่เป็นเครื่องหมายบอกให้รู้ว่า ในบริเวณนี้ไม่ได้มีแต่เพียงไร่อ้อยอย่างเดียว

โจลี่มุ่งหน้าไปยังต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาอยู่เบื้องหน้า ยึดมันเป็นจุดหมายปลายทาง ดังนั้น เมื่อบรรลุถึงบริเวณต้นไม้ใหญ่ดังกล่าว เธอจึงรู้สึกทั้งแปลกใจและดีใจ ที่มองเห็นว่าตรงนั้นเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ มีต้นไซเปรสขึ้นอยู่ตามแนวฝั่ง แต่ต้นไม้เหล่านั้นอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างโทรม ใบเหี่ยวเฉา อาจจะเป็นเพราะมีสเปนนิช มอสส์ เกาะอยู่เต็มบนกิ่งก้าน ไฮยาซิน ซึ่งเป็นไม้น้ำ พยายามจะประคับประคองตัวมันเองให้โผล่ช่อดอกสีม่วงขึ้นมาประดับพื้นน้ำไว้ ใบหนาๆสีเขียวเข้ม หลีกทางให้กับใบแหลมคมของพาลเมทโต้อยู่

เธอชะลอความเร็วของรถลงจนคลานไปเหมือนเต่า ขณะที่โจลี่ใช้สายตาสำรวจดูชีวิตที่เกิดและเป็นอยู่รายรอบบึงแห่งนั้น ซึ่งนอกจากจะมองเห็นนกบางตัวที่ที่โฉบลงกินเกสรดอกไฮยาซินเป็นอาหารแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย ทั้งๆที่สัญชาตญาณแห่งการผจญภัย ทำให้เธออยากจะเห็นจระเข้สักตัวก็ตาม เมื่อไม่มีอะไรจะให้ดูได้ โจลี่ก็บอกตัวเองว่า บึงแห่งนี้เป็นเพียงหนองน้ำเล็กๆเท่านั้น และอาจเป็นไปได้ที่มันอยู่ใกล้ความเจริญของมนุษย์มากเกินไป จึงไม่มีสัตว์ป่าหลงเหลือให้เห็น

เมื่อเลยบึงออกไปได้ไม่ไกล พื้นแผ่นดินตรงหน้าก็ราวจะคลี่ออกให้เห็นทุ่งหญ้าเขียวขจี ภาพฝูงปศุสัตว์ที่เคี้ยวเอื้องหญ้าอ่อนเนื้อแน่นนั้น ในสายตาของโจลี่ ดูเป็นอะไรที่ผิดธรรมชาติ เพราะเธอคิดอยู่ว่า ในแถบถิ่นเช่นนี้ควรจะอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์ป่า ส่วนสัตว์เลี้ยงลักษณะนี้ควรจะมีอยู่ในภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา มากกว่าที่จะมาอยู่ในหลุยส์เซียน่า

เส้นทางสายนั้นเลี้ยวเป็นวงโค้งไปรอบทุ่งหญ้าและโจลี่ ก็ต้องพบกับความแปลกใจ ที่ขณะนี้อีกฟากหนึ่งของเส้นทางคือลำน้ำที่ไหลอ่อนเอื่อย ซึ่งเธอรู้ได้ทันทีว่ามันคือแม่น้ำเบยู แสงแดดส่องต้องพื้นน้ำที่ราบเรียบที่เต็มไปด้วยความสงบเยือกเย็น ต้นโอ๊กใหญ่โน้มกิ่งลงแทบจะระกับพื้นน้ำ ตรงปลายกิ่งที่มีมอสเกาะลอยเรี่ยอยู่กับผิวน้ำ

โจลี่ตัดสินใจว่าบริเวณนี้เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารกลางวันจากกระเช้าปิกนิกที่มิสซิสเลอบลังซ์จัดมาให้ เลยออกไปไม่ไกลนัก คือประตูทางเข้าไร่ ที่สามารถจะเลี้ยวรถกลับไปยังฟากถนนตรงข้าม และการจอดรถก็ไม่เกะกะขวางทางจราจร ในกรณีที่อาจจะมีรถคันอื่นผ่านเข้ามาได้ ดังนั้น โจลี่จึงไม่ได้รีรอที่จะทำตามความตั้งใจ

เธอหิ้วกระเช้าปิกนิกไว้ในมือหนึ่ง หอมพรมผืนเล็กไว้ในอ้อมแจน รวมทั้งกระเป๋าถือกับกระติกใส่เครื่องดื่ม โจลี่เดินข้ามถนนตรงไปยังริมฝั่งน้ำ กระโดดข้ามแอ่งน้ำเล็กๆที่ขวางทางอยู่ โดยพยายามระมัดระวังไม่ให้ข้าวของที่หอบพะรุงพะรังตกหล่นลงและไม่ให้ตัวเองลื่นไถลล้มด้วย

แต่ถึงอย่างไร โจลี่ก็อดคิดอยู่ในใจไม่ได้ว่า ถ้าแม้นมันจะต้องเป็นเช่นนั้น มันก็คุ้มค่ากับการที่ได้มาพบเห็นสถานที่ซึ่งมีแต่ธรรมชาติเงียบสงบ ความสงัดเงียบจากความร้อนในยามกลางวัน ราวกับจะหยุดความเคลื่อนไหวของทุกสิ่งให้อยู่กับที่ ถ้าจะมีความเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้นก็เป็นไปอย่างช้าๆ แม้แต่เสียงร้องของนกก็ยังเป็นเสียงหนักๆ คล้ายกับมันต้องใช้พละกำลังในตัวที่มีอยู่เพียงน้อยนิด ลากเสียงออกมาอย่างเต็มที่ ไม่มีแม้แต่เสียงสายน้ำที่กระซิบกระซาบอยู่กับแนวตลิ่ง

ไรเหงื่อชื้นๆฉาบอยู่บนหน้าผากและตีนผมเมื่อไม่มีสายลมอ่อนช่วยพัดเป่าความร้อนให้คลายลง โจลี่มีความรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่แนบเรือนกายจนอึดอัด หยาดเหงื่อที่เกิดจากความร้อนอบอ้าวของอากาศไหลเยิ้ม

เธอคุกเข่าลงบนพื้นดินที่มีหญ้าขึ้นอยู่ตามธรรมชาติราวปูไว้ด้วยผืนพรม คลี่พรมผืนเล็กออก จัดเรียงเข้าของที่เตรียมมาลงไว้ข้างๆ ในตะกร้าปิกนิก มิสซิสเลอบลังซ์ได้ใส่ผ้าเย็นสำหรับใช้เช็ดหน้ามาในถุงพลาสติกด้วย และโจลี่ก็ใช้มันซับเหงื่อที่ชื้นชุ่มอยู่บนใบหน้า ซึ่งช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นได้มาก

เธอกวาดสายตามองไปรอบๆตัว ขณะใช้ผ้าเช็ดไปตามช่วงลำคอและไหล่ เงยหน้าขึ้นลูบไล้ผ้าลงไปจนถึงฐานเนินทรวง

โจลี่กวาดสายตาช้าๆจากวิวฝั่งตรงข้ามลำน้ำมาจนถึงบริเวณใกล้ตัว ห่างจากที่เธอนั่ง ไกลออกไปทางด้านซ้ายมือประมาณสิบห้าฟุต คือโอ๊กอีกต้นหนึ่งซึ่งดูจะมีขนาดย่อมกว่าต้นที่เธอเคยเห็นมา

ขณะเลื่อนสายตาจากกิ่งก้านที่แน่นหนาด้วยใบสีเขียวครึ้มลงมาตามลำต้น จนถึงพื้นดินเบื้องล่างนั้นเอง มือที่กำลังใช้ผ้าเย็นลูบไล้ตามร่างกายอยู่ก็ชะงักลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel