รักหมดใจยัยสุดเฉิ่ม

149.0K · จบแล้ว
ขนมปังรสหวาน
105
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อเฮดว๊ากสุดโหดของวิศวะ ค้นพบความลับของยายเฉิ่มที่เป็นคู่กัดตนเองเข้าโดยบังเอิญ จึงนำมาเป็นข้ออ้าง พอได้ใกล้ชิดกลับเป็นเขาที่หวั่นไหว แนะนำเรื่อง ญาณิน ลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ชื่อดัง ที่แปลงโฉมตัวเองให้กลายเป็นสาวเฉิ่ม กลางวันไปเรียนสภาพเหมือนคุณป้า แต่พอตกกลางคืนเธอกลับกลายร่างเป็นดีเจสาวสวย สุดฮอต นอร์ท หนุ่มคู่กัดกับยัยเฉิ่ม มาล่วงรู้ความลับของญาณินโดยบังเอิญ เขาจะเปิดโปงเธอหรือนำเรื่องนี้มาขู่เธอดี

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนักศึกษาแบดบอยหนุ่มเจ้าสำราญคู่นอนคืนเดียวจากมิตรภาพสู่ความรักโรงแรม/มหาลัยโรแมนติกรักหวานๆ

ตอนที่ 1

ท่ามกลางความเงียบสงบในยามเช้า อยู่ ๆ เสียงกดกริ่งก็พลันดังสวนขึ้นมาจนสามารถดึงความสนใจของแม่บ้านที่กำลังทำสวนในยามเช้า เธอเดินออกมาหาเพื่อดูว่าใครคือต้นเสียงดังกล่าว ก่อนจะพบเข้ากับบุรุษไปรษณีย์ที่ยืนรอตรงตู้จดหมายที่อยู่หน้ารั้ว

“จดหมายมาส่งครับ ผมเห็นว่าเป็นมีเอกสารสำคัญด้วยเลยไม่กล้าเหน็บไว้ นี่ครับ” บุรุษไปรษณีย์คนนั้นเอ่ยบอกหญิงสาววัยกลางคนก่อนจะยืนซองเอกสารที่ว่าให้กับอีกฝ่ายหลังจากที่พูดจบอย่างรวดเร็ว

วินาทีนั้นเธอรับจดหมายปึกใหญ่ ๆ มาไว้ในมือ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นชื่อจริงและนามสกุลจริงของคุณหนูปรากฏอยู่บนจดหมายที่บุรุษไปรษณีย์บอกเอาไว้ว่าสำคัญเป็นอย่างมาก

“ขอบใจจ้ะ” เธอเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งปิดประตู หลังจากนั้นก็รีบสาวเท้าเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังโต เพื่อส่งมอบจดหมายฉบับดังกล่าวให้กับผู้เป็นเจ้าของ

แต่ในขณะที่กำลังจะสาวเท้าเดินขึ้นไปชั้นบน อยู่ ๆ เสียงเรียกของคุณผู้หญิงก็พลันดังสวนขึ้นมาจนเธอชะงักงัน แล้วให้ความสนใจไปยังอีกฝ่ายแทบจะทันที

“ทิพย์ นั่นจดหมายใครเหรอ?” ผู้เป็นนายเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเบนสายตามองไปยังจดหมายในมือของทิพย์

“มีเยอะเลยค่ะคุณผู้หญิง แต่เห็นว่ามีเอกสารสำคัญส่งมาถึงคุณหนู ทิพย์ว่าจะเอาขึ้นไปให้บนห้องน่ะค่ะ”

“จดหมายสำคัญอะไร เอามาให้ฉันดูหน่อย”

“นี่ค่ะคุณผู้หญิง” เธอยื่นจดหมายให้กับคุณหญิงอร แล้วจึงค่อย ๆ ถอยหลังออกมาอย่างมีมารยาท

สายตาทั้งสองคู่ไล่อ่านข้อความบนเอกสารแผ่นนั้นด้วยความตั้งใจ ก่อนจะรับรู้ถึงเรื่องราวของลูกสาว ที่เธอไม่เคยได้รับรู้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย

ซึ่งในขณะเดียวกันนั้น ญาณิน ก็ปรากฏตัวขึ้น เธอเดินลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายราวกับว่าไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิต อยู่ใต้อาณัติของพ่อกับแม่ไปวัน ๆ เท่านั้น

ทว่าในเวลานั้นเธอไม่ได้ทันสังเกตเห็นว่าผู้เป็นแม่กำลังถือวิสาสะอ่านเอกสารสำคัญของเธออยู่ จึงเดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะอาหาร เพื่อดูว่าเช้านี้ ป้าทิพย์เตรียมอะไรไว้ให้เธอบ้าง

“ยายณิน นี่มันอะไร?” คุณหญิงอรเอ่ยถามพร้อมกับยื่นเอกสารแผ่นนั้นไปหยุดอยู่ตรงหน้าของลูกสาว และต้องการให้เธออธิบายขยายความกับเรื่องราวนี้ให้กระจ่าง

“แม่หมายถึงอะไรคะ ณินไม่เข้าใจ”

“เอกสารนี้เป็นขอลูกไม่ใช่หรือไง จะสอบเข้าสถาปัตย์เนี่ยนะ คิดดีแล้วเหรอ?”

“ว่ายังไงนะ นี่ลูกจะเข้าคณะสถาปัตย์เหรอ”

ในเวลาเดียวกันอยู่ ๆ ผู้เป็นพ่อก็ดันเดินลงมาจากชั้นบน ได้ยินบทสนทนาของแม่ลูกเข้าได้อย่างพอดิบพอดี ซึ่งเขาเองก็มีความเห็นเช่นเดียวกันกับภรรยา จึงรีบเอ่ยประโยคสมทบเธอในทันที

ทว่าทั้งหมดทั้งมวลนั่นก็เพราะว่าพวกท่านต่างก็เป็นห่วงลูกสาว ถึงขนาดแค่เห็นคณะที่ญาณินเลือกเรียนด้วยตัวเองก็ตัดสินกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วว่าเธอไม่มีทางเรียนไหวเป็นแน่

“ไหวไม่ไหวมันก็เป็นเรื่องของอนาคตนี่คะ พ่อกับแม่จะมากดดันณินเพื่ออะไร อีกอย่างทางของณิน ณินจะเลือกเอง”

หญิงสาวโต้กลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด ญาณินเพียงแค่ไม่ชอบให้พ่อกับแม่ของเธอเป็นแบบนี้...ก็เท่านั้น เพราะที่ผ่านมาเธอพยายามทำตามคำสั่งของพวกท่านมาโดยตลอด แต่มันก็พิสูจน์ให้เธอเห็นว่าเธอไม่เคยมีความสุขกับสิ่งที่พ่อแม่เลือกให้เลยสักนิดเดียว

“พ่อว่าลูกไม่ไหวหรอก เลือกคณะที่มันเรียนง่าย ๆ จะดีกว่า อย่าทำอะไรที่มันเกินตัวจนเกินไป ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งไม่ไหวขึ้นมา มันจะเสียเวลาเอาเปล่า ๆ นะ” คำพูดดังกล่าวส่งผลให้ญาณินถึงกับหยุดชะงักอยู่กับที่ แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่พ่อของเธอแทบจะทันที

“พรุ่งนี้ณินย้ายไปอยู่หอ ส่วนเรื่องเรียนให้มันเป็นเรื่องของอนาคตนะคะ ได้ไม่ได้ ณินก็ไม่เสียใจหรอก เพราะณินเลือกมันเอง ขอตัวขึ้นไปเก็บของก่อนนะคะ”

“ลูกจะไปได้ยังไง กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนเดี๋ยวนี้เลยนะ ยายณิน!!” เมื่อเห็นว่าลูกสาวเดินกลับขึ้นไป ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่ตะโกนตามหลังของลูกสาวตัวดีไปอย่างหมดความหวัง

แต่ก่อนญาณินเองก็อยู่ภายใต้คำสั่งของพ่อกับแม่เสมอมา แต่พักหลัง ๆ เมื่อเธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นก็อยากที่จะมีความคิด และได้ตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างด้วยตัวเอง

อีกอย่างการได้ไปอยู่หอคนเดียวก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ที่จะส่งเสริมให้เธอกลายเป็นเด็กคนหนึ่งที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม แต่ก็ดีกว่าที่ต้องมาคอยทำตามคำสั่งของพ่อกับแม่ไปวัน ๆ อยู่ดี...

หลังจากที่ปะทะคารมกับพ่อแม่อยู่สักพัก ญาณินขึ้นมาเก็บของบนห้องนอน เธอโน้มตัวลงนอนบนเตียง ก่อนจะพรูลมหายใจออกมาด้วยความหนักใจอย่างถึงที่สุด

อันที่จริงเธอเองก็แอบใจหายที่ต้องจากบ้านไปอยู่หอเพียงตัวคนเดียว หากแต่ลึก ๆ ก็รู้สึกดีที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตเหมือนอย่างวัยรุ่นคนอื่น ๆ บ้าง เธอดักดานมานานเกินพอแล้ว

เมื่อคิดได้แบบนั้น เธอก็รีบลุกขึ้นมาเก็บสัมภาระต่าง ๆ เข้ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่อย่างไว ทั้งเสื้อผ้าข้าวของที่เคยใช้เธอเก็บไปจนหมด เธอเสียดาย เพราะคิดว่าคงไม่ได้กลับมาพักที่บ้านบ่อย ๆ คงอยู่หอจนหนำใจกันไปข้างหนึ่งแน่นอน

แม้ว่าเมื่อวานจะจบวันได้ไม่ดีนัก แต่เช้าวันใหม่ที่ญาณินรอคอยก็มาถึงเสียที เธอตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวย้ายเข้าไปอยู่หอ แต่ก่อนจะออกจากบ้าน พ่อและแม่ของเธอก็มายืนเกลี้ยกล่อมไม่อยากให้เธอออกไปจากบ้านหลังนี้