ตอนที่ 5 ปลิงชัดๆ
"ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันสัญญาว่าฉันจะหาเงินมาคืนคุณทุกบาททุกสตางค์เลย"
" 3 แสนนะไม่ใช่ 3 พันที่เธอจะหามาคืนฉันได้ง่ายๆ"
เขาหันมามองหน้าฉันด้วนสายตาที่ดูถูก มันเจ็บปวดนะที่โดนมองด้วยสายตาแบบนี้
" แต่ฉันจะพยายามค่ะ ฉันจะหามาคืนคุณให้ได้เลย"
ฉันยกมือไหว้เขาเพื่อร้องขอ แต่เขากลับไม่มีท่าทีว่าจะยอมเลย เขาลุกขึ้นยืนแล้วถอดผ้าที่พันอยู่รอบกายออก ฉันจึงรีบหันหน้าหนีทันที เพราะเขาเปลือยเปล่าล่อนจ้อนจนน่ากลัว
"ตอนนี้ฉันไม่ต้องการเงิน ฉันต้องการอย่างอื่นมากกว่า "
พอพูดจบเขาก็ผลักฉันลงไปนอน ยังไงคืนนี้ฉันก็ไม่รอดแน่ๆ ทำให้น้ำตาฉันไหลลงมาอาบ2 แก้มจนเปียกไปหมด
เขาใช้มือลูบไล้ไปตามร่างของฉันก่อนจะถอดเสื้อผ้าของฉันออกจนหมด ฉันรู้สึกเย็นวูบวาบไปหมดทั้งตัว เขาค่อยๆก้มลงมาไซร้ที่ซอกคอของฉัน ก่อนที่จะบรรจงจูบแล้วก็จูบไปจนทั่ว ส่วนมือก็ขยำขยี้หน้าอกที่แทบจะมองไม่รู้เลยว่ามันคือหน้าอก อย่างเบามือ เขาดูอ่อนโยนมาก ซึ่งต่างจากเวลาที่เราคุยกัน
เสียงลมหายใจของเขาดังผ่านลมปากออกมา ก่อนที่จะเลื่อนใบหน้าอันหล่อเหลาที่ทีหนวดเครานิดๆมาที่หน้าอกของฉัน เรียวปากหนาครอบงับไปที่ยอดหน้าอกอย่างรวดเร็ว เขาทั้งดูดทั้งเม้น มีขบกัดเล็กน้อย มันทำให้ฉันเด้งตัวขึ้นรับลิ้นเขาอย่างอัตโนมัติ
มันช่างทรมานจริงๆ ความรู้สึกแบบนี้ฉันไม่เคยได้สัมผัสมันมาก่อนเลยนะ
" อะ…. อืม.. ฉันไม่ไหวแล้วค่ะ. ...มันทรมาน"
เขาเงยหน้าขึ้นมาจ้องฉันก่อนจะก้มลงมาจูบ เขาชอนไชลิ้นเข้ามาด้านใน กลิ่นบุหรี่ที่เขาสูบมันสัมผัสเข้ามาในปากฉันเต็มๆ ฉันซึ่งไม่เคยจูบกับใครมาก่อนเลยทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง ไม่มีคำพูดในออกจากปากของเขา
" ใส่ถุงมั้ยคะ"
ฉันพลักเขาออกเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากถามเขาด้วยน้ำเสียงสะอื้น
" ฉันไม่ชอบ"
เขายัดไอ้นั่นเข้ามาในตัวฉันอย่างรวดเร็ว ฉันสะดุ้งแล้วแอ่นตัวขึ้นด้วยความเจ็บ น้ำตาไหลออกมามากกว่าเดิม มันทั้งเจ็บ ทั้งจุก ทั้งทรมาน เสียงสะอื้นของฉันดังเล็ดลอดออกมาจากรอยฟันที่กัดไว้แน่น
เหมือนเขาจะรู้ว่าฉันไม่ไหว เขาจึงค่อยๆผ่อนแรงให้เป็นเบาและเพิ่มเป็นหนัก ฉันเริ่มรู้สึกผ่อนคลายความเจ็บลงมาบ้าง เขาค่อยๆใช้มือมาลูบคราบน้ำตาบนหน้าฉันเบาๆก่อนที่จะก้มลงมาจูบฉันอีกครั้ง
ค่ำคืนที่แสนโชคร้ายมันค่อยๆคืบคลานผ่านไปอย่างช้าๆ เขานอนกับฉันหลายรอบมาก จนฉันไม่ไหวเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่พอฉันตื่นขึ้นมา ฉันกลับไม่เจอเขาแล้ว มีเพียงห้องที่ว่างเปล่า กับฉันที่นอนล่อนจ้อนอยู่บนเตียงพร้อมเลือดที่เปื้อนเป็นดวงๆอยู่บนที่นอนด้วยฉันเอื้อมมือขึ้นไปแตะเลือดนั่นเบาๆ พรหมจรรย์ที่ฉันอุตส่าห์เก็บไว้ให้กับคนที่รักตอนนี้มันถูกพรากไปจากฉันแล้ว เพียงเพราะคนที่ฉันคิดว่าเขาเป็นเพื่อนขายฉันเพื่อแลกกับเงินตรา
เสี่ยตุลเขาคงจะไปแล้ว ฉันจึงค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปเข้าห้องน้ำ แต่ขาที่อ่อนล้ามันคงจะรับน้ำหนักไม่ไหว ฉันล้มลงข้างๆเตียงนั่นเอง พลันสายตาก็ไปเห็นซองสีน้ำตาลบนโต๊ะข้างหัวเตียงฉันจึงหยิบมันขึ้นมาดู แต่มันกลับทำให้ฉันตกใจมาก เพราะด้านในใส่เงินไว้ 3 ปึก พร้อมกระดาษโน๊ตที่เขียนด้วยลายมือของเขา1 แผ่น
"ค่าพรหมจรรย์ของเธอ 3 แสน"
ฉันฟุบหน้าลงบนเข่าทันที เขาตีค่าฉันด้วยเงินตราแบบนี้เหรอ ฉันร้องไห้ออกมาแทบขาดใจ ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
ฉันไปอาบน้ำใส่เสื้อผ้าก่อนจะพาร่างที่บอบช้ำจากการโดนกระทำเมื่อคืนออกจากโรงแรมมา ฉันนั่งแท็กซี่มาลงที่บาร์ของเจ๊ พอฉันผลักประตูเข้าไปฉันก็เห็นเจ๊ กับหงษ์แล้วก็ทุกคนกำลังยืนคุยกันอย่างเครียดๆ
“ เจ๊ หงษ์”
ฉันสะอื้นทันที ที่เจอหน้าทั้งคู่ หงษ์รีบวิ่งเข้ามากอดฉันเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง
“แกหายไปไหนมา ทำไมฉันโทรหาไม่ติด”
“แล้วอีปรางละ มันอยู่ไหน”
หงษ์กับเจ๊ถามฉันด้วยความสงสัย ฉันจึงยิ่งสะอื้นเข้าไปใหญ่เลย
“มานั่งนี่ก่อนมา”
ฉันถูกพาไปนั่งที่โต๊ะ ทุกคนต่างจ้องมาที่ฉันอย่างรอคำตอบ
“ปรางขายตาลให้กับพวกเมื่อคืนอ่ะเจ๊ ขายพรหมจรรย์ของตาลอ่ะ”
เจ๊เอามือขึ้นมาทาบอกด้วยความตกใจก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอด
“อีปรางทำไมมันถึงทำแบบนี้”
“แล้วตอนนี้อีปรางอยู่ไหนใครเห็นมันบ้าง”
หงษ์หันไปถามทุกคนแต่กลับไม่มีใครรู้เลย
“เจ๊แต่เขาให้เงินตาลมา 3 แสนนะ”
“เออ ยังดีแกจะได้เอามาตั้งตัวได้”
เจ๊พยายามปลอบใจฉัน ทั้งๆมี่มันไม่ได้ทำให้ใจฉันดีขึ้นมาเลย
“แล้วแกจะเอาไงต่อไปวะตาล”
หงษ์จ้องหน้าฉันอย่างรอคำตอบ
ฉันส่งเงินไปให้ที่บ้าน 2 หมื่น ส่วนที่เหลือฉันจะเอามาเปิดร้านขายอาหาร ฉันกับหงษ์ตะเวนหาตึกเช่าเปิดร้าน แล้วฉันก็เจอจนได้ มันอยู่ไม่ไกลจากชายหาดทะเลมากนัก แต่ค่าเช่าสูงมาก แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกที่จะไปเช่าที่อื่นเพราะทำเลที่นี่เข้าข่ายดีสุดๆ ฉันจึงตกลงทำสัญญา 1 ปี เพื่อเปิดร้านอาหารตามสั่งกับขายข้าวแกง
ฉันซื้อของมาจัดตกแต่งร้านหมดเงินไปเยอะเหมือนกันเพราะว่าฉันเริ่มต้นจาก ศูนย์เลย
“เหลือเงินเท่าไหร่วะตาล”
หงษ์ถามฉันขึ้นมาในขณะที่กำลังช่วยกันจัดโต๊ะ
“ เหลือ แสนสี่ ก็เราจ่ายค่าเช่า ล่วงหน้า 3 เดือน ไหนจะซื้อของอีกส่งให้ที่บ้านอีก”
“บ้านแกนี่ปลิงชัดๆเลยนะ”
“ยังไงเขาก็คือครอบครัวของฉันนะหงษ์”
“เออๆ ขี้เกียจพูดละ”
ฉันมองดูหงษ์ที่กำลังจัดโต๊ะอยู่ด้วยแววที่ขอบคุณ
“ขอบใจนะหงษ์ ขอบใจที่ช่วยเหลือฉัน”
“เออ”
หงษ์ยิ้มออกมานิดนึงก่อนจะก้มหน้าทำต่อไป
แล้วในที่สุดร้านของฉันก็เสร็จสมบูรณ์ พร้อมเปิดทุกคนที่บาร์มาช่วยฉันวันเปิดร้านกันทุกคน เจ๊ก็มานะมาพร้อมกล่องของขวัญด้วย พอเปิดไปข้างในมันเป็นภาพวาดของฉันเจ๊แล้วก็หงษ์ที่ยืนคู่กัน
“ขอบคุณนะคะเจ๊”