รักหมดโปร
ณ ผับใจกลางเมือง เพื่อนๆ ของเข็มทิศ นัดกันมาพร้อมหน้าพร้อมตาหนึ่งในนั้นคือไอลิน เธอมักจะแอบมองเข็มทิศอยู่เป็นระยะ ความจริงเธอก็เป็นผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่ง ที่แอบรักเพื่อนแต่เพื่อนไม่รัก
“มึงจะดื่มอะไรนักหนาเข็มทิศ” เธอพูดพร้อมกับดึงแก้วในมือของเขาออก เพราะตั้งแต่เข็มทิศเข้ามานั่งในผับนี้ ชายหนุ่มก็กระดกน้ำเมาเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่าราวกับว่ามันเป็นน้ำเปล่า “มึงอย่ายุ่งน่ากูคอแข็ง ไม่อ่อนปวกเปียกเหมือนพวกมึงหรอก” เข็มทิศพูดออกมาเสียงดัง
“กูถามมึงจริงๆ เถอะไอ้เข็มทิศ เมื่อไหร่มึงจะลืมรุ่นพี่คนนั้นสักทีวะ!” มอสจะรู้ตัวหรือเปล่าว่า คำถามของเขานั้นกำลังสะกิดใจให้เพื่อนเจ็บ
“ลืมเลิมอะไรกัน กูอยู่ของกูแบบนี้ก็ดีแล้ว พวกมึงจะรื้อฟื้นหาตะเข็บทำไม” พูดจบเข็มทิศก็ลุกขึ้นยืน เขาดื่มไปเยอะแล้ว รู้สึกมินๆ ตึงๆ เลยจะไปเข้าห้องน้ำ
“มึงเป็นอะไรเข็มทิศ ไอ้มอสมันพูดแค่นี้มึงจะอะไรนักหนา” ไอลินรู้สึกหมั่นไส้เพื่อนขึ้นมา เมื่อเข็มทิศนั้นยังคงแสดงอาการเหมือนคนอกหักตลอดเวลา
“อะไรของมึงกูแค่จะไปเข้าห้องน้ำ โว๊ะ! พวกมึงแดกไปเลยเดี๋ยวกูมา” เข็มทิศพูดตัดรำคาญออกไป
“อืมม..เดินดีๆ นะมึง อย่าไปสะดุดตรีนใครเขาเข้า พวกกูขี้เกียจไปเคลียร์" มอสแซวเพื่อนขึ้น ซึ่งความจริงแล้วสาเหตุที่เข็มทิศตั้งหน้าตั้งตาดื่ม เป็นเพราะว่าเขานึกถึงคำที่มารดาพูด คนอย่างมินตราไม่มีทางหันมามองคนอย่างเขาแน่นอน เพราะเธอคงจะชอบผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็กอย่างเขา
เข็มทิศค่อยๆ เดินออกจากโต๊ะตรงไปยังห้องน้ำชาย แต่ในระหว่างที่เดินอยู่นั้น ตรงมุมของทางเดิน เขาคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้มาก ชายหนุ่มพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก ภาพหญิงชายที่กำลังคลอเคลียอย่างไม่อายใคร ที่เดินผ่านไปผ่านมา ซึ่งเขาเห็นจนชินตาแล้ว แต่ที่แปลกใจคือผู้ชายที่คุ้นหน้านั้นเหมือนเขาเคยพบเจอที่ไหนมาก่อน เข็มทิศเดินเข้าห้องน้ำไปสักครู่ ก่อนจะเดินออกมา เสียงผู้หญิงที่เรียกชื่อของผู้ชายคนนั้นทำให้เขาฉุดนึกขึ้นได้ และรู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร
“เจตต์คะพอก่อนค่ะ ไปต่อที่ห้องของเมษานะคะ”
“เอาอย่างนั้นเหรอ รอเจตต์แป๊บนะ” ขาถอนริมฝีปากออกจากหญิงตรงหน้าอย่างขัดใจ เมื่ออารมณ์ของเขามันได้ที่ และมาเต็ม บวกกับแอลกอฮอล์ที่เขาดื่มเข้าไปแล้ว มันยิ่งกระตุ้นทำให้อารมณ์ของชายหนุ่มเวลานี้ มีความต้องการหญิงตรงหน้ามากเป็นทวีคูณ
“ฮัลโหลมินเหรอ วันนี้เจตต์ไม่กลับนะ!”
“....................”
“เรื่องที่ทำงานอย่าเซ้าซี้ได้ไหม เจตต์เป็นคนหาเงินเข้าบ้านนะ ตอนนี้บริษัทกำลังมีปัญหา แล้วก็นอนเลยไม่ต้องรอ พรุ่งนี้ถึงจะกลับ” พูดจบเขาวางสายไปทันที โดยที่ปลายสายนั้นพูดไม่กี่คำ แต่เข็มทิศที่แอบฟังอยู่ก็พอจะเดาได้ เขาเริ่มสงสารมินตรามากขึ้น
แม้ว่าชายหนุ่มอยากจะให้คนทั้งสองเลิกกัน แต่ก็อดที่จะเป็นห่วงความรู้สึกของมินตราไม่ได้ เธอคงเจ็บปวดหากรู้ว่าสามีนอกใจไปมีหญิงอื่น ชีวิตการแต่งงานที่ใครหลายคนต่างก็วาดฝันเอาไว้ ถึงการมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ หนึ่งในนั้นคือมินตรา เมื่อบิดามารดาของเธอจากไป ในขณะที่เธออายุเพียงสิบสี่เธอต้องโตมาอย่างโดดเดี่ยว
ในช่วงชีวิตที่เริ่มย่างเข้าสู่วัยรุ่น นั่นหมายความว่าหากเธอพลั้งเดินไปในทางที่ผิด คงไม่มีใครชี้นำทางไปสู่ความสำเร็จให้เธอได้ อย่างน้อยหนทางที่ผ่านมา มันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เธอผ่านมันมาได้ เพราะความเข้มแข็งและรักดีของเธอ เมื่อชีวิตการแต่งงานของเธอผ่านพ้นไปได้สองปีกว่า ทุกอย่างเริ่มไม่เหมือนเดิม เมื่อสามีมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จากคนที่ไม่ชอบออกนอกบ้าน กลับกลายเป็นคนไม่เข้าบ้าน ชอบไปค้างคืนข้างนอกบ่อยๆ จนผิดวิสัยของเขาที่เคยเป็น
หลายเดือนผ่านไป มินตราเริ่มผิดสังเกตกลิ่นน้ำหอมที่ติดตัวเจตต์มา มันไม่ใช่ยี่ห้อที่เขา และเธอใช้บางครั้งเส้นผมก็ติดอยู่ที่เบาะรถ แน่นอนมันไม่ใช่ผมของเธอ ลิปสติกที่วางไว้ที่ช่องเล็กๆ ข้างประตูรถเหมือนกับว่าจงใจนั้น มันเป็นของใคร นั่นคือคำถามที่เธอเก็บไว้ในใจเนิ่นนาน
“เจตต์เดี๋ยวนี้เจตต์เปลี่ยนไปมากเลยนะ” มินตราพูดขึ้นขณะที่ผูกเนกไทให้เขา เธอทำหน้าที่ภรรยาไม่เคยขาดตกบกพร่อง ยอมลาออกจากงาน เพื่อมาดูแลบ้านตามที่เขาต้องการ
“อะไรอีกเนี่ยมิน แค่เจตต์ทำงานก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม”
“เรื่องเล็กเหรอเจตต์ เดือนหนึ่งเจตต์เข้าบ้านไม่กี่วันพักไม่กี่คืน เจตต์จะให้มินคิดยังไง เจตต์มีคนอื่นใช่ไหม ตอบมาสิเจตต์! เจตต์มีคนอื่นใช่ไหม” มินตราพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เสียงสะอึกสะอื้นที่ดังออกมา กลับทำให้ชายหนุ่มผู้เป็นสามีนั้นรู้สึกรำคาญมากกว่าสงสารเสียอีก
“เป็นบ้าอะไรไปอีกล่ะ! เธอจะร้องไห้ทำไม รำคาญ! ผมไม่ทานข้าวเช้านะ จะรีบไปทำงาน” เมื่อสามีของเธอเดินพ้นประตูออกไป ร่างเล็กถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น นอกจากเธอจะไม่ได้คำตอบแล้ว น้ำตาและเสียงสะอื้นของเธอยังทำให้เขารำคาญ สรรพนามที่เขาใช้แทนตัวเองก็เปลี่ยนไป
สิบกว่าปีที่รู้จักกันมา เมื่อบวกกับชีวิตหลังแต่งงานมันคงเป็นช่วงโปรโมชั่นสินะ ในเวลานี้เธอเคว้งคว้างไปหมด ความโดดเดี่ยวได้ถาโถมกลับมาสู่เธออีกครั้ง ชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบดังที่เคยคาดหวังเอาไว้มันค่อยๆ จางหายไป เมื่อเจตต์สามีของเธอเริ่มเปลี่ยนใจไปมีใครอีกคน
สามเดือนต่อมามินตราตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เธอจะต้องรู้ให้ได้เขาไปไหนอยู่กับใคร เธอพร้อมแล้วไม่ว่าความจริงผลที่ปรากฏจะเป็นยังไง เธอจะยอมรับมัน ไม่ควรยื้อไว้ให้ตัวเองต้องเจ็บอยู่แบบนี้ เธอเหมาแท็กซี่มานั่งดักรอเจตต์ที่หน้าบริษัท เมื่อใกล้เวลาเลิกงานสักพักรถของสามีเธอก็แล่นออกมา แต่เส้นทางที่เขากำลังไปนั้นมันไม่ใช่ทางไปบ้าน
รถแล่นมาเรื่อยๆ ติดไฟแดงบ้างเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาแล้วตรงไปที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง เขาไม่เคยบอกเธอเลยว่าเขามีบ้านอยู่ที่นี่ พอรถแล่นมาถึงบ้านหลังหนึ่งก็พบว่า มีผู้หญิงท้องแก่เดินมาเปิดประตูให้เขาเข้าไปในบ้าน
แม้ว่าเธอจะเตรียมตัวเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่มินตราก็ยังคงช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้า เมื่อเธอตั้งสติได้มินตราหยิบสมาร์ตโฟนออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะกดชัตเตอร์ถ่ายรูปรัวๆ ไว้เป็นหลักฐาน ภาพที่เขากำลังโอบกอดหญิงท้องแก่เดินเข้าไปในบ้านนั้น มันช่างบาดตาบาดใจเธอเสียเหลือเกิน มิหนำซ้ำเขายังก้มลงไปพูด และจูบที่ท้องนูนนั้นด้วย ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นไปหอมแก้มทั้งสองข้างของผู้หญิงท้องแก่คนนั้น
แววตาที่เขามองผู้หญิงคนนั้น ราวกับว่าเขารักสุดใจ มันทำให้เธอเจ็บปวดรวดร้าว เหมือนกับว่าเขากำลังเอามีดมากรีดลงซ้ำๆ ก่อนจะเอาเกลือมาทาแล้วตัดขั้วหัวใจของเธอ เวลานี้ยาชาก็ช่วยไม่ได้ เพราะเธอเจ็บ เจ็บจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตนี้ เมื่อไม่มีเขา แม้ว่าเธอจะเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน แต่พอเอาเข้าจริงๆ เธอก็ทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เห็นอยู่ดี เมื่อสามีกำลังนอกใจนอกกายเป็นหญิงอื่น ที่สำคัญพวกเขากำลังจะมีลูกด้วยกัน สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้คือการก้าวถอยออกมา