บทที่ 2 พ่อแม่ขายบ้าน!
ข้างล่างตึกตระกูลเสิ่น หวังหรงรอคอยด้วยความตื่นเต้น
หวังหรงนัดเวลาพบปะกับเสิ่นชิงชิวตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อน และขอให้เพื่อนช่วย จึงได้นัดเวลาพบปะกับเสิ่นชิงชิวเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง
ขณะที่กำลังรอ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมา
หวังหรงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“เลขาหลี่”
เลขาหลี่กวาดสายตามองดูทั้งสองคนแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า : “ประธานเสิ่นไม่ว่าง พวกคุณนัดเวลาใหม่เถอะ”
เมื่อหวังหรงได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปมาก เธอนัดเวลาไว้ล่วงหน้าตั้งหนึ่งเดือน เพื่อให้ได้พบปะกันในครั้งนี้ แต่ไม่ได้พบและยังต้องนัดเวลาใหม่?
ถ้าเป็นที่อื่น หวังหรงโมโหตั้งนานแล้ว แต่ว่านี่คือตระกุลเสิ่น ต่อให้หวังหรงจะไม่พอใจมากแค่ไหน ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าออกมามากนัก ได้แค่ถามด้วยความระมัดระวังว่า : “เลขาหลี่ แล้วประธานเสิ่นจะมีเวลาว่างตอนไหนเหรอ?”
เลขาหลี่จ้องตาหวังหรงด้วยความรำคาญ : “ประธานเสิ่นมีเวลาว่างตอนไหนต้องรายงายเธอด้วยเหรอ? เธอเป็นใคร ให้เธอนัดเวลาใหม่ก็นัดมาสิ!”
เลขาหลี่พูดจบ ไม่ได้มองหน้าหวังหรงนานกว่านั้น แล้วหันหลังเดินจากไป
เลขาหลี่เดินกลับไปหน้าห้องทำงานที่อยู่บนดาดฟ้าอย่างรวดเร็ว ยืนอยู่ข้างนอกประตูอย่างสุภาพเรียบร้อย เธอรู้ว่าแขกที่มาในวันนี้แม้แต่นายท่านเสิ่นก็ยังต้องต้อนรับอย่างเกรงอกเกรงใจ ตนเองจะต้องคอยดูแลอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น!
ภายในห้องทำงาน ฉีเทียนพูดกับนายท่านว่า : “นายท่านเสิ่น คุณอย่าเกรงใจไปเลย เรื่องงานแต่งงานผู้เฒ่าเจียงเป็นคนกำหนดขึ้น ผมเองก็ไม่รีบ”
นายท่านเสิ่นรีบพูดว่า : “ครับ ครับ ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณฉีว่า ในเมื่อคุณฉีไม่รีบ อย่างนั้นก็หมั้นกันก่อน เพื่อให้แม่นางชิวสุ่ยไปมาหาสู่กันกับคุณฉีมากขึ้น สร้างความสัมพันธ์กัน คุณฉีคิดว่าอย่างไร?”
ฉีเทียนถอนหายใจออกมา ฉีเทียนไม่ได้เตรียมความพร้อมใด ๆ กับการแต่งงานที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่นึกถึงสิ่งที่ผู้เฒ่าเจียงเขียนลงในเอกสารนี้ ก็ทำได้เพียงพยักหน้าตกลง
“งั้นก็หมั้นกันก่อนแล้วกัน”
ฉีเทียนเป็นคนง่าย ๆ ใครดีกับเขา เขาก็จะดีกับคนนั้น อยู่ในคุกสามปี แม้ว่าผู้เฒ่าเจียงจะเข้มงวด บังคับให้เขาฝึกฝนทุกวัน แต่ฉีเทียนก็เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตัวเองดี ตนเองในปัจจุบันเทียบกับสามปีก่อน เปลี่ยนไปเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง!
ฉีเทียนรู้สึกซาบซึ้งใจกับบุคคลที่ เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองอย่างมาก
นายท่านเสิ่นพยักหน้าทันทีแล้วพูดว่า : “ในเมื่อคุณฉีตกลงแล้ว ถ้าต้องเลือกวันมงคลสู้จัดให้เร็วที่สุดยังดีซะกว่า วันนี้สายมากแล้ว พรุ่งนี้กลางวัน พวกเราตระกูลเสิ่นจัดงานหมั้น เชิญทุกคนในเมืองมา!”
ฉีเทียนตกลง พากู้เหวินกลับออกมา
หลังจากที่ฉีเทียนพวกเขาทั้งสองจากไป นายท่านเสิ่นมองไปที่เสิ่นชิวสุ่ย ถอนหายใจว่า : “ชิวสุ่ย หลานคงไม่โทษปู่ใช่ไหม?”
เสิ่นชิวสุ่ยไม่พูดไม่จา หันหลังและเดินไปข้างหลังโต๊ะทำงาน
วันนั้น ข่าวเกี่ยวกับพรุ่งนี้เสิ่นซื่อ กรุ๊ปจะจัดพิธีหมั้นให้เสิ่นชิวสุ่ยถูกเผยแพร่ออกไป
เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้เกิดโกลาหลทั่วทั้งเทียนหยินทันที
เสิ่นชิวสุ่ย! มีฉายาเป็นสาวสวยอันดับหนึ่งของเทียนหยิน มีคนตามจีบเยอะมาก ๆ ! หลายคนต่างก็เดาว่า ใครจะเป็นคู่ครองที่เหมาะสมของเสิ่นชิวสุ่ย ที่ผ่านมาไม่เคยมีข่าวว่าเสิ่นชิวสุ่ยมีความสัมพันธ์กับใคร ทำไมจู่ ๆ ก็หมั้นซะแล้ว?
หวังหรงที่โดนเสิ่นซื่อ กรุ๊ป ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยหลังจากที่ทราบข่าวก็ดีใจอย่างยิ่ง!
งานหมั้นของเสิ่นชิวสุ่ยในวันพรุ่งนี้ เป็นงานเลี้ยงเชิญคนทั้งเมือง นั่นก็หมายความว่า ตนเองมีโอกาสได้เจอเสิ่นชิวสุ่ยแล้วสิ? พรุ่งนี้เป็นวันดี เพียงแค่ตนเองดีพอ จะต้องทำให้เสิ่นชิวสุ่ยมองมาที่ตนได้สักแวบหนึ่ง! หวังหรงไม่ต้องการอะไรเลย แค่เป็นที่น่าประทับใจของเสิ่นชิวสุ่ยก็เพียงพอแล้ว!
ในขณะเดียวกันหวังหรงก็อดที่จะเดาสถานะของคนที่หมั้นกับเสิ่นชิงสุ่ยขึ้นมาไม่ได้ ผู้ชายที่สามารถหมั้นกับผู้หญิงอย่างเสิ่นชิวสุ่ยได้ จะต้องมีความแกร่งและยิ่งใหญ่ หวังหรงต้องเงยหน้ามองเขาและครอบครัวของเขา !
หวังหรงครุ่นคิด ถ้าตนเองได้รู้จักกับผู้ชายของเสิ่นชิวสุ่ย จะดีขนาดไหน บุคคลใหญ่โตแบบนี้ แค่พูดเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้ชีวิตตนเองเปลี่ยนได้!
ขณะที่หวังหรงกำลังครุ่นคิด ก็โทรศัพท์หาแฟนของตัวเอง : “จ้าวเฉิง พรุ่งนี้ประธานเสิ่นหมั้น พวกเราจะต้องทำผลงานให้ดี จะต้องทำให้ประธานเสิ่นประทับใจ!”
ฉีเทียนกับกู้เหวินมาถึงลานจอดรถ
รถโรลส์-รอยซ์มูลค่าสิบล้านขับมา กู้เหวินเปิดประตูรถให้ฉีเทียน
“คุณฉี ตอนนี้พวกเราไปไหน?”
“กลับบ้าน”
เข้าคุกสามปี ฉีเทียนอยากจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด
ฐานะทางครอบครัวของฉีเทียนธรรมดา บ้านอยู่ในชุมชนขนาดเล็กและเก่า
รถโรลส์-รอยซ์มูลค่าสิบล้านขับเข้ามา ทำให้หลาย ๆ คนเกิดความสนใจ
ฉีเทียนมาถึงข้างหน้าทางเข้าอาคารบ้านของตัวเอง มองดูเส้นทางที่คุ้นเคยสายนี้ ในใจมีความรู้สึกที่หลากหลาย พ่อแม่เลี้ยงให้ตนเองเติบโตขึ้นมา ฝากความหวังไว้ที่ตนเองมากมายเหลือเกิน แต่ตนเองกลับรับโทษแทนคนอื่นด้วยความสมัครใจ ฉีเทียนยังอดที่จะขำตัวเองไม่ได้เลย
โง่และไม่มีความกตัญญูพ่อแม่!
ฉีเทียนหายใจเข้าลึก ๆ เดินเข้าไปในอาคาร ขึ้นไปชั้นสอง เคาะประตู
เสียงล็อคดังขึ้น ฉีเทียนใจเต้นแรง ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับพ่อแม่อย่างไร
ประตูเปิดออก คนแปลกหน้าคนหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าฉีเทียน ฉีเทียนนิ่งไปชั่วขณะ
เจ้าของบ้านมองดูฉีเทียน สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง : “คุณมาหาใคร?”
ตอนแรกฉีเทียนสับสนเล็กน้อยไม่รู้ว่าตนเองมาผิดบ้านหรือเปล่า : “ผมมาหาฉีตงเซิ่ง”
เจ้าของบ้านนึกขึ้นได้ : “คุณหมายถึงเจ้าของบ้านเก่าเหรอ ย้ายไปสามปีแล้ว ขายบ้านหลังนี้ให้ฉันตั้งแต่สามปีก่อนแล้ว”
บ้าน ขายไปแล้ว?
ฉีเทียนยืนนิ่งอยู่หน้าประตูบ้าน
บ้านโดนขายเมื่อสามปีก่อนเหรอ?
ฉีเทียนเข้าคุกสามปี พ่อแม่ของเขาก็เคยมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยพูดคุยเรื่องที่ขายบ้านเลย!
ฉีเทียนรีบถามเจ้าของบ้านกลับว่า : “ทำไมพวกเขาถึงขายบ้านไป?”
เจ้าของบ้านยิ้ม : “เจ้าของบ้านคนเก่ามีลูกชายที่ไม่เอาไหน ขับรถชนคนอื่น และยังทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส ต้องชดเชยค่าเสียหายหลายล้าน ได้ข่าวว่าขายบ้านเพื่อชดเชยค่าเสียหายให้ลูกชายของเขา คุณดูสิ ทำไมถึงได้ลูกชายแบบนี้...”
คำพูดประโยคหลังฉีเทียนไม่ได้ฟังเลย
ชดเชยค่าเสียหายหลายล้าน! ขายบ้าน?
ฉีเทียนไม่เคยได้ยินพ่อแม่พูดถึงเรื่องพวกนี้เลย!
ฉีเทียนรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดขึ้นมา ตนเองรับโทษแทนหวังหรง อยู่ในคุกสามปีสุดท้าย ยังทำให้พ่อแม่ต้องขายบ้านอีก! ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นเพราะตนเอง!
ฉีเทียนเดินลงมาจากอาคารด้วยความสิ้นหวัง
กู้เหวินที่รออยู่ที่ประตูทางเข้าอาคารสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของฉีเหวินผิดปกติไป รีบวิ่งเข้าไปหา : “คุณฉี มีอะไรที่ผมช่วยได้หรือไม่?”
ฉีเทียนรีบพูดว่า : “คุณช่วยตรวจสอบข้อมูลของพ่อแม่ฉันหน่อย”
การตรวจสอบข้อมูลของคน ๆ หนึ่ง สำหรับมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในเทียนหยินแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ไม่นานข้อมูลของพ่อแม่ฉีเทียนก็ถูกตรวจสอบออกมา
“คุณฉี อยู่ที่บ้านกระท่อม”
ร่างกายฉีเทียนสั่นอย่างรุนแรง บ้านกระท่อม! พ่อแม่อายุมากแล้ว กลับต้องขายบ้านเพราะความเอาแต่ใจของตนเอง แล้วไปอยู่ที่บ้านกระท่อม
บ้านกระท่อมในเทียนหยิน พูดตรง ๆ สถานที่แห่งนี้ของเทียนหยิน แม้แต่คนเก็บขยะก็ยังไม่อยากไปอยู่ที่นั่นเลย!
ฉีเทียนให้กู้เหวินไปที่บ้านกระท่อมอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงบ้านกระท่อม กลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นทำให้กู้เหวินปิดปากและจมูกโดยอัตโนมัติ กล่าวว่าที่นี่คือบ้านกระท่อม ที่จริงแล้วเป็นจุดทิ้งขยะมานานมากแล้ว จะมีใครมาอยู่ แม้แต่หมาแมวจรจัดก็ยังไม่มาที่นี่เลย
ในกองขยะมีบ้านไม้ผุพังที่ยังพอดูได้หลังหนึ่ง มีรถเบนซ์สีแดงคันหนึ่งจอดอยู่ข้างหน้าบ้านไม้
ได้ยินเสียงโวยวายที่ดังขึ้นมาจากข้างในบ้านไม้ จากนั้นหม้อ ชาม ชุดเครื่องนอนก็โดนชายฉกรรจ์สองสามคนโยนออกมาจากบ้านไม้
หวังหรงยืนอยู่ข้างหน้าบ้านไม้ ด่าเข้าไปในบ้าน : “ตาแก่ทั้งสอง อย่าหวังว่าฉีเทียนออกมาแล้วพวกแกจะรื้อคดีขึ้นมาได้ เอาของออกมาให้ฉัน! ไม่อย่างนั้นฉันจะทุบพวกแกให้ตาย!”