

ตอนที่ 3
ระยะเวลาผ่านมาประมาณหนึ่งสัปดาห์ วันนี้เป็นวันแรกของการไปเรียน ญาณินตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เพราะมีเรียนช่วงแปดโมงตรง เธอยังกะเวลาไม่ถูก จึงตื่นเร็วกว่าปกติ ถ้าหากว่าได้ไปเรียนดูสักระยะก็คงจะกะเวลาได้พอดีมากขึ้น
ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอยู่ประมาณสามสิบนาที ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย หญิงสาวในคราบชุดนักศึกษาเดินออกมาจากซอยของหอพัก ก่อนจะตรงดิ่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าเพื่อไปลงสถานีต่อไป
ทันทีที่มาถึงมหาวิทยาลัย ญาณินตรงดิ่งเข้ามานั่งรออาจารย์ในคลาสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่เธอเป็นหญิงสาวแต่งตัวเชย ๆ ทั้งยังมีแว่นปกปิดความเป็นตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ภายใน
นั่นจึงส่งผลให้เพื่อน ๆ ในห้องเรียนเดียวกัน ไม่มีใครให้ความสนใจมาที่เธอเลยสักคน ผิดกับสาวสวยที่มีดีกรีเป็นถึงดาราเน็ตไอดอลที่ใครต่างก็ให้ความสนใจและพูดชื่นชมกันอย่างไม่ขาดปาก
“นี่เธอ...อยู่คนเดียวเหมือนกันหรอกเหรอ?”
ในขณะที่ญาณินกำลังเบนสายตาออกไปทางนอกหน้าต่างเพื่อชมนกชมใจไปพลาง ๆ ระหว่างรออาจารย์ จู่ ๆ หญิงสาวแปลกหน้าก็เดินเข้ามาทักทายพร้อมทั้งหย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ เธอ
“อืม ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนน่ะ มาเรียนที่นี่ก็มาคนเดียว ไม่มีคนรู้จักเลยสักคน” ญาณินพูดตอบด้วยน้ำเสียงใสกังวาน ทั้งยังดูจริงใจจนอีกฝ่ายสนใจในตัวของเธอเป็นอย่างมาก
“เหมือนฉันเลย ฉันเป็นเด็กต่างจังหวะน่ะ เข้ามากรุงเทพฯ ก็มาคนเดียว เหงามาก เธอเป็นเพื่อนกับฉันได้ไหม?”
แตงกวา หญิงสาวเจ้าของหน้าตาน่ารัก เธอเอ่ยบอกความต้องการของตัวเองออกไปอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด เธอเองก็เลยอยากจะมีเพื่อนเป็นคนในเมืองบ้าง แถมในตอนที่อยู่โรงเรียนเก่าเธอเองก็ไม่ได้มีเพื่อนเยอะมากเท่าไร เพราะไม่ได้ถูกเป็นที่ยอมรับเท่าที่ควร
“ถ้าเธอไม่ได้รังเกียจ เราก็เป็นเพื่อนกันได้อยู่แล้ว แค่จริงใจต่อกันก็พอ” ญาณินตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่แฝงไว้ด้วยความเป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด
โดยปกติแล้วเธอเองก็ไม่ได้เปิดใจให้คนนอกได้เข้ามาทำความรู้จักกับตัวเองสักเท่าไร ทว่าอย่างน้อย ๆ เข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ควรจะมีเพื่อนสนิทไว้คอยช่วยกันทำงานส่งอาจารย์สักคนสองคนก็ไม่ได้เสียหายอะไร
“แน่นอนสิ ฉันจริงใจกับทุกคนอยู่แล้ว แต่ส่วนมากจะชอบเจอคนที่เสแสร้งใส่...”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ฉันไม่ใช่คนซับซ้อนอะไร ออกจะตรงไปตรงมาเลยด้วยซ้ำ มีอะไรก็พูดตรง ๆ กับฉันได้เลย เราจะได้เข้าใจ”
“อื้ม ถ้าอย่างนั้นนับตั้งแต่วันนี้ เราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้วนะ”
“ก่อนจะเป็นเพื่อนกัน เธอชื่ออะไรเธอยังไม่บอกเลย ฉันชื่อญาณิน เรียกสั้น ๆ ว่าญาก็ได้”
หญิงสาวเจ้าของใบหน้างามแนะนำตัวคร่าว ๆ พร้อมทั้งหันมารอคำตอบจากปากของฝ่ายตรงข้ามอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก่อนเธอไม่เคยถูกให้ความสนใจจากใคร พอขึ้นมหาวิทยาลัยแล้วมีคนมาทักทายและขอเป็นเพื่อนด้วยแบบนี้
ญาณินเองก็แอบดีใจ แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าตนจะเป็นเพื่อนที่ดีให้กับเธอคนนี้ได้หรือไม่กันแน่...
“อ้อ...ฉันชื่อแตงกวา ยินดีที่ได้รู้จักนะญา บอกเลยว่าฉันจะไม่ทำให้เธอเหงาแน่นอน”
“ไม่มีปัญหา เป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุดแล้ว”
บทสนทนาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความขำขัน แตงกวาเป็นคนอัธยาศัยดีในระดับหนึ่ง ซึ่งก็เป็นโชคดีของญาณิน เพราะเธอเป็นคนเงียบ ๆ เมื่อได้เพื่อนที่พอจะพูดเป็นพูดเก่ง ก็ช่วยในการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยได้เยอะพอสมควรเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงทั้งสองคนเรียนกันเสร็จ ก็รีบเดินกันออกมาจากตึกเรียนทันที เนื่องจากว่าช่วงเย็นมีเรียกรวมสำหรับการรับน้องปีหนึ่ง ที่เพิ่งจะเข้ามาเป็นนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
วิธีการรับน้องของที่นี่ค่อนข้างเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไม่มีการใช้ความรุนแรงเหมือนอย่างที่เคยได้ยินมาปากต่อปากว่าการถูกรับน้องจะต้องน่ากลัวเพราะรุ่นพี่ส่วนมากมักบ้าอำนาจ แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น
ทุกคนใจดีแล้วก็เป็นมิตรกับเธอเอามาก ๆ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นจุดสนใจอย่างที่ควรเลยก็ตาม
การเรียนวันแรกสำหรับญาณินผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดี เธอเดินกลับมาพักที่หอตามปกติ ก่อนที่จะนึกหาวิธีการหาเงินที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนไปทำงานไป ที่สำคัญจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียนของเธอเป็นอันขาด
ซึ่งก็ได้ข้อสรุปว่าเธอจำเป็นที่จะต้องหางานเสริมทำในระหว่างที่ยังเรียนอยู่ที่นี่ เพราะไม่อยากยื่นมือไปขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นพ่อและแม่ หากเธอจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
เธอก็ต้องหารายได้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เอาแต่รอเงินรายเดือนจากพวกท่านทั้งสองอย่างเดียว
