

เตยไม่ได้ขายตัว 1
สายตาเฉยชาว่างเปล่ามองผู้หญิงที่กำลังแต่งกายให้ตัวเอง ภายในห้องพักคับแคบขนาดเท่ากับ ห้องนอนของชายหนุ่มที่บ้านก็ว่าได้ ภายในห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์สักชิ้นนอกจากเตียงนอนขนาดหกฟุตที่ฟูกแสนจะแข็งกระด้าง นอนแล้วให้ความรู้สึกเหมือนนอนพื้นกระเบื้อง ยังดีที่ชายหนุ่มมาแค่ชั่วครั้งชั่วคราว หากต้องค้างคืนภายในห้องแคบๆ นี้คงอึดอัดไม่น้อย
อ๋อ! จะว่าไม่มีเฟอร์นิเจอร์ก็คงไม่ถูก เพราะชายหนุ่มได้สั่งซื้อโซฟามาหนึ่งตัวเพื่อใช้นั่งเวลามาที่นี่ และยังมีชั้นวางของเล็กๆ ไว้สำหรับวางโทรศัพท์หรือนาฬิกา
"เย็นนี้คุณตะวันจะมาที่นี่ไหมคะ" เสียงหวานเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ด้วยรู้อยู่เต็มห้องหัวใจว่าชายที่ชื่อภากรหรือตะวันไม่ได้รักใคร่หรือเสน่หาในตัวเธอแต่อย่างใด ที่ชายหนุ่มมาเหยียบที่นี่เพราะมาปลดปล่อยอารมณ์กับเธอก็เท่านั้น
นิ้วแกร่งเชยคางมนที่ก้มลงหลบสายตาให้เงยหน้าขึ้นสบตากัน เรียวปากหยักได้รูปสีน้ำตาลอ่อนยกยิ้มมุมปาก ดั่งกำลังเย้ยหยันคนตรงหน้าที่กล้าถามคำถามนั้นออกมา ไม่เจียมตัวเองบ้างเสียเลยว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร
"ที่ฉันบอกว่าเธอโง่ไม่มีสมองในทุกครั้ง บางครั้งฉันก็มานั่งคิดว่าฉันพูดกับเธอแรงไปหรือเปล่า แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเธอโง่และไม่มีสมองอย่างที่ฉันพูดจริงๆ ฉันไม่ได้พูดแรงไป" คนถูกด่าสบสายตาคมที่เต้นระริกด้วยความสะใจ ก็พลันเจ็บแปลบในอก ใบหน้าสวยที่มีดีแค่ความสวยถึงทำให้คนที่กล่าววาจาร้ายกาจดูถูกดูแคลนมาสานสัมพันธ์กับเธอแรมปีชาไปทั้งหน้า
สู้ให้เขาตบเธอเสียยังดีกว่า ยังไม่รู้สึกเจ็บเท่าวาจาเชือดเฉือนของเขาที่เปล่งออกมาเลย
"ขอโทษค่ะ เตยแค่อยากทราบว่าคุณตะวันจะมาไหม พอดีเย็นนี้พี่ที่แผนกชวนไปงานวันเกิดค่ะ" แจ้งเจตจำนงในการทำตัวโง่ออกไปให้อีกคนทราบ
"ฉันไม่ได้อยากรู้ว่าเธอจะไปไหนมาไหนไม่ต้องบอก และอีกอย่างทุกครั้งก่อนที่ฉันจะมาหาเธอ ฉันก็โทรบอกทุกครั้งไม่ใช่เหรอ อย่าคิดว่าคนอย่างฉันจะมานั่งรอเธอที่ห้องเพื่อรอเธอกลับมา เพราะมันไม่ใช่" พูดจบภากรก็เดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่วางบนชั้น หยิบธนบัตรใบสีเทาออกมาจำนวนหนึ่งโดยไม่มีการนับว่ามากน้อยแค่ไหนวางลงบนชั้น ทำแบบนี้ทุกครั้งก่อนจะออกจากห้องนี้ไป
"เตยไม่ได้ขายตัว" เสียงหวานสั่นเครือ บอกคนใจร้ายที่ดูถูกเธอด้วยการให้เงิน เขาทำเหมือนเธอคือผู้หญิงขายบริการและเขาคือลูกค้าประจำที่มาใช้บริการ เมื่อใช้บริการเสร็จก็จ่ายเงินให้
เสียงหัวเราะในลำคอของดังขึ้น ใบหน้าฉายแววกวนประสาท สายตามองเกณิกาหยามเหยียดไม่ให้ค่า เป็นเพียงผู้หญิงใจกล้าหน้าด้านที่อยากได้เขาจนตัวสั่น จนยอมทำเรื่องบ้าๆ เพื่อจับเขา ยอมทอดกายให้เขาเชยชม เพราะคิดว่าเขาจะจริงจังยกย่องนับหน้าถือตา เอามาร่วมเรียงเคียงหมอนตบแต่งเข้าบ้านและนั่นคือสิ่งที่เธอคิดผิดมหันต์
"คิดดีๆ นะเตยหอม ผู้หญิงที่ขายบริการเขายังมีศักดิ์ศรีไม่ให้ใครเอาฟรีๆ การที่เธอไม่รับเงินฉัน มันไม่เท่ากับเธอเป็นผู้หญิงไร้ค่า รักสนุก ที่ยอมให้ผู้ชายมาสนุกกับเธอโดยไม่เก็บเงินสักบาทอย่างนั้นเหรอ"
"เตยไม่ได้มีใคร คุณก็รู้ว่าเตยมีแค่คุณคนเดียว"
"ฉันไม่รู้หรอกว่าลับหลังฉันเธอมีใครหรือไม่มีใคร แต่ฉันจะเตือนไว้ ถ้าทำอะไรลับหลังฉันก็เก็บกลิ่นให้ดี อย่าให้กลิ่นเหม็นเน่ามันโชยมาเข้าจมูกฉัน เพราะรับรองเลยว่าถ้าฉันได้กลิ่นเน่าๆ ของเธอเมื่อไหร่ ฉันเอาเธอตายแน่ แม้แต่คุณย่าก็ช่วยเธอไม่ได้"
วาจาเชือดเฉือนบาดลึกเข้าสู่หัวใจคนฟัง คนพูดเดินจากไปไร้ความรู้สึก ทว่าคนฟังกลับยืนนิ่งรับแรงกระแทกของวาจาจนแทบทรุดลงไปนั่งกับพื้น ปรายตามองเงินที่วางบนชั้นก็แทบจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดแรง
เอื้อมมือไปหยิบเงินที่วางมาถือไว้ หยิบกล่องขนมสี่เหลี่ยมที่วางอยู่ที่ชั้นมาเปิดออกและวางเงินที่ภากรทิ้งไว้ในนั้น ซึ่งแน่นอนว่ามีเงินจำนวนมากมายอยู่ในนั้นเช่นกัน เงินที่เกณิกาไม่เคยคิดจะหยิบมาใช้ ที่มีเงินจับจ่ายใช้สอยในแต่ละวันก็มาจากเงินเดือนจากการทำงานทั้งนั้น
