บทที่ 9 ขอชิมได้ไหม
“ไม่ได้! เมียพี่ พี่ก็อยากนั่งใกล้กันสิ เผื่อจะได้ป้อนข้าวให้ นี่ก็รู้สึกมือไม้อ่อนป้อแป้ไปหมด สงสัยไข้จะขึ้นเพราะโดนแกสาดน้ำใส่จนชุ่มโชกไปหมดเนี่ย!” ได้ทีล่ะเป็นอ้อนเมียทีเดียวนะอิพี่บ้า
“จะเกินไปแล้วนะคะ คุณปราชน์ขา แค่นี้ทำเป็นมือไม้อ่อน กินเองเลยนะ ยาก็ให้กินแล้ว อย่ามาทำสำออยหน่อยเลย”
“โธ่ เมียจ๋านะ ต่อหน้าเพื่อนผม ตามใจกันหน่อยนะครับ นะ นะ” พี่ชายตัวดีของเธออ้อนเมียได้น่าเกลียดมาก ขอบอก หากคำพูดหวานหยดของพี่ชายเธอกลับเรียกเสียงหัวเราะให้กับวงข้าวได้ทันที ไม่เว้นแขก เอ๊ย! ฝรั่งตัวใหญ่ยักษ์สองคนนั้น ต่างก็อมยิ้ม พอดีกับที่สายตาของเธอหันไปปะทะกับคนที่นั่งพับเพียบทำหน้าแป้นแล้นอมยิ้มจนเห็นแก้มบุ๋มตรงข้างแก้มสองข้าง เสริมความหล่อ และช่วยลดใบหน้าดุดันไปได้มากโข จะยิ้มทำพระแสงของ้าวอะไรกัน ฟังเขารู้เรื่องหรือยังไง ชิ!
โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ หญิงสาวเลยจำใจต้องยอมทำตัวลีบออกจากมุมแคบ ที่หวังจะแทรกตัวเนียน ๆ เข้าไปแอบหลบข้างบิดามารดา อย่างน้อยก็เพื่อกลบเกลื่อนอาการกริ่งเกรงของเธอได้บ้าง หากกลับถูกขับไล่เสียนี่ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเหมือนเป็นตัวเสนียดจรรไรอย่างไรไม่รู้ ก่อนจะทำหน้าปั้นปึ่ง ลากขาช้า ๆ ก้าวขึ้นไปนั่งบนพื้นเติ๋นที่เหลือไว้เผื่อเธอ ราวกับทุกคนจงใจจับจองที่นั่งตรงนี้เพื่อเธอโดยเฉพาะ
ร่างเล็กขยับขึ้นไปนั่งข้างร่างสูงหนา พร้อมกับที่อีกฝ่ายขยับเปลี่ยนท่าที จากที่นั่งพับเพียบหันขาไปอีกทาง ทำให้ใหล่บางของเธอชนกับไหล่หนาบึ้กของเขาราวกับจงใจ จากการสัมผัสเพียงแค่ผิวเผินนั้น เรียกให้เลือดในกายเธอให้ฉีดพุ่ง ไปทั่วร่างราวกับมีกระแสไฟฟ้าสถิต สปาร์คกันทันทีที่เข้าใกล้ ธารใสขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีทันใด ผิวกายซ่านซ่าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ทำไมใจมันสั่น ๆ แบบนี้ล่ะ อาการเมื่อครู่มันคืออะไร อิตาโจรหน้าหนวดนี่แอบซ่อนอะไรไว้ในตัวหรือเปล่า แล้วไหนจะใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะนี่อีกล่ะ เธอไม่กล้าแม้แต่จะชำเลืองมองคนข้าง ๆ เลยด้วยซ้ำ ว่าเขาทำหน้ายังไง และกำลังมองเธออยู่หรือไม่อย่างไร
ในวินาทีแรกที่ได้สัมผัสเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น กลับส่งผลไปถึงทุกอณูเนื้อกายหนุ่มของเขา มันปลุกเร้า อารมณ์ดิบเถื่อนให้ลุกโชนขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ จนแทบจะกระชากร่างเล็กนั้นเข้ามากอดในอ้อมแขนเสียให้รู้แล้วรู้รอด หากไม่ติดว่ามีคนอื่นด้วยแล้วป่านนี้เขาคงทำอย่างที่ใจนึกไปแล้ว อาการสั่น ๆ จากร่างเล็ก ยิ่งเป็นเหมือนแรงกระตุ้นให้เขาได้ใจ อยากแกล้งให้หล่อนหน้าแดงเข้าไปอีก
อีธานแกล้งขยับท่อนแขนล่ำสันที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อเชิ๊ต ที่มารดาของสาวน้อยข้างกายหามาให้ มันสั้นเต่อสำหรับเขาอยู่บ้างแต่ก็พอใส่ได้ไม่อึดอัดมากนัก เจ้าของร่างสูงหนาเบี่ยงร่างอีกครั้งคล้ายนั่งไม่ค่อยถนัด พลางเบียดกายหนาให้ได้แนบชิดกับร่างเล็กอย่างจงใจถ่ายเทไออุ่นไปยังอีกฝ่าย ได้ผล! สาวเจ้าเริ่มรู้ตัวใบหน้าอ่อนใสหันขวับมาทางเขาทันที นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ตราตรึงใจเขาตั้งแต่แรกพบ ดวงตาเรียวจ้องตอบเขานิ่งกะพริบตาปริบ ๆ จมูกโด่งเล็กไม่มันเหมือนวันนั้น ปากจิ้มลิ้มแดงเรื่อน่าจับมาจูบเสียให้รู้แล้วรู้รอด ผิวสีเหลืองอมขาวนวลละออตา เครื่องหน้าที่ดูก็รู้ว่าไม่ได้ประทินผิวใด ๆ ทั้งสิ้น ยิ่งได้ใกล้ชิดกันแบบนี้แล้ว กลิ่นหอมจากเรือนกายแตะเข้าจมูก กลิ่นที่ไม่ใช่น้ำหอมของสาว ๆ ที่เขาเคยควง หรือบรรดาดารานางแบบ นักร้องที่เขาคลุกคลีอยู่ประจำ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าจะมีกลิ่นแบบนี้ในโลก จนชวนให้ข้างในปั่นป่วนอย่างแปลกประหลาด
จากวันนั้นที่บริเวณนอกและในผับที่กรุงเทพฯ แสงสลัวทำให้เขาเห็นเธอไม่ถนัดนัก กลิ่นที่ได้รับก่อนหน้าว่าหอมแล้วตอนนี้ยิ่งทำให้เขาอยากเข้าใกล้ มากขึ้นเป็นเท่าตัว อีธานแอบสำรวจทั่วใบหน้าบางใสจากด้านข้าง ไล่ลงมาจนถึงลำคอที่สาวเจ้าเกล้าผมสีน้ำตาลอ่อนขึ้นสูง จนเป็นก้อนกลมบนหัวโดยมีไม้อะไรสักอย่างปักไว้ตรงกลางกระหม่อม ปล่อยให้ลูกผมเส้นเล็ก ๆ คลอเคลียข้างแก้มระเรื่อยลงมาตามธรรมชาติ เผยให้เห็นลำคอระหงถนัดตา
อีธานพยายามอย่างยิ่ง ที่จะไม่คว้าท้ายทอยภายใต้หัวทุยของเธอด้วยมือเพียงข้างเดียว แล้วบังคับจูบ อย่างที่ใจเรียกร้อง เธอเป็นใครกันนะถึงได้มีแรงดึงดูดเขาได้ถึงเพียงนี้ บอกได้เลยว่าเขาชอบทุกส่วนที่เป็นเธอ จากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ทำให้เขาได้จุมพิตเธอ เขามั่นใจว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเขาคือคนแรกที่ได้จูบเธอ นับว่าเป็นเฟริ์สคิสที่ตราตรึงใจโดยที่ตัวเขาเองยังสรุปไม่ได้ว่า มันเป็นไปได้ขนาดนี้เลยหรือ ถึงขั้นตามติดเธอ จากการ์ดใบเล็กที่ทราบภายหลังจากน้องชายว่าคือบัตรประจำตัวของเธอ เขาไม่มีเพื่อนในเมืองไทยมากนัก ไม่เหมือนนาธาน รายนั้นเข้าออกประเทศไทยเป็นว่าเล่น จนบางครั้งยังแอบแซวว่าน้องชายเขาต้องแอบซุกสาวไทยไว้แน่ ๆ นอกจากนั้น ยังมีโจวานนี่ที่เป็นเพื่อนสนิทสมัยยังเป็นหนุ่มนักร้องตามหาฝันด้วยกันจนอีกฝ่ายได้แต่งงานกับสาวไทย และประกอบธุรกิจเปิดสถานบันเทิง ในย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร แรกทีเดียวโจชักชวนให้เขาร่วมหุ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งอีธานไม่ได้หวังเอากำไรอะไรจากเพื่อนรักเลย เมื่อครั้งที่เขาเดินทางมาเมืองไทยเพื่อพักผ่อนนาน ๆ ครั้งเท่านั้น หากส่วนมากก็มาเรื่องงานเสียมากกว่า
นอกจากจะตามตัวเธอจากที่อยู่ในบัตรประจำตัวแล้ว เขายังให้น้องชายที่พอจะรู้จักนักสืบฝีมือดีในเมืองไทย ช่วยสืบประวัติของเธอทั้งหมด จนทราบว่าเธอคือน้องสาวของเพื่อนรักของนาธานสมัยที่พี่ชายเธอไปเรียนที่อังกฤษเมื่อได้ข้อมูลมาอยู่ในมือ ยิ่งทำให้เขาแอบคลั่งเธอจนแทบอยากจะนั่งเครื่องบิน ตามเจ้าหล่อนมาที่เชียงรายในอีกวันถัดมาด้วยซ้ำ จากรายงานที่เขาได้รับรู้คือ เธอยังโสด ไม่เคยคบใคร เขาขีดเส้นใต้ ตรงประโยคนี้ อ่านซ้ำไปซ้ำมา อยู่อย่างนั้นจนน้องชายของเขาแกล้งแซวว่าเป็นเอามาก เข้าขั้นโรคจิต ซึ่งเขาเองก็ขอยอมรับแต่โดยดี ใครจะว่าเขาเป็นหนุ่มคลั่งรัก ราวกับเด็กหนุ่มวัยกระเตาะก็ช่างปะไร และเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าอาการของแฟนคลับที่หลงใหล คลั่งไคล้ได้ปลื้มไอดอลในดวงใจเป็นอย่างไร บัดนี้เขาจะทำตัวเป็นดังมิตรรักแฟนคลับของเธอบ้าง
ไม่รู้ล่ะ เฟริ์สคิสนั่นเป็นของเธอ และเขาเป็นคนแรก ที่ได้มอบมันให้สาวเจ้า เธอต้องรับมันไป และถือเสียว่าเขาได้ตีตราจองไว้แล้ว ใครหน้าไหนก็ห้ามมาแตะ เขาเป็นคนหวงของ รักใครรักจริง จนแทบจะสาบานกับตนเองว่า เขาจะต้องได้ครอบครองเธอ ต่อจากนี้จะขอมอบร่างกายและหัวใจให้เธอผู้นี้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!
ธารใสตัดสินใจนั่งขัดตะหมาดทันที จากที่ตอนแรกกะจะนั่งพับเพียบให้เรียบร้อยสมกับเป็นกุลสตรีไทย หากตอนนี้ต้องพับเก็บใส่กรุไปก่อน ก็จะให้นั่งเรียบร้อยประหนึ่งผ้าพับไว้แบบนั้นไปได้อย่างไร หากหันขาไปทางบิดาก็จะกลายเป็นว่าเธอไม่เคารพผู้ใหญ่ แต่ในทางกลับกันถ้านั่งพับขามาที่แขก ก็จะกลายเป็นไม่ให้เกียรติแขก บางทีก็รู้สึกเหนื่อยกับมารยาทไทยที่ทำเอาเธอวางตัวลำบาก และที่สำคัญไปกว่านั้น เมื่อรู้สึกว่าอีตาโจรหน้าหนวดแขกของพ่อแกล้งกระแซะ ตั้งใจเบียดชิดกายเธออย่างหน้าด้าน ๆ แบบนี้ ยิ่งรู้สึกหมั่นไส้เข้าไปใหญ่ ธารใสแอบเหลือบตาไปมองมารดา เกรงว่าจะโดนตำหนิที่นั่งไม่สมกับเป็นกุลสตรีไทย แล้วก็ให้รู้สึกโล่งใจเมื่อไม่มีใครสนใจเธอ เมื่อพี่ชายสุดหล่อแย่งซีนไปหมดเรียบร้อยแล้ว ดีเหมือนกันกลัวโดนตำหนิแทบแย่
“ผมขอชิมได้ไหมครับ” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยออกมาแทบเป็นเสียงกระซิบ มันส่งผลให้ใจของเธอแทบกระเด็นกระดอน ช้อนแทบหลุดจากมือ ทำไมเสียงอีตาหนวดนี่คล้ายเสียงนั้นจังนะ ธารใสทำเป็นไม่ใส่ใจ ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ไม่สนใจคนข้าง ๆ ที่ยังคงทำเป็นนั่งเบียดเธอได้แบบเนียนหน้าตาเฉย ราวกับใช้ตัวเธอเป็นที่พักพิงชั้นดีกระนั้น คอยดูเถอะแม่จะลุกขึ้นไม่ให้ตั้งตัว ได้หงายเก๋งไปเลยเดี๋ยวเถอะ หญิงสาวหมายมาดไว้ในใจ อดใจไว้ว่าขอกินอาหารแสนอร่อยฝีมือแม่อิ่มเมื่อไหร่ล่ะก็ นายเสร็จฉันแน่ อีตาโจรหน้าหนวด!
อาหารนับสิบอย่างถูกวางบนขันโตกใบใหญ่สามใบเรียงเป็นแนวยาว วันนี้มารดาและพี่สะใภ้ของเธอ ที่ตั้งใจทำช่างถูกอกถูกใจผู้บริโภคนัก
“นะครับ..ผมไม่รู้ว่าอะไรอร่อย แนะนำผมหน่อยสิที่คุณทานน่ะ เรียกว่าอะไรหรือครับ” อีธานพยายามเซ้าซี้หญิงสาวอีกรอบ เมื่อยังเห็นว่าเธอตักอาหารเข้าปาก กินอย่างเอร็ดอร่อยไม่สนใจเขาสักนิด เธอจะรู้ไหมนะว่าที่เขาอยากชิมน่ะไม่ใช่อาหารนั่นหรอก หากมันคือริมฝีปากบางเฉียบที่ขยับขึ้นลงไปมาหยุบหยับ คล้ายยั่วยวนเขาอยู่ในทีนั่นต่างหาก ท่าจะเป็นเอามากแฮะเรา
“ แกงอ่อมหมู อร่อยที่สุดในสามโลกฝีมือแม่” อึก! เพราะน้ำเสียงนุ่มหู ฟังดูสุภาพนั่นทีเดียว ทำให้เธอเผลอตอบเขาไปอย่างลืมตัว
“ ตักเผื่อผมบ้างได้ไหมครับ”
“กินเป็นเหรอ มันเผ็ดนะ แม่ชอบใส่พริกเยอะ ๆ” ธารใสคิดหาวิธีแกล้งอีกฝ่ายได้ในบัดดล
“ถ้าคุณกินได้ ผมก็ว่าน่าลอง” เสร็จฉันล่ะ ไม่รอช้า หญิงสาวรีบกุลีกุจอตัก แกงอ่อมที่เน้นผัก ไม่เน้นเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะพริกเม็ดเขียวปนมาด้วย วางลงบนจานข้าวของผู้ร้องขอทันที พลางส่งยิ้มจนตาหยีให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ
“ทานให้อร่อยนะคะ ถ้าคุณทานอันนี้ได้ ฉันว่ารายการต่อไปคุณต้องชอบแน่ ๆ” ชายหนุ่มยิ้มตอบรับทันที ราวกับดีใจหนักหนาที่ได้รับความปราณีที่สาวเจ้าช่วยตักอาหารให้ เฮอะ ดีใจไปเถอะ อีกหน่อยจะร้องจ๊ากเพราะเจอเม็ดลูกโดดเข้าไป