บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 วันนี้ไปที่คอนโด

“ไปสิคะ นี่ก็จะสายแล้วนะคะ”

งั้นก็นั่งเงียบ ๆ แล้วอย่าพูดจากวนโมโหอีก"

“ไม่ว่าอายจะพูดอะไรหมอก็โกรธหมดนั่นแหละค่ะ สู้ไม่พูดดีกว่า”

อายติดกระดุมกลับไปพร้อมกับเลื่อนเบาะขึ้นมาแล้ว เขาดึงถุงที่อยู่ด้านหลังและเอาออกมาให้เธอ ยังเป็นถุงจากแบรนด์ดังอีกเหมือนเคยซึ่งเธอต้องขมวดคิ้ว

“นี่อะไรคะ”

“แค่เสื้อคลุมคงใส่ได้นะ ถ้ายังมีปัญหาอีกคงต้องย้ายที่ฝึกงานแล้วจริง ๆ”

“เสื้อคลุมแต่แชลแนลรุ่นล่าสุดเนี่ยนะคะ”

“ทางแยกข้างหน้าเลี้ยวขวาไปที่ทำงานของเธอ ทางซ้ายไปคอนโดเลือกเอาว่าใส่หรือไม่ใส่”

มีครั้งไหนบ้างที่เขาจะไม่บังคับเธอแบบนี้ อายจำเป็นต้องหยิบเสื้อคาดิแกนออกมาเพื่อสวมทับชุดนักศึกษาของเธออีกครั้ง

เอาเถอะใส่ให้เขาเห็นสักหน่อยพอเข้าไปในตึกเขาก็ไม่เห็นแล้วเธอค่อยถอดออก เมื่อเห็นว่าเธอสวมแล้วเขาก็ดึงแขนขึ้นมาเพื่อป้องปากยิ้มอย่างพอใจโดยที่ไม่ให้เธอเห็น

“ก็แค่นั้น เสื้อตัวเดียวจะอะไรนักหนา”

“เสื้อตัวเดียวแต่ราคาหลายหมื่น เหอะใครเห็นเข้าคงนึกว่าเป็นเจ้าแม่แฟชั่น”

“ก็ยังดีกว่าชุดสก๊อยส์เมื่อวานก็แล้วกัน”

อายพ่นลมออกจมูกแต่ก็ไม่เถียงอะไรเขาอีก เธอไม่อยากคาดเดาอารมณ์ของเขาในตอนนี้เพราะไม่อยากไปสายตั้งแต่วันแรกที่รายงานตัว รถหรูขับเข้ามาจอดที่ด้านหน้าตึกขนาดใหญ่กลางกรุงเทพซึ่งเป็นเส้นที่แม้จะรถติดแต่ก็มีรถไฟฟ้าผ่าน

“เลิกกี่โมง”

“เดี๋ยวอายกลับเองก็ได้ค่ะรถไฟฟ้าจะสะดวกกว่า”

“ดี งั้นวันนี้ก็ไปที่คอนโด”

“แต่ว่าอาย…”

“ยังไม่ได้ดับเครื่องรถนะ”

อายรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เขาจะปล่อยให้เธอลงหรือจะออกตัวในตอนนี้เลยก็ได้หากเธอคิดที่จะปฏิเสธ

“ก็ได้ค่ะ”

“อย่าเหลวไหลล่ะ เลิกแล้วรีบกลับ”

เธอปลดเข็มขัดนิรภัยออกและเก็บของขึ้นมาพร้อมกับยกมือไหว้เขา

“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”

“อืม ตั้งใจทำงานล่ะ”

อายเดินลงจากรถและปิดประตู พร้อมกับหันไปหาเสียงที่เรียกเธอด้านหลัง ไอรินทร์นั่นเอง เธอนั่งรถไฟฟ้ามาพร้อมกับวิ่งหอบจนตัวโยนมาหาเธอ

“โอ๊ย!! เหนื่อยฉิ..หายเลย”

“ริน แกนี่ก็นะ…ยังไม่สายสักหน่อยจะรีบไปไหน”

“ก็เห็นแกแล้วก็เลยรีบวิ่งมากลัวว่าแกจะเดินเข้าไปก่อน ตึกนี่ใหญ่มากเลย”

“อืม เหลืออีกเกือบชั่วโมง ไปหาอะไรกินกันก่อนไหม”

“ดีเลยหิวกาแฟจะแย่แล้วไปเถอะร้อนมากเลย”

“ไม่ร้อนได้ยังไงก็วิ่งมาซะหอบเหมือนหมาแบบนั้น”

“ไอ้บ้า นี่เพื่อนนะ เพื่อนเองค่ะคนสวย”

“อ่อค่ะเพื่อนไปค่ะเดี๋ยวเลี้ยงกาแฟ”

“น่ารักอะไรแบบนี้ ยอมเป็นหมาก็ได้”

“เห็นแก่กิน”

พวกเธอเดินเข้าไปพร้อมกับสั่งกาแฟและแซนด์วิชมากินและนั่งคุยกันถึงเรื่องที่ทำงานใหม่ แน่นอนว่าเพื่อนสาวของอายไม่ลืมที่จะถามเรื่องของคุณหมอเจษ

“ว่าแล้วเชียวทำไมฉันถึงไม่ซื้อหวยถูกเหมือนเดาเรื่องคุณหมอโหดนี่กันนะ”

“แกเรียกเขาแบบนี้จนเคยปากแล้วนะ ระวังวันไหนเจอหน้าเข้าจริง ๆ จะหลุดปากนะ”

“ว่าแต่แกไม่มีรูปเขาบ้างเลยเหรอ”

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อายไม่เคยคิดมาก่อน เขากับเธอเกี่ยวข้องกันแค่ทางกายแต่เธอไม่เคยนึกถึงเรื่องที่เพื่อนถามเลยสักครั้ง

“ไม่อ่ะ ไม่มี”

“เลยอดเห็นเลยไม่รู้ว่าหล่อขนาดไหนกันนะพ่อเทพบุตรสุดหื่นของเธอเนี่ย”

“อย่ารู้เลย ไปกันเถอะวันแรกไม่ควรไปสายนะ”

“โอเค”

ที่ฝึกงานของพวกเธอดูอบอุ่นมากกว่าที่คิด รุ่นพี่และเพื่อน ๆ ต่างสถาบันอีกสองคนที่มาฝึกงานด้วยกันก็ดูเป็นมิตรมาก อีกทั้งงานก็ไม่ได้หนักมากกว่าที่คิด ตอนเที่ยงก็ยังมีงานเลี้ยงต้อนรับอีกด้วย

“เอาล่ะ ๆ ดื่มน้ำอัดลมแทนนะน้อง ๆ เพราะเรายังต้องกลับไปทำงานต่อ แก้มกับหมิว อายกับริน พี่จำชื่อได้แล้วมา ๆ ดื่ม ๆ จากนี้ก็ตั้งใจทำงานกันนะ”

“ขอบคุณค่ะพี่พีร์”

“น้องอายนี่ทอดมันปลากราย อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ มันอยู่ไกลพี่ตักให้นะ”

“ขอบคุณค่ะพี่กันต์”

กันต์เป็นรุ่นพี่ในที่ทำงานและเป็นพี่เลี้ยงให้กับทั้งสี่สาว แต่เขาดูจะสนใจอายมากเป็นพิเศษ ก็แน่ละแก้มกับ

หมิวมีแฟนอยู่แล้วเลยไม่ได้สนใจใครที่นี่ ส่วนรินที่ห้าวเหมือนผู้ชายก็เป็นมิตรกับทุกคนจนทุกคนไม่กล้าจีบ

“แหม…น้องมีสี่คนนะคะพี่กันต์ ไม่คิดว่าจะลำเอียงไปหน่อยเหรอคะ”

“น้องริน อ่ะนี่ครับเดี๋ยวจะหาว่าลำเอียง”

“เฮ้อ ตัวแถมอย่างเราเนี่ยนะ กุ้ง หมิว ขอน้ำจิ้มหวาน….หน่อยสิจ๊ะ”

กุ้งกับหมิวหันมาขำกับคำพูดของรินที่แซวทั้งคู่ที่ตักอาหารให้กัน เขายังนั่งตรงข้ามกับอายและคอยตักอาหารให้อีกหลายอย่างและยังสั่งน้ำผลไม้มาให้เธอด้วยเพราะว่าเธอเป็นโรคกระเพาะไม่ดื่มน้ำอัดลม

“ใส่ใจขนาดนี้ หรือว่าหนุ่มหล่อในแผนกครีเอทของเราจะมีแฟนกันนะ”

“พี่พีร์ อย่าแซวเลยครับ”

“แซวเล่น ๆ”

เสียงหัวเราะของพวกเขาดังกลบทุกโต๊ะที่อยู่ในร้าน เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของอายสั่นจนเธอต้องดึงออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นสายจากใคร เธอถอนหายใจจนรินหันมาถาม

“พ่อโทรมาสินะ”

รินมองหน้าอย่างรู้ใจกับอายก่อนที่เธอจะพยักหน้าและขอตัวเดินออกไปรับสาย

“ค่ะ”

“กินข้าวหรือยัง”

“กินแล้วค่ะ”

“กินกับใคร”

“กับริน”

“กับใครอีก”

“เพื่อน ๆ ที่ทำงาน”

“แค่นั้น??”

“คะ?? คุณหมอมีอะไรหรือเปล่าคะ ไม่เข้าเวรเหรอ ว่างเหรอคะ”

“ถามก็ตอบสิ”

“พี่ ๆ ที่ทำงานพามาเลี้ยงต้อนรับค่ะ”

“เรื่องเยอะ แค่ไปทำงาน”

“เพราะอายบอกว่าตอนเย็นอายต้องรีบกลับบ้าน พวกพี่ ๆ เลยพามาเลี้ยงตอนเที่ยงแทนค่ะ”

เสียงกระแอมจากปลายสายทำให้อายรู้ว่าหมอเจษคงกำลังยิ้มอยู่และคงไอแก้เขินเป็นแน่ เสียดายที่เธอไม่เคยมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มนั้นเลยสักครั้ง

“งั้น…กินให้อิ่ม ตอนเย็นอยากกินอะไร”

“ทำไมคะ จะพาไปเลี้ยง”

“อืม จะพาไปกิน ก็วันนี้…ทำงานเป็นวันแรกไม่ใช่เหรอ”

“อยากกินพิซซ่า”

“เลี่ยน”

“อาหารฝรั่งเศส”

“เบื่อ”

“ซีฟู้ด”

“รสจัดไปไม่ดีต่อกระเพาะ”

“หมูกระทะ”

“ตัวเหม็น”

“กินอาย”

“เจอกันที่คอนโดนะ วันนี้เลิกทุ่มนึงเตรียมกับข้าวด้วย”

สุดท้ายก็ไม่ได้จะพาไปไหน แค่พูดไปอย่างนั้นเอง เธอก็ต้องเป็นคนซื้อของเข้าไปทำให้เขากินเหมือนเดิม หมอเจษเป็นคนไม่ชอบกินข้าวนอกบ้านอยู่แล้ว ที่ทำเป็นถามเพราะลองหยั่งเชิงเธอเท่านั้นซึ่งเธอก็รู้ทัน แต่ก็ไม่เคยกล้าคิดเกินเลยมากกว่านั้น เธอรู้ดีว่าเขาอยู่ไกลเกินเอื้อมเกินไป

“ตึ๊ง!!”

“เงินโอนเข้าบัญชี XXX-XXXX 8,000 บาท”

“ค่าอาหารเย็นแพงอย่างกับมิชลิน ใช่ว่าจะกินอะไรได้เยอะสักหน่อย”

ตลอดวันแรกของการทำงานไม่ได้มีอะไรกดดันมาก รุ่นพี่แค่พาทุกคนเดินแนะนำตัวทั่วทุกแผนกและแจกจ่ายงานที่รับผิดชอบซึ่งรินและอายมีกันต์และพี่หวานเป็นคนดูแลโปรเจคโฆษณาตัวหนึ่งเกี่ยวกับครีมกันแดดและต้องออกนอกสถานที่แต่อยู่ในช่วงการเตรียมงาน กว่าจะได้ออกงานไปจริง ๆ ก็น่าจะราว ๆ ใกล้จบการฝึกงาน

“ครีมกันแดดตัวนี้พรีเซนเตอร์มีคือน้องกิฟต์นางแบบและดาราดังน้อง ๆ น่าจะรู้จักกันดี”

“ว๊าว คนนี้ดังมากเลยนะคะ ชักตื่นเต้นแล้วสิคะ”

“หึ อย่าตื่นเต้นเลย พวกดาราพวกนี้เอาใจยากสุด ๆ”

“จริงเหรอคะพี่หวาน ทำไมเหรอคะนิสัยแบบดาราใช่ไหมคะ”

“อาทิตย์หน้าพวกเขาจะเข้ามาบรีฟงานครั้งแรก เดี๋ยวเจอก็รู้เองแหละ อย่าให้พี่ฝอยเลย”

“อาย…แกเป็นอะไรเงียบไปเลย”

“ริน เมื่อกี้พี่หวานบอกว่าคนที่จะมาร่วมงานกับเราชื่อว่าอะไรนะ….กิฟต์เหรอ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel