บท
ตั้งค่า

บทนำ

หญิงสาวสวยที่กำลังอุ้มท้องเดินเล่นอยู่ในรีสอร์ตหรูริมทะเล โดยมีเด็กหญิงตัวเล็กวัยใกล้สามขวบจูงมือเป็นไกด์รุ่นจิ๋ว เสียงเล็กใสดังเกือบตลอดเวลาทำให้หล่อนรู้สึกเพลินทีเดียว ช่วงแรกที่เจอ เด็กหญิงมีท่าทีขี้อาย แต่เมื่อสนิทสนมกันก็ร่าเริงอย่างที่เห็น

“พี่นิลขา” เสียงเรียกด้านหลัง ทำให้นิลอุบลหันมอง พอเห็นว่าเด็กสาวที่เธอเคยกล่อมถามตอนต้องการไปจากสามีในตอนนั้น ก็ถึงกับยิ้มออกมา

“อ้าว! นก เป็นยังไงบ้างจ๊ะ”

“หนูดีใจจังที่เจอพี่ หนูลุ้นให้พี่กับคุณวิศรุตเป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว แล้วเห็นไหมล่ะ หนูคิดไม่ผิดเลย”

เด็กสาวมีท่าทีตื่นเต้นเมื่อเห็นเธอเดินอุ้ยอ้ายจูงมืออยู่กับเด็กหญิงชมพู่ในรีสอร์ตหรูของมรุต นักธุรกิจหนุ่มชื่อดังในพื้นที่ หลังจากนั้นนิลอุบลทำหน้าที่เป็นผู้ฟัง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มต้นเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดในวันนั้น กระทั่งกลับมาย้ำว่าดีใจที่เธอกับวิศรุตตกลงกันได้ในที่สุด ก่อนขอตัวไปทำงานต่อ

“พี่นกพูดเยอะจัง ชมพู่ฟังไม่ทันเลยค่า”

เด็กหญิงยกมือขึ้นมาเกาศีรษะแล้วบ่นอย่างที่นิลอุบลต้องหัวเราะ เธออยู่เป็นเพื่อนเด็กหญิงจนถึงเวลาเที่ยงวัน วิศรุตก็มารับด้วยรถยุโรปคันใหญ่ที่เขาใช้เป็นประจำในพักหลัง เพราะมีพื้นที่พอให้คนท้องโตได้นั่งสบาย หลังจากปล่อยให้เธอลาเจ้าของบ้านตัวจ้อยที่ยืนทำหน้าหงอยเพราะขาดเพื่อนคุย เขาก็ประคองขึ้นรถเพื่อกลับกรุงเทพ

ชมพู่วิ่งมากอดแล้วจูบลาที่ท้องกลมๆ ของเธอ นิลอุบลสัญญาว่าถ้าคลอดน้องเมื่อไรจะให้ชมพู่เป็นพี่และให้อุ้มน้องได้

“ถ้าชมพู่มีหม่ามี้ ชมพู่ก็มีน้องเป็นของตัวเองใช่ไหมคะ” คำถามนั้นทำให้วิศรุตหัวเราะออกมา

“รออีกนิดนะครับ คนสวยของอา คุณพ่อหนูกำลังหาหม่ามี้ให้ ชมพู่ต้องช่วยคุณพ่อด้วยนะคะ”

เมื่อเด็กหญิงรับปากอย่างแข็งขัน วิศรุตกับนิลอุบลก็โบกมือลาขึ้นรถ

นิลอุบลเห็นความเหงาในแววตาของเด็กน้อย คิดว่าวิศรุตไม่ควรพูดให้ความหวัง เพราะรู้ดีว่าการรอคอยสิ่งที่ไม่อาจเป็นจริงนั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน

“คุณหนึ่งไม่น่าให้ความหวังน้องชมพู่นะคะ คุณป้ากับคุณรุตให้ความอบอุ่นเต็มที่อยู่แล้ว แกจะเข้าใจและยอมรับกับสิ่งที่มีไปเอง” นิลอุบลเปรยขึ้นขณะนั่งในรถด้วยกันระหว่างทางกลับกรุงเทพ

“ให้ความหวังที่ไหน เรียกว่าเอาความจริงมาบอกให้เข้าใจมากกว่า ถ้ารุตมันทำสำเร็จขึ้นมา จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง” ครั้งนี้เขาพูดจริงจัง

“ชมพู่จะมีแม่หรือคะ แม่แท้ๆ ของแกหรือแม่คนใหม่”

“ถ้าให้เลือก รุตคงเลือกอย่างหลัง” เสียงบอกอย่างอารมณ์ดี ทำให้หล่อนทำเสียงขึ้นจมูกว่าผู้ชายชอบของใหม่เสมอ

“แล้วนิลก็จะลุ้นแม่คนใหม่เหมือนกัน เชื่อสิ”

ร่างสูงใหญ่ของชายวัยสามสิบต้นเดินเร่งฝีเท้าเข้ามาในร้านอาหารบรรยากาศดีที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ เขาสามารถเรียกสายตาหลายคู่ให้หันมอง คงเพราะรูปร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานชายไทย รวมถึงบุคลิกโดดเด่นเป็นตัวของตัวเอง ชายหนุ่มก้าวไปข้างในแล้วส่ายสายตาหาใครสักคน พลันนั้นนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มก็ฉายความยินดี ก่อนตรงรี่ไปหาหญิงสาวซึ่งนั่งกอดอกมองพร้อมรอยยิ้ม

“มาถึงนานหรือยัง” เขาถามพลางทรุดกายนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม

“รุตมาสายอีกแล้วนะ คราวนี้ติดงานหรือว่าติดอะไร”

หญิงสาวไม่ตอบ หากกระเซ้าถามอย่างที่ทำให้ใบหน้าคมสันปรากฏรอยยิ้มเก้อเขิน ก่อนจะเมินไปอีกทางพลางยกมือขึ้นลูบปลายผมที่เปียกชื้นจากละอองฝนซึ่งวิ่งฝ่าเข้ามา ท่าทางนั้นทำให้คนมองอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ก่อนเรียกเด็กเสิร์ฟเพื่อสั่งกาแฟร้อนให้เขาอย่างใส่ใจ

ชายหนุ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเองในนาทีต่อมา แล้วเริ่มสนทนากับหญิงสาว

“คราวนี้จะเดินทางกันเมื่อไรล่ะ”

“สัปดาห์หน้าคุณภูมิจะเดินทางไปก่อน ส่วนแอ้จะตามไปในราวสิ้นเดือน”

“ชมพู่ล่ะ ตอนนี้ชมพู่เป็นไงบ้าง” เสียงทุ้มนุ่มมีกระแสความอ่อนโยนเมื่อเอ่ยไปถึงใครคนนั้น ก่อนถามต่ออย่างใคร่รู้

“ชมพู่วิ่งได้หรือยัง คงพูดได้คล่องแล้วใช่ไหม”

“ชมพู่สองขวบกว่า แกโตแล้วนะรุต เด็กวัยนี้พูดได้วิ่งได้จนคล่อง”

หล่อนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาประเมิน ทำให้ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง ยอมรับถึงความไม่ใคร่ใส่ใจของตนที่ผ่านมา

“ผมเป็นพ่อที่แย่นะ”

“แอ้ก็มัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลา ส่วนใหญ่คุณแม่จะเป็นคนดูแลชมพู่ ถ้ารุตรับแกไปอยู่ด้วย แอ้ก็หวังว่ารุตจะดูแลได้ดีกว่าแอ้”

รานีพูดจบก็ถอนหายใจ ตวัดสายตามองใบหน้าคมสัน นึกย้อนถึงวันเวลาที่ผ่านเลยมา จนตอนนี้ที่เหลือเพียงความเป็นเพื่อน หากสองคนยังเกี่ยวพันกัน เพราะมีบางอย่างที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันอยู่

“เราคงเป็นพ่อและแม่ที่แย่พอกัน” เสียงแผ่วเบาของหญิงสาวดังต่อมา

มรุตนิ่งเงียบ เบือนหน้ามองฝ่าผนังกระจกออกไป เห็นสายฝนตกโปรยหนาตาขึ้น มือหนายกถ้วยกาแฟขึ้นจิบอย่างใจเย็น นาทีต่อมาจึงถอนความสนใจแล้วหันมายังคู่สนทนา

“ต่อไปผมจะมีเวลามากขึ้น เพราะงานรีสอร์ตเริ่มอยู่ตัว ก่อนนี้ที่หายไปนานเพราะงานอยู่ในช่วงบุกเบิก ผมต้องเร่งทำหลายทาง”

“รุตหายไปแค่หกเดือน ชมพู่ก็โตขึ้นมาก ถ้าหากรุตหายไปเป็นปี มันก็เป็นเวลานานพอจะให้แกลืมหน้ารุตเลยทีเดียว”

“ไม่หรอกแอ้ ต่อไปผมไม่หายไปอีก ผมกับชมพู่จะอยู่ด้วยกันทุกวัน” ชายหนุ่มบอกเสียงหนักแน่น สบตาอดีตภรรยาอย่างยืนยันคำสัญญา

“แอ้เชื่อรุต เพราะถ้าไม่มั่นใจว่าทำได้ คนอย่างรุตคงไม่รับปาก” หญิงสาวบอกพร้อมรอยยิ้มอย่างให้รู้ว่าตนเชื่อใจเขา

“แล้วแอ้เป็นยังไงบ้าง เห็นว่าไปแคนาดาครั้งนี้ได้ทุนวิจัยไปด้วย”

“ใช่ แอ้ได้ทุนจากสถาบันวิจัยที่เคยไปทำ พอดีส่งงานวิจัยทิ้งไว้ให้สถาบันพิจารณาก่อนย้ายกลับเมืองไทย แต่เพิ่งได้รับการตอบรับ เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณภูมิทำเรื่องย้ายไปด้วยกันได้”

รานีนึกถึงการย้ายกลับไปแคนาดา สถานที่เคยพบกับมรุตในฐานะนักเรียนไทย กระทั่งสองคนได้คบหาและตัดสินใจร่วมชีวิตกันในเวลาต่อมา ช่วงนั้นชายหนุ่มได้ทำงานในบริษัทเดินเรือขนาดใหญ่ และเธอก็เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยเดิม ต่อเมื่อมีนางฟ้าน้อยมาเป็นพยาน กลับกลายเป็นว่าทั้งสองคนยิ่งห่างกัน ด้วยวิถีชีวิตที่ต่างกันและความเหมือนที่มีน้อยเต็มที จากที่เคยคิดว่าจะเข้ามาเติมเต็ม แต่พอได้อยู่ร่วมกัน จึงรู้ว่าไม่มีทางที่จะเป็นอย่างนั้นได้เลย

ต่อเมื่อรานีจบการศึกษาได้ดีกรีดอกเตอร์มาครอง ทั้งสองคนจึงตกลงใจหยุดสถานะของสามีภรรยาให้เหลือเพียงความเป็นเพื่อน หญิงสาวตัดสินใจย้ายกลับเมืองไทยพร้อมลูกน้อยในวัยหกเดือน ทว่าหลายอย่างกลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง ทำให้เธอต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel