ตอนที่ 9 จมน้ำตา
คะนิ้งช่วยทางร้านเก็บของ และเก็บโต๊ะ เสร็จจากตรงนี้เธอก็ไปช่วย 'พี่นุช' ล้างจานที่หลังร้าน เนื่องจากตรงกับช่วงวันหยุดลูกค้าจึงมีเข้ามาใช้บริการค่อนข้างเยอะหนาตากว่าวันธรรมดา
แม้ภายในร้านจะมีพนักงานเสิร์ฟ และสำนักงานตำแหน่งอื่น ๆ อีกจำนวนไม่น้อย ทว่ากลับไม่เพียงพอกับการบริการลูกค้า ทำให้วันนี้พนักงานทุกคนต่างวิ่งกันวุ่นวายหัวหมุนกันเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่คะนิ้ง
เธอเดินเข้าครัวเอาอาหารไปเสิร์ฟลูกค้าตามโต๊ะหมายเลขนั้น ๆ สลับกับเดินไปอีกโต๊ะเพื่อจดโน้ตอาหารตามคำสั่งของลูกค้า จนไม่มีเวลามานั่งพักหายใจหายคอเลยสักนิด
จนกระทั่งร้านปิดเคลียร์ลูกค้าจนเกลี้ยงร้าน ถึงเวลาตีสองตามเวลาที่ร้านปิด พวกเด็กเสิร์ฟหาที่นั่งจับกลุ่มกันเม้าส์มอยตามประสาผู้หญิง เพราะทางร้านรับแค่พนักหญิงเท่านั้น พนักงานชายส่วนใหญ่จะเห็นทำงานในตำแหน่งอื่นเสียมากกว่า
พนักงานบางคนควักธนบัตรสีเขียวอ่อนในถุงกางเกงตัวเองขึ้นมาวางตรงหน้าทิปเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้จากลูกค้า เงินที่ได้จากส่วนนี้ใครจะได้มากได้น้อยก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้า และไม่ต้องแบ่งสันปันส่วนกับใคร
พอคนอื่นเริ่มนับเงินที่ได้ในวันนี้ คะนิ้งจึงควักเงินออกมานับบ้างทำให้เพื่อนร่วมงานทุกคนหันขวับมาจ้องเป็นตาเดียวพร้อมส่งเสียงโห่ รู้สึกอิจฉา ทั้งอยากได้ทิปหนัก ๆ แบบั้นบ้าง
ธนบัตรสีแดงรวมถึงสีเทามีมากที่สุดในกองทิปเงินของคะนิ้ง เธอมักจะได้ทิปที่เกินหน้าเกินตาคนอื่นอยู่เสมอ แต่อย่างว่านั่นแหละคะนิ้งตั้งใจทำงานเป็นอย่างมาก ไม่ว่างานที่ทำจะหนักหนาสาหัสแค่ไหนเธอก็ยังยิ้มแย้มอยู่ตลอด บริการลูกค้าด้วยความเต็มใจไม่แปลกหรอกหากลูกค้าจะพึงพอใจมีเท่าไหร่ก็ยอมจ่าย นั่นจึงเป็นเหตุให้ใครบางคนหมั่นไส้ไม่ชอบขี้หน้าเธอ
"นางโดนเปย์หนักอีกแล้วจริง ๆ จ้า!" ใบเตยพูดขึ้นน้ำเสียงเต็มไปด้วยความประชดประชัน โดยมีลูกทีมเสริมอย่าง 'พิพิม'
"ไม่ผิดจากที่คิดเอาไว้หรอกแก"
"ไม่รู้ใช้คำพูดท่าทางแบบไหนถึงได้ทิปหนักขนาดนั้น"
สองคนนี้ไม่ชอบคะนิ้งหลัก ๆ เลยคือเธอขยันทำงาน ทำอะไรก็เด่นกว่าพนักงานคนอื่นในร้าน แถมเจ้าของร้านก็มักจะชื่นชมเธออยู่บ่อย ๆ ลูกค้าประจำชอบมาทานข้าวที่นี่ก็จะเรียกใช้คะนิ้งเสียส่วนใหญ่
"แต่ฉันก็คงไม่ใช่ท่าทางกระฟัดกระเฟียดใส่ลูกค้าแบบพวกเธอหรอก...ถ้าไม่รักงานบริการจริง ๆ ก็ไม่ควรมาทำนะ" การตอบกลับของคะนิ้งทำเอาสองสาวหน้าชา แกมไม่พอใจในขณะเดียวกัน
คะนิ้งพูดถูกที่หลุดปากออกไปพูดล้วนเป็นความจริงทุกประการ
ใบเตยกับพิพิมแค่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเลยจำใจมารับจ๊อบทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ หากทางบ้านมีฐานะ มีเงินส่งเสียค่าเทอมเรียนต่อหล่อนคงไม่มีทางทำงานหนักเอาใจลูกค้าที่เปรียบเสมือนพระเจ้าแบบนี้แน่
"จริงอย่างที่น้องนิ้งพูด" พี่นุชเห็นชอบกับคะนิ้ง เพราะเจ้าของร้านก็แอบกระซิบหล่อนมาอีกทีว่าใบเตย และพิพิมทำงานได้แย่มาก ถ้ายังอยากทำงานต่อที่นี่ก็ควรจะปรับปรุงตัว ไม่เช่นนั้นเห็นทีต้องเชิญออก
"เข้าข้างกันเข้าไป" เมื่อดูเหมือนพวกหล่อนกำลังโดนพวกพ้องจากฝั่งคะนิ้งรุม จึงต้องถอนตัวออกมา ใบเตยทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะเก็บข้าวของตัวเองเดินออกร้านไป
เลิกงานแล้วหล่อนกลับตรงเวลาเสมอ ทว่าทีเริ่มงานไม่เห็นมาให้ตรงเวลาบ้างเลย
"พี่นุชคะ" คะนิ้งเลิกให้ความสนใจกับสองสาว แล้วหันกลับมาสนทนากับพี่นุช รุ่นพี่ที่ร่วมงานที่เธอนับถือหล่อนเหมือนพี่น้อง เพราะพี่นุชคอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอดในยามลำบาก หรือมีเรื่องต้องการความช่วยเหลือ
"ว่าไงนิ้ง"
"พี่นุชพอจะมีห้องเช่าแถวใกล้มหาลัยแนะนำนิ้งไหมคะ"
"อ้าวทำไมล่ะ จะย้ายออกมาอยู่คนเดียวหรือไง" คนอายุแก่กว่ารู้ว่าเธออาศัยอยู่ร่วมห้องเดียวกับติณห์ในฐานะเพื่อน เพราะคะนิ้งเป็นฝ่ายเปิดใจเล่าเรื่องราวชีวิตเธอให้ฟังด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ อยู่กับติณห์มาตั้งนานยังไม่เคยเห็นเธอออกปากอยากย้ายออกให้เปลืองค่าใช้จ่ายของตัวเอง ไฉนครั้งนี้ถึงได้ริเริ่มถามเรื่องหอพักกับหล่อน
"ใช่ค่ะ คือนิ้งอยากออกมาอยู่ห้องคนเดียว ติณห์มีแฟนแล้วด้วย นิ้งไม่อยากมีปัญหากับแฟนเพื่อนน่ะค่ะ"
"นายติณห์เนี่ยนะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน!" ดวงตาของพี่นุชเบิกกว้างแทบถลนออกจากเบ้า ไม่อยากเชื่อว่าคุณชายติณห์จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแบบคนอื่นด้วย แต่ก่อนเขามักจะควงผู้หญิงมาดินเนอร์ที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง ทว่าควงมาไม่ซ้ำหน้าเลยสักครั้ง
เขาถือคติ หน้าไม่ซ้ำจำชื่อไม่ได้!
"ใช่ค่ะ เพิ่งคบกัน แต่ดูท่าทางติณห์คงจะคลั่งรักแฟนคนนี้มาก" พอพูดถึงติณห์ คะนิ้งก็กัดปากเพื่อระบายความเจ็บปวด แค่คิดว่าไม่สามารถหยอกล้อ และใช้เวลาอยู่กับเขาได้เหมือนเมื่อก่อนหัวใจก็ไหววูบ เพราะตอนนี้เขามีคนของเขาไปแล้ว
"อ๋อ..." หล่อนลากเสียงทันทีเมื่อทราบเหตุผล "ดีแล้วที่คิดได้แบบนี้ รีบย้ายออกมาเลยดีกว่าก่อนจะมีปัญหาอื่นตามมาทีหลัง ใจเขาใจเราน่ะ แฟนติณห์จะได้สบายใจ..."
"..." เพราะกลัวความลับแตกนี่แหละคะนิ้งเลยต้องรีบถอยออกมา ก่อนทุกอย่างจะเลยเถิดไปยิ่งกว่านี้ เธอไม่ต้องการให้ติณห์เอาเรื่องห้องมาเป็นข้ออ้างเอารัดเอาเปรียบเธอทุกทาง รวมถึงร่างกายที่เขาย่ำยีราวกับว่าเธอเป็นสิ่งของจะทำยังไงก็ได้
"เดี๋ยวพี่ไปดูให้นะว่าพอจะมีหอไหนว่างบ้าง ถ้าจะอยู่คนเดียวต้องหาห้องพักที่มันปลอดภัย แต่ค่าเช่าก็จะสูงนิดหน่อย"
"ไม่เป็นไรค่ะ นิ้งน่าจะพอจ่ายไหว" เธอพอมีเงินเก็บในบัญชีอยู่บ้างถึงจะไม่กี่หมื่น แต่ก็แน่ใจว่าสามารถออกไปตั้งหลักได้ด้วยตัวเองแบบไม่ลำบาก
หญิงสาวใช้คีย์การ์ดแตะไปที่เครื่องสแกนหน้าห้องพัก พอระบบอัตโนมัติทำงานปลดล็อคจากด้านในให้มือเรียวจึงเอือมจับลูกบิดกอน แล้วผลักเข้าไป
เธอถอดรองเท้าไว้บนชั้นที่ตั้งอยู่ข้างห้องอย่างเป็นระเบียบ ทว่ากลับหยุดชะงักครั้นได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น
"อ๊ะ อู้ย พลอยจะ จุกค่ะพี่ติณห์"
คะนิ้งเดินตามหาต้นเสียงไปจนกระทั่งหยุดยืนกลางโถงห้องกว้าง ภาพที่เห็นทำเอาเธอร่างกายชาหนึบ ดวงตากลมไหวระริกมองภาพบาดตาบาดใจตรงหน้าที่เห็นชัดเจนจนยากจะลบเลือน
ติณห์ และแฟนสาวอยู่ในสภาพเปลือยกายทั้งหล่อนบนท่อนล่าง ฝ่ายหญิงหันหน้าเข้าหาผนักโซฟาตัวโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อยสะโพกผายจึงลอยโค้ง
ติณห์จับเอวคอดไว้มั่น เขายืนซ้อนด้านหลังพลอยปภัส ส่วนล่างของทั้งสองเชื่อมประสานกันดันเข้าออกด้วยจังหวะหนักหน่วงตามราคะในกาย
ตึก ปึก ๆ !
พลอยปภัสตัวโยกสั่นคลอนไปตามแรงกระหน่ำจากติณห์ที่ส่งถึง จนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง
ใบหน้าของทั้งคู่หยาดเยิ้มเปี่ยมตัณหา ไม่ทันระมัดระวังว่าคะนิ้งจะเข้ามาเจอเพราะตรงกับช่วงเวลาเลิกงานของเธอพอดี
เอาไม่เลือกเวลาเลยหรือไง?
คะนิ้งถึงกับส่ายหน้า ละสายตาออกไปมองจุดอื่น เมื่อจูนสติตัวเองได้แล้วพยายามเมินเฉยเลือกที่จะไม่เข้าไปขัดจังหวะความสุขของเขา
เธอเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไปอย่างเงียบ ๆ พอปิดประตูลงกอนเสร็จสรรพก็กระโจนขึ้นเตียงนอนแผ่หลา พลางแหงนหน้ามองเพดานราวกับหมดสิ้นความหวัง
เสียงร่วมรักจากข้างนอกยังคงดังเข้ามาถึงภายในห้องรบกวนจิตใจฟุ้งซ่านของคะนิ้งตลอดทั้งคืน
เธอรับไม่ได้ เขาทำเกินไปแล้ว!
ในเวลาเดียวกันติณห์กำลังมีความสุขกับรักครั้งใหม่ และคนที่เขารัก
กลับเป็นเวลาเดียวกับที่เธอเจ็บปวด หัวใจแตกสลายที่สุด!
แต่เธอมีสิทธิ์อะไรไปว่าติณห์ล่ะ เขาไม่ผิดเสียหน่อยที่ทำแบบนั้นกับคนของเขา เธอต่างหากที่กำลังอยู่ผิดที่ผิดทาง
คะนิ้งทำได้เพียงนอนร้องไห้เพราะไม่สามารถทำอะไรมากไปกว่านี้ได้ ปล่อยให้ความรู้สึกถูกระบายผ่านน้ำตาที่ไหลเป็นสายอาบพวงแก้มสองข้าง...
รักเขาข้างเดียวก็เป็นแบบนี้แหละ มิหนำซ้ำเขาคนนั้นยังเป็นเพื่อนเธอ