ตอนที่ 2 จุดเริ่มต้นของเรื่องยุ่ง ๆ
สายตัดไปอีกครั้ง หมอเจษผู้เอาแต่ใจคงจะอยากเรียกเธอไปสอบสวนอีกตามเคยด้วยข้ออ้างที่ว่าเธอเป็นเด็กในบ้านและเป็นเด็กที่พ่อของเขาอุปการะส่งเสียให้ร่ำเรียนเพราะเห็นว่าอายเรียนดีและมีความสามารถ
ห้องหมอเจษ
อายมือสั่นทุกครั้งเมื่อเดินมาที่หน้าห้องนี้ นึกไม่ถึงว่าหลายปีก่อนหน้านั้นเธออยากจะขึ้นมาหาเขามาก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรเพราะอายแอบชอบเจษมาตั้งแต่ยังเป็นเพียงเด็กมัธยมปลายและมาอยู่ที่นี่กับพ่อเพราะแม่ที่เลี้ยงดูเธอที่ต่างจังหวัดเสียไปกะทันหัน
“ก๊อก ก๊อก”
“เข้ามาสิ”
ทุกครั้งเธอจะเคาะประตู เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ซ้ำเดิมเหมือนเมื่อสองปีที่แล้ว เธอเพียงแค่นำผ้าที่แม่บ้านวานให้เอาขึ้นมาเก็บไว้ห้องคุณหมอขึ้นมาเก็บแต่ใครจะนึกว่าเขาจะเข้ามาโดยที่เธอไม่ทันระวังตัว
วันนั้นเขากลับมาพร้อมกับผู้หญิงอีกหนึ่งคน อายในตอนนั้นพึ่งจะเข้าปีหนึ่งได้เพียงครึ่งปี เธอตกใจเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูจึงได้หาที่แอบซึ่งตู้เสื้อผ้าของเขาคือที่ที่เหมาะสมที่สุด
“อ๊ะ หมอเจษคะ อื้อ….ดูดแรงกว่านี้สิคะ อ๊าา หมอเจษ….”
สาวสวยในอ้อมกอดเร่งให้เขาทำบางอย่างซึ่งอายที่นั่งขดอยู่ในตู้นั้นถึงกับต้องกลั้นหายใจพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงเพราะสิ่งที่ทั้งคู่ทำอยู่ข้างนอก ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรให้ใครเห็นหรือได้ยิน
“กิฟต์ถอดให้นะคะหมอ”
หมอหนุ่มไม่ได้ตอบเธอแต่เสียงดึงเข็มขัดออกนั้นชัดเจน คนตัวเล็กนั่งสั่นอยู่ในตู้ เธอไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหนเมื่อเสียงร้องครางของหญิงสาวด้านนอกเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ตึกนี้เป็นตึกทางปีกซ้ายของบ้านซึ่งเป็นพื้นที่ของคุณหมอเจษบดินทร์ ซึ่งจะไม่ค่อยมีใครมายุ่งวุ่นวาย
“อ๊าา….บีบแรง ๆ สิคะ อื้อ….ใส่เข้ามาได้ไหมคะ หมอคะ ขอร้องนะคะ…อ๊าาา จะทนไม่ไหวแล้ว”
“ผมไม่มีอารมณ์”
ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำสีหน้ายังไงอายก็แทบจะไม่อยากนึกถึง แต่เสียงครางนั้นเงียบไปแล้วพร้อมกับเสียงของหมอเจษที่บอกให้เธอสวมเสื้อผ้ากลับไป
“หมอคะ ทำไมจู่ ๆ….”
“ใส่เสื้อผ้าเถอะ ผมจะให้คนออกไปส่ง”
“แต่ว่ากิฟต์ หมอเจษคะกิฟต์ทำอะไรผิด”
“ไม่มี แค่ผมไม่ได้อยากทำก็เท่านั้น ไม่มีอารมณ์”
“หมอเจษคะคุณพูดแบบนี้ คุณจะทิ้งกิฟต์เหรอคะทำไมคุณถึง…”
“ออกไป!! อย่าพูดอะไรอีก อย่าลืมเอากระเป๋าคุณไปด้วย”
อายได้ยินแค่เสียงโซ่ของกระเป๋าแบรนด์เนมที่ถูกดึงขึ้นจากเตียงพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลงไป ตอนนี้ในห้องนี้มีแต่หมอเจษ…กับเธอที่ซ่อนอยู่ในนี้
“ทำยังไงดีอาย คิดสิคิด….”
เสียงรองเท้าสวมในบ้านเดินไปปิดล็อกประตูอีกครั้งพร้อมกับค่อย ๆ เดินวนมาแถว ๆ หน้าตู้เสื้อผ้าที่เธอซ่อนตัวอยู่
“คิดจะซ่อนอยู่ในนั้นอีกนานไหม ออกมาได้แล้ว”
อายตัวแข็งทื่อเมื่อเสียงนั้นพูดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าที่เธอซ่อนอยู่ หรือว่าที่เขาไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปเพราะเขารู้ว่าเธออยู่ในนี้งั้นเหรอ แต่ว่าเธอไม่ได้ทำเสียงอะไรนี่นา
“จะออกมาเองหรือจะให้ฉันกระชากตัวเธอออกมาจากตู้”
ตู้เสื้อผ้าค่อย ๆ แง้มเปิดออกมาพร้อมกับอายที่ค่อย ๆ ออกมาอย่างช้า ๆ แม้ว่าตู้นี้จะใหญ่พอที่เธอซึ่งตัวเล็กมากจะเข้าไปซ่อนได้ แต่เธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้
“คุณ…คุณเจษคะอายไม่ได้ตั้งใจจะซ่อน แต่อายตั้งใจจะ….”
“ตั้งใจอะไร เรื่องที่ซ่อนในตู้หรือว่าเรื่องที่เธอกำลังแอบดู”
“เปล่านะคะ อายแค่เอาผ้าขึ้นมาเก็บให้เท่านั้นเองค่ะ แค่ตกใจที่มีคนเข้ามาก็เลย…หาที่ซ่อน”
“แก้ตัว”
“อายเปล่านะ!!”
“ยังจะเถียงอีก!!”
แต่ไหนแต่ไรเธอกับเขาก็คุยกันน้อยอยู่แล้ว และเพราะบุคลิกที่สุขุมและพูดน้อยนั้นทำให้อายหลงรักเขาตั้งแต่เรียนมัธยมแต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะมีอารมณ์รุนแรงแบบนี้ด้วย
มือหนาของเขาตบและดันไปที่ประตูตู้เสื้อผ้า กลิ่นน้ำหอมราคาแพงโชยมาเข้าจมูกจนทำให้หญิงสาวรู้สึกเคลิ้มไปนิดหน่อยหากว่าเขาจะไม่ยืนตะคอกเธออยู่
“อายไม่ได้เถียงค่ะ อายก็แค่พูดความจริง”
“นี่แหละที่เรียกว่าเถียง”
“คุณเจษคะ อาย…ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ตอนนี้อายก็เก็บผ้าเสร็จแล้ว อาย…”
เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ เธออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน หมอเจษเองก็พึ่งสังเกตเห็นในตอนนี้เองว่าสาวน้อยที่มาอยู่ในบ้านของเขาในตอนนั้น ตอนนี้โตเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัวแล้ว เขายังรู้ว่าเธอเป็นดาวคณะตอนอยู่ปีหนึ่งและมีแต่คนมาจีบมากมาย คนพวกนั้นแทบจะตามมาถึงที่บ้านด้วยซ้ำแต่เธอเองก็มีวิธีการที่ดีพอที่จะจัดการไม่ให้พวกคนที่ไล่ตามพวกนั้นมาวุ่นวายถึงที่นี่
“เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้างพูดมาสิ”
“ม่ะ…ไม่ค่ะ ไม่ได้ยินอะไรเลย”
“โกหก เธอได้ยินแน่ ๆ”
“อาย….คุณเจษคะ อายขอโทษอายจะไม่พูดค่ะ อายจะ…ว๊าย!!”
เพียงแค่เขาจับนิดเดียวเธอก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเขาได้อย่างง่ายดาย เจษบดินทร์ไม่เคยรู้สึกอยากกอดผู้หญิงคนไหนเช่นนี้มาก่อน เหตุใดสาวน้อยตรงหน้าเขาในตอนนี้ช่างดูเย้ายวนใจมากขนาดนี้ กลิ่นกายที่ไม่ได้แต่งแต้มน้ำหอมราคาแพงกลับทำให้เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็น
“คุณหมอคะ อย่าทำอาย….คุณเจษ”
“เธอก็เห็นแล้วนี่ ว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้ออกไปแล้วรู้ไหมว่าทำไมเธอต้องออกไป”
“ไม่รู้ค่ะ”
สาวน้อยตรงหน้าเขาแม้จะตัวสั่นเพราะความกลัว แต่น้ำเสียงเย็นชานี้ทำเอาเขาแทบคลั่งเพราะอยากเอาชนะเธอ อยากรู้นักว่าจะจองหองได้มากถึงขนาดไหน
“เพราะว่ามีเธออยู่ในนี้ และฉันก็ไม่มีอารมณ์ที่รู้ว่ามีคนแอบดู แอบฟัง…”
“แต่อาย…”
“เงียบ!! ฉันยังไม่ได้สั่งให้เธอพูด”
“คุณหมอเจษคะ อาย…ขอร้อง ปล่อยอายไปนะคะ”
เสียงเธอเริ่มสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรื้นขึ้นมา แต่ยิ่งเห็นเธอที่สั่นเป็นลูกนกแบบนี้ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของเขาก่อนหน้านี้ให้พลุ่งพล่านมากกว่าเดิมจนอยากลิ้มลองคนตรงหน้า อยากฉีกกระชากทำลายและอยากครอบครองเธอให้เป็นของเขาแค่คนเดียว
“น่าเสียดายนะที่ฉันไม่ใช่พ่อพระ ในเมื่อเธอดันมารู้เรื่องแล้วดังนั้นก็…รับผิดชอบซะ”
“ไม่นะคุณเจษ ปล่อยอาย อื้อ…อย่านะคุณ….อื้อ ปล่อย!!…”
เขาดึงเสื้อยืดพอดีตัวของเธอขึ้นอย่างง่ายดายพร้อมกับดึงกระชากเธอลงไปที่เตียงนุ่มและเริ่มดึงทึ้งชิ้นที่เหลือออกโดยไม่สนใจเสียงร้องของเธอ
“ช่วยด้วย…อื้อ….”
เขาใช้มือปิดปากเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้ร้องออกมา อายรู้สึกว่ามือหนาของเขากำลังเลื่อนลงไปเรื่อย ๆ เธอรู้สึกแปลก ๆ แม้ว่าจะกลัว….แต่ก็อยากรู้ อยากลอง….
“คุณเจษ”
“อยู่เฉย ๆ จะได้ไม่เจ็บตัว”
“อ๊ะ อย่าดึง อายจะ….อ๊าา อื้อ….”
บราเซียขนาดคัพ D ถูกโยนออกไปพร้อมกับมือหนาที่ตรึงแขนเธอเอาไว้ปล่อยให้ลิ้นเข้าไปโจมตีที่ยอดอกสีสดที่ไม่เคยถูกใครแตะต้องมาก่อน อายแม้จะกลัวแต่ก็รู้สึกสยิวไปกับสัมผัสนั้นของเขา กึ่งกลัวกึ่งยอมรับและอยากให้เขาทำ นี่มันความรู้สึกอะไรกัน
“หมอคะ ได้โปรด ปล่อย…”
“อีกเดี๋ยวเธอจะเปลี่ยนใจ ครางเสียงดังได้แต่ห้ามขัดขืน”
“อายไม่อยาก….”
“งั้นเหรอ ฉันจะพิสูจน์ให้ดูว่าเธออยากหรือไม่อยาก”
นิ้วของเขาล้วงเข้าไปในกางเกงลูกไม้ตัวจิ๋วที่ปกปิดจุดสงวนด้านล่างเอาไว้อย่างง่ายดาย เขารู้จุดดีเสียจนเจ้าตัวเองยังแปลกใจเมื่อถูกนิ้วของเขาลากไปมา
“อ๊าา อย่า…ไม่เอา อึ๊ยยย….อ๊าา”
“ดี แบบนั้นแหละ แอ่นมาก ๆ หน่อยอาย อย่าอายไปเลยนะ อาาา ดูนี่สิ นี่เหรอที่ไม่ต้องการ”
เขาดึงนิ้วที่เต็มไปด้วยน้ำหล่อลื่นออกมา อายยิ่งรู้สึกหนีออกไปจากห้องนี้โดยเร็วแต่ก็รู้ว่าสายไปเสียแล้ว ตอนนี้เจษเริ่มถอดเสื้อและ….
“ไม่นะคะคุณเจษ อย่าถอดนะ”
“ไม่ถอดจะใส่เข้าไปได้ยังไง อย่าดื้อน่าอาย”
“ไม่ อายไม่ทำ อ๊าา หยุด อื้อ….อย่าใช้ลิ้น อ๊าา….แฮก….แฮก….”
“ฉันสัญญาว่าจะอ่อนโยนที่สุดสำหรับครั้งแรกของเธอ”