บท
ตั้งค่า

บทนำ [2/2]

“อะไรอีกพร้อม พี่หิวข้าว” เขาเริ่มหัวเสียเพราะหิวจนตาลาย

“เล็บพี่ดำขนาดนี้จะให้กินได้ไง ลุกมาล้างก่อนเลย”

ว่าแล้วก็ลุกจับจูงมือเขามาอ่างล้าง บีบน้ำยาล้างใส่มือตัวเองแล้วค่อยๆ เอาไปถูมือเขา

“พี่ล้างเองได้พร้อม”

“เค้าอยากทำให้”

เธอเงยหน้ายิ้มให้เขาเบาๆ แล้วก้มตั้งใจล้างให้เขา มือเขาทั้งใหญ่ทั้งหนัก ไม่ได้เรียบเนียนเหมือนมือเธอสักนิด อาจเพราะงานที่เขาทำทั้งหยิบของหนัก แถมใช้แรงงานเยอะ

“น้ำมันเครื่องติดตามซอกเล็บเต็มเลย”

กันตรวีก้มมองคนที่พูด หยิบแปรงขนาดเล็กขัดตามซอกเล็บที่ออกยาก ไม่กี่นาทีต่อมาเล็บเขาก็สะอาดใสกิ๊ง ผ้าขนหนูผืนเล็กซับน้ำจากมือจนแห้ง

“พี่กินข้าวได้แล้วใช่ไหม” เขาถามเชิงล้อเลียน

“ได้แล้วค่า” เช็ดมือเขารอบสุดท้ายแล้วรวบผ้าวางทิ้งไว้บนโต๊ะ

“เพราะถ้าอีกนิดยังไม่ได้กิน พี่จะกินเธอแทน”

คำพูดชวนทะลึ่งทำเอาคนฟังหน้าแดงราวกับลูกมะเขือเทศสุก แต่กันตรวีทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลับไปนั่งแล้วเริ่มตักข้าวเข้าปาก

“ยังยืนนิ่งอยู่อีก มากินข้าว”

กันตรวีมองหน้าแดงๆ ของภรรยาแล้วส่ายหัวเอ็นดู กินเธอน่ะกินเมื่อไหร่ก็ได้แต่เขาต้องกินข้าวก่อนไม่งั้นจะมีแรงกินเธอได้ไง

กันตรวีทรุดตัวนั่งบนโซฟาหน้าโทรทัศน์หลังจากกินกินข้าวอิ่มแป้ เขากินแกงเขียวหวานหมดไปถึงสองถ้วย ที่พูดมาไม่เกินจริง พัทธนันท์กินไปนิดเดียวยังกับแมวดม คงเพราะก่อนหน้าที่เขาจะกลับคงกินขนมไปเยอะ เขาคว้ารีโมทจะหาหนังดูรอข้าวย่อย กดเพียงครั้งเดียวหน้าจอก็โชว์ภาพวิดีโอที่เล่นค้างไว้

“ไม่เบื่อที่จะดูบ้างหรือไง” เขาตะโกนถามคนที่อยู่ในครัว

พัทธนันต์หัวเราะรู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร ถอดผ้ากันเปื้อนออกจากคอ แล้วเดินมาหาคนที่นั่งถือรีโมทอยู่

“ไม่เบื่อค่ะ เค้าดูทุกวันยังได้เลย”

ว่าแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ชายหนุ่มที่ไม่ตอบอะไรเพียงพยักหน้า

“เค้าจำคำพูดทุกคนบนเวทีได้แล้วนะ”

“ขี้โม้”

“ไม่โม้ จริงๆนะ” เธอส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไหน ลองพูดมา”

ชายหนุ่มหันตัวมาจ้องมองคนขี้โม้ ที่ทำท่ากระแอมสองสามที ยกมือขึ้นมาทำเป็นไมค์

“พี่พลพูดประโยคแรกว่า สวัสดีเขียดผู้แกก เอ้ย! แขกผู้มีเกียรติทุกท่านครับ”

กันตรวียกยิ้มกับท่าทางของเธอ แถมยังดัดเสียงให้ใหญ่ขึ้นเหมือนเสียงผู้ชาย

“หรือเอาตอนที่แม่พี่พูดไหม”

เขาพยักหน้า สายตาไม่ละไปจากเธอ

“แม่แก้วพูดว่า ขอให้ลูกทั้งคู่ครองรักกันไปนานๆ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน พี่กันต์ต้องดูแลน้องพร้อมให้ดีกว่าที่พ่อแม่น้องที่ดูแลมา ส่วนน้องพร้อมพี่เขาโตกว่าก็เชื่อฟังพี่เขา มีปัญหาอย่าปล่อยให้ข้ามคืนนะลูก” เธอพูดอย่างมั่นใจเพราะจำได้แม่น

“ถูกไหมพี่กันต์”

“คิดว่าถูก”

เขาก็ไม่มั่นใจว่าถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม แต่แม่เขาพูดทำนองนั้นจริงๆ ท่านชอบเรียกเขาว่าพี่กันต์และเรียกพัทธนันท์ว่าน้องพร้อม หญิงสาวยกยิ้มอย่างดีใจ

“แต่พร้อมก็ไม่ได้เชื่อฟังพี่หนิ”

“ตรงหนายยย” เธอเย้าแหย่

“กินขนมไง มันไม่มีประโยชน์ ยิ่งมันฝรั่งเป็นซองมีแต่ชูรส พอถึงเวลากินข้าวก็กินยังกับแมวดม”

สามีเธอบ่นอีกแล้ว ก็ทำไงได้เธออยากกินข้าวพร้อมเขา ระหว่างรอก็ต้องหาอะไรกินเล่นสิ ให้หิ้วท้องรอเขาไม่ไหวหรอก แต่เธอไม่อยากเถียงเพราะเรื่องมันยาวตลอด

พัทธนันท์เลือกที่จะเข้าไปกอดแขนอย่างออดอ้อน

“รับทราบแล้วค่ะ”

กันตรวีก้มมองคนที่กอดแขนเขาแน่น เป็นแบบนี้บ่อย รับทราบแต่ไม่เคยจะทำตาม เอาเถอะครั้งนี้เขาจะปล่อยไปก่อน เมื่อเห็นเขาไม่ว่าอะไรเธอก็มีไอเดียชวนเขา

ทำสนุกๆ

“วันนี้นอนข้างล่างกันไหมคะ” เงยหน้าถาม

“ทำไมไม่ไปนอนบนห้องดีๆ”

“เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง หาหนังดูด้วยกัน พี่กินเบียร์ด้วยก็ได้ พรุ่งนี้วันเสาร์ตื่นสายได้ใช่ไหม”

เขาพยักหน้า

“มันจะพอนอนเหรอ โซฟาแค่นี้”

“เดี๋ยวเค้าจัดการให้ พี่ลุกก่อน”

ทั้งคู่ลุกออกมา หญิงสาวเริ่มแสดงฟังชันก์การทำงานของโซฟาที่เขาไม่เคยรู้ทั้งๆ ที่ไปซื้อมันเข้าบ้านมาด้วยกัน จากนั้นเริ่มจัดแจงบอกให้เขาไปปิดบานพับประตูที่กั้นไม่ให้แอร์ไปส่วนของห้องครัว ส่วนเธอแยกขึ้นไปขนเครื่องนอนจากห้องนอนย้ายฐานทัพลงมา เธอจัดที่นอนเรียบร้อย เขาก็เดินเข้ามาพร้อมเบียร์หนึ่งกระป๋องกับจานปลาเส้นที่เข้าเวฟให้กรอบเป็นของทานเล่นสำหรับดูหนัง

หญิงสาวนอนหนุนแขนเขาไม่ห่าง แขนข้างหนึ่งกอดเอวเข้าไว้หลวมๆ ส่วนมือของแขนข้างที่เธอหนุนจะคอยลูบหัวไหล่ให้ราวกับกล่อมนอน ท่านอนแบบนี้เป็นนิสัยความเคยชินของทั้งคู่ไปแล้ว

“พี่กันต์”

“หืม” เขาขานรับ สายตาไม่ละไปจากจอ

“เค้าเบื่อ”

ยกเบียร์ขึ้นมาจิบ รอให้เธอพูดต่อ

“เค้าอยากหางานทำ”

“งานบ้านนี่ไง” เขามองเห็นแต่หัวที่ส่าย ถึงไม่เห็นหน้าหากฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าหน้างอแค่ไหน

“งานบ้านมันต้องทำอยู่แล้ว” เธอเงยหน้าสบตาเขา “หมายถึงงานบัญชีที่เค้าเรียนมา”

กันตรวีคิ้วขมวดอย่างใช้ความคิด เพราะตั้งแต่แต่งงานมาเขาก็ไม่ให้เธอทำงานนอกบ้านอีกเลย หรือจะพูดให้ถูกคือตั้งแต่เธอเรียนจบไม่เคยทำงานเลยดีกว่า

“เค้าอยู่บ้านมันเหงา จะโทรคุยกับเพื่อนก็ไม่มีใครว่าง พอเพื่อนว่างเค้าก็ไม่ว่างเพราะต้องใช้เวลาอยู่กับพี่” เขายิ้มกับคำพูดของเธอ “นะนะนะ”

“ไปเที่ยวบ้านพี่ไง” หมายถึงบ้านของพ่อแม่เขา

“ช่วงนี้โมบายไม่สบาย เค้าไปไม่ได้หรอก”

พัทธนันท์ติดไข้ง่าย อันนี้เขาเห็นด้วย ส่วนบ้านครอบครัวของเธอเองอยู่ต่างจังหวัด ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุเขาก็ไม่ให้เธอเดินทางคนเดียว

“หรือถ้าพี่ไม่ให้เค้าทำงาน งั้น…” เขาตั้งใจรอฟังเธอพูดต่อ จากรอยยิ้มแปลกๆ แล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากล “เลี้ยงหมา เลี้ยงแมวได้ไหม”

“พี่ไม่ชอบขนมัน”

ใบหน้าเง้างอขึ้นมาทันที กันตรวีอมยิ้มใช้มือลูบต้นแขนเธอไปมา

“มีพี่อย่างอื่นให้เลี้ยง สนใจไหม” สายตาแวววาวแต่เธอไม่ได้สนใจ

“อะไรอะ ถ้าให้เลี้ยงปลาทองเค้าไม่เอาหรอกนะ คุยก็คุยด้วยไม่ได้” บ่นออดแอดทำเขาหัวเราะอกสั่นเบาๆ “แถมความจำสั้นด้วย”

“เลี้ยงลูกไง” ทว่าเธอส่ายหน้าพรืด

“เค้ายังไม่พร้อมหรอก เค้าจะเลี้ยงเด็กได้ยังไง”

“ปีนี้พี่สามสิบสองแล้วนะ พี่สร้างทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว”

“เค้ากลัวเลี้ยงลูกได้ไม่ดี” สีหน้าเธอฉายแววกังวล บางครั้งเธอยังรู้สึกตัวเองยังไม่โตด้วยซ้ำแล้วเธอจะเป็นแม่ที่ดีได้อย่างไร อีกอย่างเธอชอบความอิสระ

“คนเราทำอะไรเป็นครั้งแรกกันทั้งนั้น ไม่มีทุกคนจะเก่งตั้งแต่ครั้งแรกหรอก ไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงไม่ดีแต่เลี้ยงไม่เก่งต่างหาก แต่สมัยนี้แล้วความรู้มันอยู่รอบตัวเราเสมอ” เขาไม่ได้เกลี่ยกล่อมให้เธอคล้อยตาม แต่พูดให้เธอคิดถึงหลักความเป็นจริง คนเราผิดพลาดกันได้ เริ่มต้นใหม่ได้เสนอแค่อย่าซ้ำรอยเดิม

เธอเงยหน้ามองหน้าเขาอย่างชั่งใจ ส่วนเขาจิ้มแขนเธอเบาๆ

“งั้นดูตัวเองตอนนี้ พร้อมแต่งงานครั้งแรกใช่ไหม”

“ใช่สิ เรียนจบมาก็แต่งเลยเนี้ย”

“แล้วมีสามีคนแรกและคนเดียว แถมเป็นเมียครั้งแรก แม่บ้านครั้งแรกถูกไหม”

เธอพยักหน้าอมยิ้มกับประโยคแรกของเขา

“แต่พร้อมทำมันออกมาได้ดีหนิ กับข้าวก็พัฒนาจากวันแรกที่พี่กิน อะไรไม่รู้ก็ศึกษาเองบ้าง หรือให้แม่เราสอน”

“พูดอีกก็ถูกอีก”

“งั้นมีลูกกัน ถ้ามีอะไรที่เรารู้ว่าเราพลาด เอาไว้แก้มือลูกคนที่สอง” เขาลูบหัวเธอเบาๆ หวังให้เธอคลายกังวล

“พี่อยากมีลูกกี่คนเหรอ” เขาคิดเพียงอึดใจเดียว

“สักสองคน จะได้ช่วยดูแลกัน”

เธอพยักหน้าเห็นด้วย เหมือนเธอกับเขาที่มีพี่น้องสองคนได้ช่วยดูแลกันมา

ตั้งแต่เด็ก ฝ่ายกันตรวีพอเห็นว่าเธอนิ่งท่าทีคล้อยตาม มือหนาก็ค่อยๆสอดเข้าไปในเสื้อเช้าเซตกับกางเกงของภรรยาสาว เรียกสติพัธทนันท์ทันที

“พี่จะทำอะไร”

“ทำลูกไง” ในขณะที่พูด มือเขาก็สอดหลบเสื้อชั้นในเข้าไปเจอก้อนนุ่มนิ่มที่ชื่นชอบ

“เค้าต้องกินยาคุมให้หมดแผงก่อน” แค่เขาสัมผัสนิดหน่อยเธอก็อ่อนระทวย ลมหายใจสะดุดเมื่อเขาสะกิดจุดอ่อนไหว “แล้วตรงนี้มันแปลกๆ กลับขึ้นห้องดีกว่า”

“เปลี่ยนบรรยากาศไง” เขาย้อนคำพูดเธอ ถึงตอนที่เธอพูดจะหมายถึงการนอนหลับเฉยๆ ร่างหนาพยุงตัวขึ้นซุกใบหน้าตรงซอกคอ ริมฝีปากค่อยๆจูบพรมไปทุกส่วน “ถือว่าเป็นการซ้อมใหญ่ ยาคุมหมดแฝงเมื่อไหร่เราจะลงสนามจริงกัน”

พูดจบเขาก็เลื่อนมาชิมริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยน ท่าทางไม่เป็นงานยิ่งกระตุ้นเขาให้เปลี่ยนมาเป็นแบบร้อนแรง แต่มือหนายังทำหน้าที่ของมัน ไม่นานทั้งสองร่างเปลือยเปล่า บดเบียดสัมผัสแนบชิดราวกับคนเดียวกันที่ใครก็ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel