บทที่ 9 ผู้ช่วย
“คุณรัตน์คิดอะไรอยู่คะเรื่องหลานชายรึเปล่า”
“ใช่ ทำไมฟ้ารู้ล่ะ” ยุพารัตน์มองหน้าผู้ช่วย
“ก็ไม่มีเรื่องอะไรนี่คะนอกจากเรื่องนี้ เรื่องงานก็ไม่มีปัญหาเรื่องหัวใจคุณรัตน์ไม่เคยมองใครเลยอันนี้ตัดทิ้งไปได้”
“บ้า ฉันก็มีมองของฉันบ้างแหละย่ะ” ยุพารัตน์ขยับตัวกับคำท้ายของเฟื่องฟ้า
“มีก็มีค่ะแต่คงไม่มีปัญหาเท่าเรื่องของหลานชายใช่มั้ยคะ” เฟื่องฟ้าเดาใจเจ้านาย
“ใช่ เธอนี่เข้าใจฉันทุกเรื่องเลยนะ”
“ไม่หรอกค่ะโดยเฉพาะเรื่องหัวใจ จนป่านนี้ดิฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณรัตน์ของดิฉันรักใคร” ผู้ช่วยสาวเย้าเล่น
“บ้าน่ะยัยฟ้า เลิกพูดเรื่องหัวใจฉันได้แล้วย่ะ ฉันยิ่งกลุ้มๆ เรื่องหลานชายฉันอยู่” ยุพารัตน์นั่งตัวตรงจ้องหน้าเฟื่องฟ้าแล้วถอนใจ
“เธอมีความคิดเห็นเรื่องหลานชายฉันบ้างมั้ย”
“จะให้คิดยังไงล่ะคะก็บอกไปแล้วว่าต้องพาไปรักษา” เฟื่องฟ้าไม่มีความคิดเห็นใหม่ให้กับเจ้านาย
“ตาวรรธไม่ยอมไป ฉันกับพี่ฉันพูดจนเหนื่อยตาวรรธก็ไม่ยอมฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วล่ะ”
“ให้ดิฉันช่วยพูดมั้ยคะ” หญิงสาวเอ่ยออกมาสายตาจับนิ่งที่ใบหน้ายุพารัตน์
“แน่ใจเหรอว่าตาวรรธจะเชื่อเธอน่ะฟ้า”
“ก็ต้องลองดูแหละค่ะเพื่อบริษัทสีรุ้งดิฉันจะพยายามค่ะไม่งั้นบริษัทเปิดตัวไม่ได้ใช่มั้ยล่ะคะ ขาดท่านประธานบริษัทซะคนใครจะกล้าเปิดบริษัทล่ะ”
“รู้มากอีกแล้วฉันเลื่อนตำแหน่งเธอมาเป็นผู้จัดการดีกว่าเก่งทุกเรื่องนี่” ยุพารัตน์ว่าให้ลูกน้องแล้วยิ้ม
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณไผทจะได้ฆ่าดิฉันน่ะสิคะ” เฟื่องฟ้าส่ายศีรษะเร็วๆ ยุพารัตน์หัวเราะแล้วพูดอีก
“ฉันก็พูดไปยังงั้นแหละตำแหน่งผู้ช่วยฉันก็ใหญ่กว่าผู้จัดการแล้วล่ะแล้วนี่พร้อมจะไปคุยกับตาวรรธเมื่อไหร่ไปเย็นนี้มั้ยเลิกงานแล้วไปกับฉัน”
“ได้ค่ะ”
“ขอบใจมากฟ้า เอออีกเรื่องช่วยหาประชาสัมพันธ์ให้ฉันทีเอาแบบทูอินวันนะทำการตลาดได้ด้วย”
“ทำไมล่ะคะคนในบริษัทก็มีนี่คะ”
“เอาเถอะน่ะหามาอีก ขอคนที่รักงานจริงๆ ล่ะไม่ใช่แค่อยากมีเงินใช้แล้วทำงานชุ่ยๆ”
“ค่ะจะพยายามหาให้”
“ขอบใจ เย็นนี้ไปบ้านฉันด้วยกัน”
“ค่ะ”
เฟื่องฟ้ารับคำแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของหล่อน เย็นนี้หล่อนต้องทำให้วรรธนัยยอมรักษาตัวเองให้ได้แต่หล่อนยังไม่เคยเห็นหน้าวรรธนัยและไม่รู้จักนิสัยใจคอของเขาเลย เขาจะเชื่อหล่อนหรือเปล่านี่คือปัญหาล่ะ หญิงสาวปัดความคิดเกี่ยวกับเจ้านายหนุ่มออกจากสมองกลับมาที่งานตรงหน้าและงานใหม่ที่ยุพารัตน์เพิ่งสั่งหล่อนเมื่อครู่นี้ นักประชาสัมพันธ์และนักการตลาดหล่อนจะไปเสาะหาจากไหน คนที่หล่อนคิดถึงในขณะนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
วรรธนัยหงุดหงิดเมื่อหนังสือในมือหล่นลงพื้นแล้วไม่สามารถเอื้อมหยิบถึง เขาโวยวายเสียงดังชูจิตวิ่งเข้ามาช่วยเก็บหนังสือให้เขาแต่ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของเขาเย็นลง
“ไม่ต้องช่วยฉัน ในเมื่อฉันหยิบไม่ได้ก็ไม่ต้องอ่าน เอาหนังสือวางไว้ที่เดิม” เขาออกคำสั่งเสียงเข้มชูจิตวางหนังสือลงตามคำสั่งแล้วถอยออกไป ยุพารัตน์เดินเข้ามา หล่อนมองหลานชายแล้วยิ้ม
“เป็นอะไรเหรอลูก หงุดหงิดเรื่องอะไร”
“เปล่าครับ คุณอามีอะไรกับผมรึเปล่าผมอยากพักไม่อยากคุย” เขาตอบหางเสียงห้วนเล็กน้อย
“อาพาผู้ช่วยอามาหาวรรธจ้ะยัยฟ้าอยากปรึกษากับวรรธเรื่องบริษัท”
“ปรึกษาทำไมครับผมไม่ทำอะไรทั้งนั้น” เขามองหน้าอาสาวแล้วเมินหนีรอยยิ้มอ่อนโยนของอา
“แต่บริษัทสีรุ้งเป็นของวรรธนะลูก คุณพ่อคุณแม่แล้วก็อาสร้างบริษัทนี้ให้วรรธนะครับ” สาวใหญ่ลดระดับเสียงลงอีก วรรธนัยถอนใจยาว
“ก็ได้ครับ อยากจะปรึกษาอะไรก็ให้เขารีบๆ เข้ามาผมจะนอน”
“ได้จ้ะ ฟ้า ฟ้า เข้ามาจ้ะ”
ยุพารัตน์ยิ้มหันไปเรียกเฟื่องฟ้าซึ่งรออยู่ด้านนอก ผู้ช่วยสาวเดินยิ้มเข้ามา วรรธนัยไม่เหลียวมองจนกระทั่งเฟื่องฟ้าทรุดนั่งลงบนเก้าอี้มุมห้อง ยุพารัตน์เข็นรถเข็นที่วรรธนัยนั่งเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงข้างเฟื่องฟ้า
“ฟ้านี่ไงล่ะตาวรรธนัยหลานชายฉัน ตาวรรธนี่เฟื่องฟ้าเป็นผู้ช่วยอา ทำงานเก่งมากรู้เรื่องสมุนไพรดีมากจ้ะถ้าวรรธอยากถามอะไรถามได้เลยนะอาขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ยัยฟ้าคุยกับตาวรรธไปพลางๆ เดี๋ยวฉันมา”
“ค่ะ” เฟื่องฟ้ายิ้มแล้วหันมามองวรรธนัย เขามองหล่อนเช่นกัน