บทที่ 2.2 เก็บไว้
ป็อปอุทานลั่นรถด้วยความตกใจ เหยียบเบรกจนหัวแทบทิ่ม กระเป๋าสัมภาระและกล่องหลายใบท้ายรถไหลมากองรวมกันด้านหน้าเกือบหมด ตอนขนขึ้นรถก็เกือบตาย
พ่อกับแม่เลี้ยงยืนมองไม่รั้งไว้สักคำ เวรกรรมแท้ๆ
“แกพูดจริงเหรอยัยเฌอ” เธอถามย้ำเพราะไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “ไม่ป้องกันเหรอวะ”
“ถุงก็ใส่ ใส่ทุกรอบ”
เธอตอบพลางหน้าร้อนวาบ จริงอยู่ว่าปกติกับเพื่อนก็พูดเรื่องแบบนี้กันบ้าง พูดเล่นกันขำๆ ไม่คิดว่าจะต้องมาพูดในสถานการณ์จริงแบบนี้
“หลายรอบ”
เฌอครางตอบในลำคอเสียงเบาถึงจะเป็นเพื่อนสนิทแต่มันก็น่าอายอยู่ดี
“ถุงแตกหรือเปล่า”
“ไม่รู้”
“แล้วแกติดต่อเขาไหม”
“โทรไปแล้ว” เธอตอบเสร็จก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด
เพิ่งจะเข้าเรียนปีหนึ่งได้สามเดือนกว่าตอนนี้มาท้องแถมยังโดนไล่ออกจากบ้าน มีอะไรแย่ไปกว่านี้ไหม แต่ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเองทั้งนั้นจะโทษใครได้ ถ้าคืนนั้นไม่อยากรู้อยากลองคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“เขาว่าไง”
“ก็ไม่รับ บอกว่าไม่ใช่เขาแน่นอน” เธอตอบ รู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนี้
เขามีสิทธิ์ที่จะไม่รับ เขาไม่ผิด ในเมื่อเธอง่ายเอง ตัวเขาไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธออยู่แล้ว ปัญหาของเธอตอนนี้คือจะทำอย่างไรกับลูกในท้องต่างหาก
“มันต้องรับผิดชอบร่วมกันไหมวะ อย่างนี้ก็หมาดิ”
ป็อปพูดออกมาอย่างหัวเสีย ถ้าจะไม่รับผิดชอบก็ช่วยคิดแก้ปัญหาก็ยังดี ทำอย่างนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยสักนิดเดียว เธอคิดพลางหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองเลื่อนหาเบอร์พี่ชายตัวเอง
“แกจะทำอะไร อย่าบอกพี่แก อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ ฉันขอคิดแก้ปัญหาก่อนได้ไหม”
เฌอริตารู้ว่าเพื่อนกำลังจะโทร.ไปโวยพี่ชายตัวเองเรื่องเพื่อนเขาแน่จึงรีบห้ามอย่างรู้ทัน เธอไม่อยากให้ใครรู้ มันน่าอาย โคตรจะขายขี้หน้าตัวเอง ไปนอนกับผู้ชายแล้วพลาดท้องยังจะมีหน้าไปขอให้เขารับผิดชอบ
“แล้วแกจะทำยังไง”
เพื่อนสนิทคิดไม่ออกเลยว่าต้องทำอย่างไรกับเรื่องนี้ ป็อปหัวหมุนจนต้องยกมือขึ้นมายีผมตัวเองอย่างหงุดหงิด ปัญหาของเพื่อนทำให้เธอกังวลจนเหมือนเป็นเรื่องของตัวเองแล้ว
“ฉันเพิ่งรู้เมื่อเช้า มันช็อคจนคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง” เธอเอ่ยแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่ามันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว
พลันสมองก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ไม่ใช่ว่าผู้ชายคนนั้นเอาเรื่องเธอไปพูดให้ใครต่อใครฟังแล้วหรอกนะ
Cherrita : เรื่องนั้นอย่าเอาไปพูดให้ใครฟัง เฌอไม่คิดจะไปรบกวนอะไรพี่อยู่แล้ว ถ้าเป็นลูกผู้ชายพอ ขอแค่เรื่องเดียว ให้มันเป็นความลับ
ส่งข้อความนั้นเสร็จเธอก็จัดการบล็อกเบอร์และไลน์ของเขาด้วยความใจร้อน ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอต้องติดต่อเขาอีก ต่อให้เก็บลูกในท้องไว้หรือเอาเขาออกไปจากชีวิต
“ถ้าตั้งแต่ตอนนั้นแปลว่าก็ห้าเดือนแล้วดิ แกดูไม่เปลี่ยนเลยนะ แล้วทำไมแกเพิ่งมารู้วะเฌอ”
“ปกติประจำเดือนมันก็ไม่ได้มาปกติอยู่แล้วเว่ย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ไปหาหมอก็ได้ยาปรับฮอร์โมน พอหมอหยุดยามันก็เป็นแบบเดิม ฉันก็ไม่เอะใจอะไร “
” แล้วแกรู้ได้ไงว่าท้อง “
” ครั้งนี้มันนานไป แล้วรู้สึกแปลกๆ ช่วงท้อง ไหนจะอาการอื่นอีก ไม่คิดนะว่าจะท้องเพราะป้องกันไง”
เธอเล่าพลางวางศอกกับที่จับตรงประตู วางศีรษะกับฝ่ามือแล้วเหม่อคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ห้าเดือนมันนานมากนะ นานพอที่จะทำให้อีกชีวิตในท้องของเธอสร้างสมอง สร้างหัวใจ สร้างร่างกายเป็นมนุษย์คนหนึ่งแล้ว ถ้าเธอเอาเขาออกไปจากชีวิตเท่ากับเธอกำลังจะคร่าชีวิตหนึ่งอย่างโหดร้าย
ฝ่ามือเล็กลูบลงไปที่ท้องของตัวเอง เพิ่งรู้ตัวว่าอาการเหมือนมีฟองน้ำอยู่ในท้องคือการที่ลูกกำลังขยับตัวทักทายคุณแม่อย่างเธอ
แม่อย่างนั้นหรือ
เธอพร้อมที่จะเป็นแม่ใครหรือยัง ตอนนี้เธออายุย่างสิบเก้าปี มีความฝันอยากใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่า อยากทำงานและเรียนไปด้วย เก็บเงินให้ได้สิบล้านเพื่อซื้อบ้านสักหลังด้วยความสามารถของตัวเองและออกมาจากบ้านหลังนั้นเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
เธอทำสำเร็จแค่เรื่องเดียวคือออกมากบ้านหลังนั้นได้แล้ว แต่แลกมากับความรู้สึกที่เสียไปมากมาย ถูกพ่อทำร้ายเพราะโกรธ ถูกเมินจากคนที่เธอรักมากที่สุด
คนอย่างเธอนะหรือที่จะเป็นแม่ เป็นผู้หญิงที่มีใครคนหนึ่งเรียกว่าแม่
“จะเก็บหรือเอาออกวะแก”
เพื่อนสนิทถามอย่างหนักใจ จริงอยู่ว่าช่วงนี้เพื่อนมีรายได้มากมายจากการขายของออนไลน์แบบที่เธอเองยังทำไม่ได้ ยังเป็นคนที่แบมือขอเงินพ่อแม่ไปวันๆ แต่เพื่อนมีเงินเก็บหลักแสนแล้วในตอนนี้
แต่การเป็นแม่คน การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้โตขึ้นมามันไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ แค่ให้เธออยู่กับหลานวัยสามขวบทั้งวันยังเกือบตาย
“เป็นคนแล้วนะป็อป”
--------------
พี่บูมนอนสบายใจเฉิบ ไม่รู้ๆ ไม่ใช่ลูกผ้มมม