เหล้าเป็นเหตุ (85%)
ทันทีที่ลูกน้องปล่อยคู่กรณีเป็นอิสระ คุณหมอสุดหล่อแต่ดิบเถื่อนถึงแก่นก็ซัดหมัดลุ่นๆ เข้าที่ปากของไอ้คนที่มันบังอาจทำกิริยาต่ำๆ ใส่เขา ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับเลือดกบปาก แหกปากร้องลั่นเหมือนหมาถูกเชือด และในชั่วพริบตาจอมซาดิสต์หน้าตายแต่ร้ายลึกก็ฟาดปากหมาๆ ไปตรงจุดเดิมอีกครา ทันใดนั้นพรรคพวกของคนถูกกระทำก็เหมือนจะกรูกันเข้ามา หากการ์ดของทางร้านไม่กันเอาไว้เสียก่อน
ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายใหญ่โตผู้จัดการร้านก็วิ่งกระหืดกระหอบมา แล้วยกมือขึ้นไหว้ปลกๆ ด้วยเกรงใจทั้งสองฝ่าย คนหนึ่งเป็นหลานชายท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนอีกคนก็เป็นถึงลูกชายอภิมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลระดับประเทศ ซึ่งรายหลังนี่ทำให้เขาถึงกับเหงื่อตก เพราะก็รู้ๆ กันอยู่ว่าปรเมศเป็นทายาทตระกูลมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครกล้าแหยม เพราะการทำให้ผิดใจไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
“อย่ามีเรื่องกันเลยนะครับ ผมขอล่ะ”
“กูก็ไม่ได้อยากมีเรื่องนักหรอก ถ้าไอ้เหี้ยนี่มันไม่เสือกมายุ่งเรื่องของกูก่อน”
“อ้าว…ไอ้ชาติหมา! กูไม่ได้อยากเสือกเรื่องระยำตำบอนของมึงนักหรอก ถ้าคนที่มึงกำลังจะฉุดกระชากลากดึงไปทำมิดีมิร้ายไม่ใช่เพื่อนกู”
คำว่า ‘เพื่อนกู’ แบบชัดถ้อยชัดคำที่หลุดออกมาจากปากคนมาดนิ่ง ทำให้คุณหมอหนุ่มทั้งสามต่างมองหน้ากันอย่างยิ้มๆ ถ้าออกโรงปกป้องกันขนาดนี้ ฟันธงได้เลยว่าปรเมศไม่ได้เกลียดธารธาราชัวร์
“ผมขอล่ะครับคุณเมศ คุณบอล อย่ามีเรื่องกันเลยนะครับ เห็นใจผมเถอะนะครับ”
“ผมจะไม่เอาเรื่องมันก็ได้ แต่อย่าให้มันมาเหยียบที่นี่อีก” ปรเมศเอ่ยอย่างเฉียบขาด ก่อนจะยื่นมือออกไปรับกระดาษชำระจากลูกน้อง เช็ดเลือดชั่วๆ ที่เปื้อนมือของตัวเองออก แล้วปากระดาษชำระลงที่พื้นต่อหน้าคู่กรณี ตบท้ายด้วยการเลิกคิ้วท้าทายพร้อมกับใช้เท้าบดขยี้อย่างโอหัง
ท่าทางกวนๆ ของคุณหมอหนุ่มมาดดิบทำเอาอีกฝ่ายออกอาการฟึดฟัด อยากจะกระโจนเข้ามาเล่นงาน แต่การ์ดของร้านล็อกตัวเอาไว้เสียก่อน
“มึงใหญ่มาจากไหนถึงกล้ามาสั่งกู!”
“กูใหญ่กว่า ‘พ่อมึง’ ก็แล้วกันล่ะ” ปรเมศเค้นเสียงกระด้างเจือดุดันลอดไรฟัน ปกติเขาไม่ชอบพูดจาข่มใครนักหรอก แต่ครั้งนี้มันเหลืออดจริงๆ
เป็นที่รู้กันในกลุ่มเพื่อนว่าหากปรเมศทำท่ากำหมัดและขบกรามแน่นอย่างนี้ อีกไม่เกินห้านาทีแม่งได้ราบเป็นหน้ากลองแน่ และดูเหมือนว่าแทนไทจะขยาดกับความดิบเถื่อนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทางเป็นผู้ดีจ๋าทุกกระเบียดนิ้วของเพื่อนรัก เขาจึงเดินเข้ามาดึงแขนอีกฝ่ายไว้พร้อมเอ่ยห้ามปราม และการกระทำนั้นก็ทำให้สองหนุ่มที่เหลือต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก คืนนี้พวกเขาคงไม่ต้องรอเคลียร์ค่าเสียหายให้ทางร้าน
ปรเมศเริ่มควบคุมอารมณ์และใจเย็นลง แต่อันธพาลหนุ่มยังทำท่าจะระรานไม่เลิก
“เฮอะ…ไม่แน่จริงนี่หว่า” หลานชายท่านผู้ว่าฯ ลอยหน้ายียวนกวนประสาท ก่อนที่เพื่อนคนหนึ่งจะเดินมากระซิบกระซาบบางอย่าง ส่งผลให้มันชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะทำท่าฮึดฮัด แล้วหมุนตัวเดินลิ่วจากไปแบบไม่เหลียวหลัง เดาว่ามันคงรู้แล้วล่ะว่าปรเมศเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน
ความชุลมุนวุ่นวายจบลงด้วยการที่ไม่มีใครต้องเสียเลือดเสียเนื้อมากไปกว่านั้น กลุ่มไทยมุ่งสลายตัวกลับไปกิน ดื่ม เต้น และสรวลเสเฮฮาตามเดิม
ส่วนสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่มีประเด็นกับไอ้อันธพาลหนุ่มเพราะแย่งธารธารายังคงยืนมองหน้าคุณหมอสาวมาดทอมแต่ใจเป็นหญิงตาละห้อย
“พี่คะ…พี่เลือกพี่ชายคนนี้จริงๆ เหรอคะ”
“อือ…”
ธารธาราพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะหลุดอุทานออกมาเมื่อปรเมศคว้าเข้าที่ข้อมือกลมกลึง แล้วลากให้ก้าวเดินตามกันไปด้วยสภาพทุลักทุเล ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้เสวนากับใครหน้าไหนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่ทั้งนั้น!
ครั้นแม่สาวน้อยจะตามตื๊ออย่างไม่ยอมแพ้ ดนัยก็เอ่ยขัดเสียงเย็น
“ไม่ต้องตามไปหรอกน้อง เพื่อนพี่มันชอบผู้ชาย ไม่ได้ชอบเด็กที่ยังโตไม่เต็มวัยอย่างน้อง” นอกจากวาจาที่หลุดออกมาจากปากหยักจะทำให้เธอผิดหวังแล้ว สาวน้อยยังหน้าแดงซ่านด้วยความอับอาย ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น แล้วทำปากยื่นสวนกลับอย่างอวดดี
“หนูโตแล้ว ไม่ใช่เด็ก”
“งั้นเหรอ…แต่พี่ว่ายังไม่โตนะ กลับไปกินนมนอนเถอะไป”
ดนัยเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ขณะกวาดสายตาคมกริบมองตั้งแต่หัวจรดเท้าของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ ตบท้ายด้วยวาจาที่ทำให้คนฟังแทบจะกรี๊ดลั่น
จากนั้นคุณหมอหนุ่มมาดขรึมก็เดินล้วงกระเป๋าก้าวตามหลังเพื่อนไป ทิ้งให้สาวน้อยหน้ามนเม้มปากและกำหมัดแน่นด้วยความคับข้องใจ
ครั้นทุกคนกลับมานั่งลงที่โต๊ะดังเดิม การดวลเหล้าที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ปรเมศเป็นคนรินเหล้าให้ธารธาราเองกับมือ ก่อนจะยื่นแก้วของตนมาตรงหน้าพร้อมเอ่ยเป็นเชิงชักชวน
“เอ้า...ชน”
“ขอบใจนะที่มึงช่วยกู” หลังจากยกแก้วขึ้นชนกับแก้วของเขา เธอก็เอ่ยออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ ถึงแม้ปรเมศจะเป็นคนเย็นชาปากร้าย แต่เขาก็มีน้ำใจและรู้จักปกป้องผู้อื่น
“อย่าเข้าใจผิด กูเปล่าช่วยมึง ก็แค่หมั่นไส้ไอ้กร๊วกนั่นก็เลยสั่งสอนมันนิดหน่อย”