บทที่ 5
เสียงกระแทกดังขึ้น และที่มาของเสียงก็ไม่ใช่ใครอื่นคือรินลดานั่นเอง เธอถูกธีทัตผลักให้ลงไปนั่งบนแคร่ไม้หน้าบ้านพักเสียเต็มแรง จนเจ็บระบมไปทั้งตัว ไหนจะฝ่ามือที่ยันกับพื้นแคร่ไม้เมื่อครู่นี้จนถลอกจนเลือดซึมออกมา แต่ถึงอย่างนั้นรินลดาก็ไม่ปริปากบ่นให้ธีทัตได้ยิน
และยิ่งเธอไม่ปริปากนายหัวหนุ่มก็ยิ่งอยากเอาชนะ เขานั่งสุมไฟที่จุดไว้ให้ลุกโชนยิ่งขึ้นเพื่อไล่ความหนาวและไล่สัตว์มีพิษ บางจังหวะก็เหลือบสายตามองรินลดาที่เวลานี้เนื้อตัวยังคงยังเปียกโชกไปด้วยน้ำ
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” ธีทัตเอ่ยลอดไรฟัน ก่อนจะนั่งกินข้าวที่สั่งให้ดำเตรียมไว้ให้เมื่อชั่วโมงก่อนด้วยท่าทางสบายใจ ไม่แม้แต่จะเอ่ยชวนรินลดาให้ลงมานั่งกินด้วย อย่าว่าแต่ข้าวปลาเลย ขนาดน้ำสักหยดเขาก็ไม่แบ่งให้เธอได้ดื่มดับกระหาย
รินลดาคอแห้งผากไปหมดแต่ก็จำต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ และแม้จะหิวหรือคอแห้งขนาดไหนเธอเองก็ใจแข็ง ปากแข็ง ไม่เอ่ยปากขอจากธีทัตเช่นกัน
เพราะตัวเปียกบวกกับอากกาศที่เย็นลงทำให้รินลดาเริ่มตัวสั่น เธอกอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาวเย็นอยู่นาน กระทั่งตัดใจเอ่ยขึ้น
“ฉันขอกระเป๋าคืนได้ไหมคะ”
“ไม่มี”
“ไม่มีได้ยังไง ก็ฉันจำได้ว่าส่งให้ลูกน้องคุณช่วยถือไว้” รินลดามองซ้ายมองขวาหาลูกน้องคนที่ว่า แต่เวลานี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา
“ฉันให้ดำเอาไปทิ้งหมดแล้ว”
“เอาไปทิ้งเหรอคะ”
“ใช่...ทิ้งลงทะเล รวมไปถึงโทรศัพท์ของเธอก็ด้วย”
“คุณทำแบบนั้นได้ยังไง” เพราะอดทนมานาน สุดท้ายรินลดาก็ตบะแตกจนได้
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้”
“แต่นั่นมันคือของใช้ส่วนตัวของฉัน”
“อย่าว่าแต่ของใช้พวกนั้น ตัวเธอเองก็เป็นของฉันไม่ใช่เหรอ เธอมาที่นี่เพื่ออะไรลืมไปแล้วหรือยังไง”
“ฉันไม่ลืม แต่คุณก็ทำไม่ถูกเหมือนกัน”
“นี่เธอกล้าเถียงฉันเหรอรินลดา” ธีทัตลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับรินลดาตรงๆ แต่เพราะความที่เขาสูงกว่าเธอมาก ทำให้เวลาสบตาเขา รินลดาต้องแหงนคอขึ้นสูง
“ใช่ค่ะคุณธีทัต”
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาเรียกชื่อฉัน” เอ่ยจบนายหัวหนุ่มก็เดินตรงเข้าไปหารินลดา นั่นทำให้เธอรีบถอยออกห่างเขาทันทีเช่นกัน
“ฉัน...” รินลดาอึกๆ อักๆ นั่นเพราะลืมตัวเรียกชื่อชายหนุ่มออกไป แม้ก่อนหน้านี้เธอกับเขาจะรู้จักกันมาก่อนในฐานะอาจารย์พิเศษกับลูกศิษย์ แต่นั่นมันคืออดีตที่ผ่านไปแล้ว วันนี้จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้แนะนำตัวเองกับเธอเลยด้วยซ้ำ
“คนที่นี่เรียกฉันว่านายหัว เธอก็เรียกตามนั้น อย่ามาตีสนิทเรียกฉันเหมือนเรารู้จักกันมาก่อน”
“ค่ะ...นายหัว”
“ก่อนจะมาที่นี่แม่ฉันให้เงินเธอมาเท่าไหร่”
“ฉันตอบไม่ได้ค่ะ” เพราะเรื่องนี้มันคือหนึ่งในข้อห้ามที่ถูกกำหนดไว้บนกระดาษแผ่นนั้นเช่นเดียวกัน
“ตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องตอบ เพราะยังไงผู้หญิงแบบเธอก็คงซื้อได้ด้วยเงินอยู่แล้ว ซื้อถูกหรือซื้อแพงก็มีค่าไม่ต่างกันนักหรอกมั้ง แถมยังหน้าไม่อายเร่มาให้ผู้ชายเขาเอาทำเมียถึงที่แบบนี้” คำพูดหยาบคายจากธีทัตนั้นเสียดแทงความรู้สึกของรินลดาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชายหนุ่มจะเอ่ยคำพูดพวกนี้ออกมา แต่นี่อาจเป็นตัวตนจริงๆ ของเขาก็เป็นได้
“ถ้าอายแล้วอด ฉันขอไม่อายดีกว่า” รินลดาเชิดหน้าขึ้นสูง เพราะสุดท้ายเขาก็พูดถูกเรื่องเธอซื้อได้ด้วยเงิน
“เงินมันสำคัญสำหรับเธอมากว่าศักดิ์ศรีงั้นสิ”
“ใช่ค่ะ”
“ก็ดี เอาเป็นว่าถ้าเธออยากได้ฉันทำผัวมากล่ะก็ช่วยอดทนเอาหน่อย ไม่สิต้องอดทนให้ได้ เพราะตอนนี้ฉันยังไม่มีอารมณ์จะพิศวาสอะไรเธอทั้งนั้น” ธีทัตจ้องตาของรินลดามาตรงๆ แม้จะกล้าสบตาเขา แต่สุดท้ายรินลดาก็พ่ายแพ้ต้องเป็นฝ่ายหลบแววตาแข็งกร้าวที่เขาส่งมา
“ค่ะ...ฉันรอได้” คำตอบรับของรินลดาเร่งให้ระดับความโกรธในตัวธีทัตนั้นปะทุได้ง่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวตนที่แท้จริงของรินลดาคือผู้หญิงที่ยืนต่อหน้าเขาในตอนนี้หรือว่าก่อนหน้านี้กันแน่ เพราะรินลดาที่เขาเคยรู้จักหรือเคยได้ยินเรื่องราวของเธอมานั้น เธอเป็นคนยิ้มง่าย มองโลกในแง่ดีจนใครๆ ก็อยากทำความรู้จัก ไม่เว้นแม้แต่เขาในตอนนั้น แต่ก็ต้องตัดใจเพราะคงไม่เหมาะหากอาจารย์พิเศษจะจีบลูกศิษย์ของตัวเอง
“เอานี่กินเข้าไปซะ แต่ถ้ากินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน” เอ่ยจบธีทัตก็โยนห่อข้าวมาให้รินลดา จากนั้นชายหนุ่มก็ตรงเข้าบ้านพัก ปิดประตูดังปังจนเธอสะดุ้ง
รินลดาลงไปนั่งกับพื้นแล้วเอื้อมมือไปคว้าห่อข้าวที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาปัดเศษดินเศษหญ้าออก จากนั้นก็แกะกินด้วยมือที่ยังคงสั่น เวลานี้เธอหิวมากแต่เมื่อกลืนข้าวลงท้องได้ไม่กี่คำกลับรู้สึกจุกไปหมด จู่ๆ น้ำตามันก็ไหลอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนจะสะดุ้งอีกครั้งเมื่อมองเห็นดำเดินเข้ามา ซึ่งพอวางขวดน้ำให้เสร็จดำก็หายไปในความมืด
พอกินอิ่มรินลดาก็นั่งตากลมหวังให้เสื้อผ้าตัวที่ใส่อยู่แห้ง แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือการเร่งเร้าให้ร่างกายอ่อนแอเพราะไข้ที่กำลังก่อตัว รินลดาเอนตัวลงนอนบนแคร่ไม้ด้วยท่าทางที่ยังคงอ่อนแรงก่อนจะเผลอหลับไปในที่สุด
“รีบยอมแพ้แล้วกลับไปซะ...ทราย” ธีทัตยืนกอดอกมองเธอออกมาจากตัวบ้าน เขาไม่ได้อยากทำแบบนี้กับผู้หญิงที่แม่ส่งมา แต่ทว่าพวกหล่อนรวมถึงรินลดากลับดื้อดึงที่จะอยู่ให้ได้ ส่วนเขาหากไม่ต้องการก็ทำทุกวิธีทางเพื่อไล่ส่งเช่นเดียวกัน
ในขณะที่ธีทัตกำลังจัดการรินลดาอยู่นั้น พัสวีก็นั่งไขว่ห้างรอการกลับมาของนายหัวหนุ่ม เธอมั่นใจว่าไม่เกินสามวันเรื่องนี้ต้องจบตามที่เขาบอกไว้ และเพราะธีทัตไม่อยู่บ้านเธอจึงได้โอกาสออกไปสังสรรค์ชนิดไม่เช้าไม่กลับ
