ตอนที่ 1 หมอเจษ Vs อาย
“หากเลือกได้อีกครั้ง ฉันจะไม่เดินไปเปิดประตูบานนั้น”
คอนโดหรูใจกลางเมือง
“อ๊ะ คุณเจษคะพอเถอะค่ะ อายต้องรีบไปเรียนแล้วนะคะ อ๊ะ”
คนตัวโตไม่แม้แต่จะฟังเมื่อร่างแกร่งและแท่งเอ็นร้อน ๆ นั้นยังคงคาอยู่ในกายของเธอในยามเช้าตรู่เช่นนี้ วันนี้เป็นวันที่ต้องเลือกสถานที่ฝึกงานเพราะ “ชลเนตร” นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังปีสามต้องรีบไปมหาวิทยาลัย
“อาาา….อยู่เฉยๆ ฉันยังไม่เสร็จ…อย่าดื้อสิอาย”
“อือ….อึ๊ย!!”
เธอได้แต่ครางเสียงสั่นเพราะทั้งเสียวและเจ็บเนื่องจากรับศึกหนักจากเขามาเกือบทั้งคืน และในเช้าวันนี้เมื่อเธอกำลังจะก้าวลงจากเตียง หมอหนุ่มอายุสามสิบ “เจษบดินทร์” หรือหมอเจษซึ่งเธอเคยนับถือเขาเป็นเหมือนพี่ชายที่รู้จัก เป็นรักครั้งแรก และเจ้านายคนหนึ่งของเธอในเวลานี้ไม่ยอมปล่อยให้เธอลุกจากเตียงไปง่าย ๆ
เสียงกระแทกของเอ็นร้อน ๆ ที่กระแทกเข้ามาไม่ยั้งเมื่อเขาจับเธอหันหลังพร้อมกับตบไปที่บั้นท้ายจนแดงไปพร้อม ๆ กับบีบเคล้นจนเป็นรอยแดง
“อาา……”
สิ้นสุดเสียที……เสียงครางทุ้มต่ำค่อย ๆ หยุดลงพร้อมกับน้ำรักที่ถูกพ่นเข้ามาในตัวเธออีกครั้ง อายก็ค่อย ๆ ดึงชุดนอนของเธอและลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วด้วยเรี่ยวแรงที่เหลือน้อยเต็มที น่าอิจฉาคุณหมอที่ไม่ต้องตื่นไปทำงานในวันนี้เพราะเป็นวันหยุดของเขา
“น่าสมเพชจังเลยนะอาย”
ชลเนตรมองตัวเองในกระจกห้องน้ำ เนื้อตัวที่เต็มไปด้วยรอยกัด จูบและจ้ำแดง ๆ ฝีมือคุณหมอหนุ่มตั้งแต่เมื่อคืนและเมื่อเช้านี้ ไม่มีครั้งไหนที่เธอจะได้เดินออกจากห้องไปดี ๆ ได้เลย
สาวน้อยในวันยี่สิบสองเร่งรีบอาบน้ำและแต่งกายในชุดนักศึกษาที่ถูกเตรียมเอาไว้ในห้องนอนเล็กอีกห้องซึ่งเขาจัดเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ มิใช่ว่าเขาสนใจเธอแต่เป็นเพราะไม่ต้องเป็นภาระในการไปส่งเธอต่างหาก
“จะไปแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
“วันนี้จะกลับบ้านหรือเปล่า”
“คุณพ่อบอกแล้วค่ะว่าให้ไปช่วยป้านิ่มจัดงานเลี้ยงวันเกิดคุณท่าน”
“เชอะ งานน่าเบื่อ”
“อายไปก่อนนะคะ”
“อย่าลืมเอาเงินที่โต๊ะไปด้วย”
“…..”
“ได้ยินหรือเปล่า”
“ค่ะ”
ชลเนตรเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าผ้าที่ใส่อุปกรณ์และเอกสารการฝึกงาน เธอหยิบกระเป๋าสะพายเล็ก ๆ ที่วางข้างนอกไปด้วยพร้อมกับหันไปเห็นธนบัตรปึกใหญ่ที่เขามักจะเอาวางไว้ให้
“ไม่ใช่เมียเก็บสักหน่อย”
เธอคว้าเงินนั้นขึ้นมาเก็บเอาไว้ในกระเป๋า คุณหมอเจษมักจะทำเช่นนี้บ่อย ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่อายก็ไม่เคยจะปฏิเสธเพราะเธอเคยทำแล้ว
“ทำไมไม่เอาเงินไป”
“อายไม่ต้องการ คุณหมอปล่อยอายไปได้ไหมคะ”
“ทำไม เธอหาเรื่องเอง มาตอนนี้อยากถอนตัว ไม่ง่ายแบบนั้นมั้ง”
“คุณหมอคะ!! อายบอกแล้วว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจ!!”
ครั้งนั้นทำให้เธอคลานลงเตียงแทบไม่ได้ ใครจะคิดว่าหมอสูตินรีเวชโรงพยาบาลชื่อดัง ดีกรีอาจารย์แพทย์สุดหล่อ เนี้ยบ พูดน้อยแต่ฝีมือการรักษาติดท็อประดับประเทศ
อีกทั้งเขายังเป็นทายาทของผู้บริหารบอร์ดของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังอีกสามแห่ง เป็นที่หมายปองของสาว ๆ ครึ่งเมืองหลวงจะเป็นคนที่มีรสนิยมบนเตียงที่รุนแรงและดุดันถึงขนาดนี้
มหาวิทยาลัย
“อาย….ที่รัก เราได้ไปที่เดียวกัน ดีใจจังเลย”
“รินก็ไปที่โซรีไนท์เหรอ”
“ใช่ ๆ จะได้เห็นการทำงานจริงสักทีสินะ ใครจะไปรู้งานนี้อาจจะได้เจอดารานายแบบหล่อ ๆ แล้วกระโดดล้มทับ
จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าจะได้เป็นเจ้าหญิงเสียอย่างนั้นเลย”
“หึหึ เห็นรุ่นพี่บอกว่าที่นั่นฝึกงานโหดมากนะ ใช้เด็ก ๆ ฝึกงานแทบจะไม่ได้กินไม่ได้นอนเลยล่ะ แล้วงานนอกสถานที่ก็ไปบ่อย ๆ ด้วย”
“ข้อดีคือได้เที่ยว ข้อเสียก็คือถ้ามีแฟนก็เสี่ยงจะทะเลาะกันได้เลยล่ะ แต่เอาน่า สามเดือนเอง”
“อืม”
“อาย…แล้วแบบนี้พ่ออายจะเป็นห่วงหรือเปล่า แล้ว….อีตาหมอซาดิสม์นั่นล่ะ บอกเขาหรือยัง”
ชลเนตรเซ็นเอกสารที่เหลือโดยไม่ได้มองหน้า “ไอรินทร์” เพื่อนสาวคนสนิทคณะนิเทศศาสตร์เหมือนกัน เรื่องของเธอและหมอเจษ มีเพียงรินคนเดียวที่รู้ความเป็นมาเพราะเธอเคยขอความช่วยเหลือไอรินทร์ที่มีประสบการณ์เรื่องนี้ในวันแรกที่เธอพลาดมีอะไรกับคุณหมอเจษ
“ยัง แค่ฝึกงานเขาน่าจะไม่มีปัญหา”
“หึ อีตานี่ก็แปลก ทำเป็นเย็นชาเป็นก้อนหินแต่ดันไม่ยอมปล่อยแก ถึงจะหล่อแต่นิสัยแบบนี้….อาย..เราขอโทษนะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
มือของอายสั่นเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเขา
“ไม่เป็นไรเราเริ่มชินแล้ว ที่สำคัญที่รินพูดก็ไม่ผิดเลยนี่นา เราก็แค่….ลูกของคนขับรถของพ่อของเขา”
“อาย….ไม่เอาสิอย่าคิดแบบนั้น ดาวคณะอย่างอายจะหาผู้ชายดี ๆ สักกี่คนก็ได้ จำไม่ได้เหรอตอนที่ได้ตำแหน่งดาวใหม่ ๆ แม้แต่รองเท้ายังมีคนคอยถือให้เลยนะ”
“มันเป็นอดีตไปแล้วล่ะเลิกคุยเถอะ เอกสารเสร็จแล้ว เย้!! เอาไปส่งอาจารย์กันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าอายยิ้มได้ รินจึงตบไหล่เพื่อนเบา ๆ และยิ้มตอบกลับไป
“ไปกัน”
เมื่อส่งเอกสารเสร็จก็เกือบเที่ยงพอดี วันนี้อายไม่มีเรียนและเธอก็ตกลงกับรินว่าจะไปซื้อชุดใหม่เพื่อเตรียมที่จะไปฝึกงานในบริษัทโฆษณาที่ไปฝึกงาน แม้ว่าส่วนใหญ่จะสวมชุดนักศึกษาก็ตาม
“ชุดนี้สวยดีนะอาย เหมาะมากเลย เอาไปด้วยสิ”
“อืม สวยดี”
พวกเธอซื้อของมามากพอสมควร ล่วงเลยเวลามานานพอสมควรจนเกือบเย็น อายจึงได้ขอตัวแยกกับรินเพื่อจะเรียกรถกลับไปที่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านของหมอเจษที่อยู่ใจกลางเมืองย่านรถติด
“ถึงไหนแล้ว”
“ตอบสิ”
เสียงเตือนมือถือของอายดังเกือบทุก ๆ ห้านาทีซึ่งเธอไม่ได้สนใจกดเข้าไปอ่านเพราะรู้ดีว่าเป็นใครที่ส่งมา ไม่นานเมื่อเห็นว่าเธอไม่รับเขาจึงต้องโทรเข้ามา อายจนปัญญาเมื่อขึ้นไปนั่งบนรถแล้วจึงกดรับสายเขา
“ค่ะคุณเจษ”
“ทำไมไม่อ่านข้อความ”
“อายพึ่งจะหารถกลับบ้านได้ค่ะ”
“อยู่ที่ไหน”
“ตอนนี้…เอ่อ….ใกล้ถึงบ้านแล้วค่ะ”
“ตู๊ด ๆ ๆ”
สายถูกตัดไปอีกครั้งซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะคนอย่างหมอเจษเป็นคนไม่ค่อยมีความอดทนอยู่แล้วอายจึงไม่นึกแปลกใจสักนิด เขาคงแค่อยากตรวจดูว่าเธออยู่ที่ไหนและกลับบ้านหรือยังเท่านั้น
บ้านนิรัชภักดี
รถแท็กซี่จอดหน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์หรูใจกลางเมืองพร้อมกับสายตาที่จ้องมองอย่างสนใจของคนขับรถที่มองไปยังประตูรีโมตอัลลอยด์บานใหญ่ตรงหน้า
“โอ้โห บ้านหลังใหญ่จริง ๆ คุณหนูอยู่ที่นี่เหรอครับ”
อายเปิดกระเป๋าพร้อมหยิบเงินค่าโดยสารออกมาให้คนขับรถ แม้ว่าจะเคยชินกับเหตุการณ์นี้แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีเพราะที่นี่คือจุดเริ่มต้นปัญหาของเธอ
“ไม่ใช่บ้านหนูหรอกค่ะ บ้านเจ้านายน่ะ”
“อ่อ งั้นหรอกเหรอ”
“ไม่ต้องทอนนะคะ”
“โอ้ ขอบคุณมากครับ สวยแล้วยังใจดีอีก”
อายเดินลงมาพร้อมกับถุงจากร้านที่เธอและรินไปซื้อของมาวันนี้ เธอเดินไปเดินเข้าประตูเล็ก ๆ พร้อมกับสแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดมันออก
เมื่อเดินเข้าไป สายตาหนึ่งที่มองเธอมาจากชั้นสองก็ทำให้อายสะดุดเพราะผู้ชายสวมเชิ้ตสีขาวริมกระจกห้องที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดแต่เธอไม่แม้แต่จะเหลือบมองขึ้นไป
เธอเดินไปด้านหลัง ซึ่งเป็นเรือนของคนรับใช้ซึ่งมีห้องสำหรับเธออยู่ที่นั่น แต่ไม่ทันที่จะเดินเข้าไปเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาก่อนจนอายต้องข่มใจก่อนจะกดรับ
“ค่ะ”
“เดินขึ้นมาข้างบนนี้ก่อน”
“แต่ว่าอายจะเอาของไปเก็บ”
“ให้เวลาแค่สามนาที”