ตอนที่ 1 “คู่นอน”[2]
“มาสายนะครับคุณธีรติ”
เมื่อเขามาถึงบริษัทก็ได้รับคำทักทายที่ดูเหน็บแนมจากเหล่าผู้บริหารรวมถึงสายตาที่คนพวกนั้นจ้องมองมาที่เขา แต่คนอย่างเธียร์ไม่ได้สนใจใครหน้าไหนอยู่แล้ว
“โทษทีครับ พอดีรถติดนิดหน่อย” รถติดหรือเครื่องติดกันแน่คะคุณเธียร์
พูดจบเขาก็เดินไปนั่งลงข้างพี่ชายของเขาอย่าง ธาม
ตรีธารา สิงหบดินทร์ พี่ชายที่พ่อกับแม่ของเธียร์รับมาอุปถัมภ์เลี้ยงดูตั้งแต่เธียร์ยังไม่เกิด
“เริ่มเลยแล้วกัน”
ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจกลับมา
...หลังจากประชุมเสร็จเขาก็ต้องกลับไปทานอาหารเย็นกับที่บ้าน เพราะนาน ๆ ทีลูกชายทั้งสองจะกลับบ้านมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน
“ร้านเป็นไงบ้างล่ะธาม บริหารคนเดียวหลายอย่างแบบนี้ไหวแน่นะ ถ้าไม่ไหวก็ให้น้องไปช่วยอีกแรง” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม
“อะไรกันป๊า ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ”
เธียร์ทำท่าทีงอแงเหมือนกับเด็กสองขวบ คิ้วของเขาจ้องแต่จะผูกเข้าหากัน
“สบายมากครับ ร้านกำลังไปได้ดีเลย ส่วนงานที่โรงแรมก็ไม่ได้หนักอะไรมากครับ ผมทำไหวอยู่ครับ” ธามเอ่ยกับผู้เป็นพ่อ
ที่บ้านของพวกเขาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีโรงแรมในเครืออยู่หลายจังหวัดอีกทั้งยังเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เมื่อทั้งสองคนเริ่มโตผู้เป็นพ่อก็ให้เข้ามาช่วยงานที่บริษัท
“ถ้าไม่ไหวก็บอกป๊านะ ป๊าจะสั่งเจ้านี่ไปช่วยดูแล” ผู้เป็นพ่อมองค้อนไปทางลูกชายคนเล็กที่ไม่ค่อยเอาไหน วัน ๆ หาแต่เรื่องให้ปวดหัว ไม่เรื่องเมาแล้วไปมีเรื่อง ก็เป็นเรื่องผู้หญิงวนอยู่อย่างงั้น
“ไม่เอาด้วยหรอกครับให้พี่ธามทำคนเดียวไปเถอะ”
“แต่พรุ่งนี้แกต้องไปทำงานแทนฉันที่ภูเก็ตนะ” ผู้เป็นพ่อย้ำคำสั่งกับเขาอีกรอบ
“รู้แล้วค้าบ ย้ำบ่อยอะไรขนาดนั้นผมไม่ได้ความจำสั้นสักหน่อย”
“ขนาดฉันย้ำอย่างนี้แกยังไม่คิดจะสนใจงานการเลย วัน ๆ เอาแต่ติดผู้หญิง ไม่ได้เรื่องจริง ๆ” ผู้เป็นพ่อบ่นให้เธียร์แบบไม่เว้นช่องว่างไว้ให้เถียง
“เอาน่าคุณ ลูกทานข้าวอยู่จะมาบ่นอะไรตอนนี้คะ” เมื่ออาภาผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นทุกคนในโต๊ะก็ต่างเกรงกลัวและหยุดเถียงกันทันที โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อเมื่อถูกสายตาอำมหิตของแม่จ้องมา ก็รับรู้ได้ถึงรังสีที่แผ่ออกมาในทันที
...อีกฟากของหญิงสาวเมื่อเขาบอกว่าจะไม่ว่างมาหาเธอสองสามวันเธอคงคิดถึงเขาจนใจจะขาดเป็นแน่ “เพราะฉะนั้นฉันไม่ปล่อยให้คุณได้มีโอกาสไปคั่วสาวอื่นหรอกค่ะคุณเธียร์” หญิงสาวนึกคิดในใจพร้อมกับยืนแต่งหน้าให้ตัวเองดูซีดโทรมสุด ๆ
แชะ!
เสียงถ่ายรูปจากกล้องโทรศัพท์พร้อมกดส่งไปที่ไลน์ของเธียร์ในทันที นาทีนี้ต้องรู้จักใช้มารยาหญิงให้เป็น
“ปวดหัวจนลุกไม่ขึ้นเลยค่ะ” พร้อมทิ้งข้อความนี้ไว้
ชายหนุ่มชำเลืองตาไปมองการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ และก็เมินไปไม่ได้กดเข้าไปอ่านเพราะขณะนั้นกำลังทานข้าวอยู่บนโต๊ะอาหาร นลินนั่งรอการแจ้งเตือนตอบกลับข้อความของเขาอย่างใจจดใจจ่อ
ตื่อดึ่ง!
เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์หญิงสาวก็รีบคว้าขึ้นมาเปิดดูทันที
“อกหัก คืนนี้เจอกันร้านเดิม กู มึง กี้” เป็นเสียงไลน์จากเพื่อนสาวของเธอต่างหากล่ะ
“เฮ้ออ!”
เธอยกคิ้วสูงเผยริมฝีปากเหยียดตรงพร้อมถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกที่ผิดหวัง เมื่อไม่ใช่การแจ้งเตือนจากคนที่เธอรอ เธอมองดูนาฬิกาเป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว เขาคงไม่มาหาเธอหรอกวันนี้ นลินครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจที่จะออกไปปาร์ตี้กับเพื่อน
“ไม่รอคำตอบจากกูหน่อยเหรอวะ” นลินจึงตอบกลับข้อความของเพื่อนไป
“ไม่ค่ะ มึงไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้นนอกจากตอบ ไป”
“งั้นเจอกันสี่ทุ่ม” เธอส่งข้อความทิ้งไว้ในแชทของเพื่อนสาวก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว
...หลังจากที่เธียร์มีโอกาสได้เปิดอ่านไลน์เธอแล้วเขาก็คิดว่าคงต้องกลับไปหาเธอที่คอนโดสักครู่ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเธอโกหกแต่เขาก็เลือกที่จะไปเจอเธออยู่ดี
“คุณแม่ครับวันนี้ผมคงกลับไปค้างที่คอนโดนะครับ พอดีผมต้องกลับไปเอาของด้วยน่ะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า” ถึงภายนอกเธียร์จะดูเป็นผู้ชายหยาบ ๆ แข็งกระด้าง แต่ใครจะรู้ว่าเวลาเขาอยู่กับแม่หรือผู้หญิงที่เขารัก เขาจะทำตัวขี้อ้อนอย่างกับลูกแมว
“ได้เจอกันแป๊บเดียว จะไปอีกแล้วเหรอลูก แม่อุตส่าห์เตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อย” ผู้เป็นแม่มีน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจลูกชาย
“วันนี้ก็ค้างอยู่ที่นี่ ให้คนกลับไปเอาให้ก็ได้นี่” คนเป็นพ่อกล่าวเมื่อเห็นภรรยาของตนทำสีหน้าเศร้าเพราะเจ้าลูกชายตัวดี
“แต่ว่า...” เธียร์กำลังจะเอ่ยปากพูด
“เอาเถอะ แม่ก็ไม่สำคัญเท่าผู้หญิงของแกนี่” คุณหญิงอาภากอดอกทำหน้ามุ่ยน้อยใจลูกชาย
“โถ่ถถถ! คุณแม่ค้าบบ” ชายหนุ่มทำเสียงออดอ้อนลากยาวเดินเข้าไปโอบกอดคุณแม่พร้อมหอมแก้มเหมือนเด็กสามขวบอ้อนแม่
“ผมกลับไปเอาของจริง ๆ ครับ งั้นผมจะไถ่โทษโดยการโอนเงินค่าช็อปปิ้งให้แทนดีไหมครับ” ลูกชายทำตาปริบ ๆ อ้อนคนเป็นแม่ ในขณะเดียวกันธามเองก็ได้แต่นั่งมองการกระทำของคุณแม่กับน้องชาย เขาเองก็รู้ดีว่าไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพวกท่าน เป็นเด็กที่พวกท่านรับมาอุปการะเพียงเท่านั้น
ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งรู้สึกไม่สนิทกันเหมือนแต่ก่อน ด้วยระยะห่างทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับครอบครัวไม่เป็นเหมือนเดิม ธามรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกที่นั่งมองพ่อแม่ลูกเขาหยอกเล่นกัน หันไปมองผู้เป็นพ่อก็นั่งยิ้มมองสองคนนั้นอยู่
“ป๊าครับ แม่ครับ ธามต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีธามต้องเข้าไปดูงานที่บาร์อีก เห็นลูกน้องบอกบัญชีมีปัญหาว่าจะเข้าไปดูสักหน่อยน่ะครับ” ธามเอ่ยขึ้นจนทุกคนหันมาสนใจเขา
“นี่ก็จะทิ้งแม่ไปอีกคนเหรอเนี่ย ลูกชายบ้านนี้มันเป็นยังไงกันหื้มม” ผู้เป็นแม่กล่าว
“โอเคลูก เข้าไปดูก็ดี ไว้ใจคนอื่นทำก็ไม่สู้เราทำเองหรอก” คนเป็นพ่อเอ่ย
“ครับ ไว้ผมจะแวะมาหาบ่อย ๆ นะครับ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่
“ขับรถดี ๆ นะลูก” คุณหญิงอาภาตบหลังลูกชายเบา ๆ
...ธามเดินออกมาจากบ้านด้วยความรู้สึกน้อยใจเมื่อหันกลับไปมองเห็นพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกพูดคุยกันสนุกสนาน “ป๊ากับแม่ดูมีความสุขจังเลยนะครับเวลาอยู่กับเจ้าเธียร์”
...ความรู้สึกเช่นนี้มันได้เกิดขึ้นกับเขาและสะสมมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่มีเธียร์เข้ามา ทุกความสนใจจากคนในบ้านก็ไปอยู่ที่เจ้าเธียร์หมด นอกจากจะเป็นลูกคนเล็กของบ้านแล้ว เธียร์ยังเป็นลูกชายแท้ ๆ ที่เกิดมาจากเลือดเนื้อเชื้อไขของป๊ากับแม่อีกด้วย
“ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนไม่รักลูกตัวเองหรอกนะ”
“ใช่”
“พ่อแม่ทุกคนต่างรักลูกตัวเอง!”